5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์บนเส้นทาง road trip รอบเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย

5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์บนเส้นทาง road trip รอบเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย

5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์บนเส้นทาง road trip รอบเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมืองเมลเบิร์น(Melbourne) เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากเมืองซิดนีย์ และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชิคๆ ในตัวเมืองและจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ป่าเขาและชายฝั่ง ที่เก็บซ่อนความมหัศจรรย์ธรรมชาติเอาไว้ วันนี้ เราจะมาแนะนำ 5  สถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนเส้นทางการท่องเที่ยวสไตล์ Road trip มุ่งหน้าพาคุณเช็กอินแลนด์มาร์กห้ามพลาดรอบตัวเมืองเมลเบิร์น  ใครที่ชอบการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง สัมผัสธรรมชาติต้นไม้ป่าเขา 5 สถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ เมืองเมลเบิร์นนี้ จะทำให้คุณตกหลุมรักเมืองแห่งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

1.เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road] ถนนสายโรแมนติก”

ใครที่ชอบการขับรถเที่ยวเอง  เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road ]จะต้องอยู่ในลิสต์แน่นอน เพราะถนนสายนี้เปรียบได้กับมรดกแห่งชาติของประเทศออสเตรเลีย สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในถนนสายโรแมนติกที่สุดในโลกกับระยะทาง 243 กม.

ตลอดเส้นทาง Road trip เลียบชายฝั่งที่เหยียบคันเร่ง ภูมิประเทศจะค่อยๆ เปลี่ยนไป จากเมืองสู่แนวป่าทึบ ต้นไม้สูง หุบเขาสูงชัน ทุ่งโล่ง ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกอันสวยงาม เรียกว่าเป็นเส้นทางที่ไม่มีคำว่าเบื่อเลย

The Twelve Apostles The Twelve Apostles

Highlight: แลนด์มาร์กสำคัญบนเส้นทาง เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road ] ที่เมื่อมาถึงแล้วต้องไปเช็กอินให้ครบ เช่น The Twelve Apostles หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ เสาหิน 12 นักบุญ และกลุ่มเสาหิน Loch Ard Gorge, London Arch ซึ่งเป็นกลุ่มเสาหินขนาดมหึมาที่เมื่อกว่า 20 ล้านปีเคยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน ก่อนที่จะถูกคลื่นลมกัดเซาะจนกลายเป็นเสาหินปูนและกลุ่มก้อนหินรูปร่างต่างๆ ตั้งตระหง่านอยู่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก กลายเป็นจุดถ่ายรูปของเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องขอมาแวะเช็กอิน ถ่ายรูปกันเกือบทุกคน

เส้นทาง: ระยะทาง 243 กิโลเมตร เริ่มต้นจาก ถนนสาย M1 ออกจากตัวเมืองเมลเบิร์น เข้าสู่เมืองจีลอง (Geelong) และเข้าสู่ถนนสาย B 100 ซึ่งเป็นเส้นทางเริ่มต้นของถนนสายเดอะ เกรท โอเชียน (The Great Ocean) ที่เมืองทอร์คีย์ (Torquay) สิ้นสุดที่เมืองวอร์นัมบุล (Warrnambool) แล้วกลับเข้าเมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ถนนสองเลนสวนกัน จำกัดความเร็วที่ 50-100 กิโลเมตร

2.หนีความวุ่นวายไปชมดอกไม้ป่า ที่อุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park) เมืองฮอร์สแกป (Halls Gap)

ประมาณ 4 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์น คุณสามารถหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธรรมชาติ บรรยากาศเย็นสบาย ผ่อนคลายความเครียด ที่เขตอุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park)  แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีพื้นที่กว้าง รวบรวมเอาทั้งน้ำตกขนาดเล็กใหญ่ ลำธาร  หน้าผาสูง รวมไปถึงสัตว์ท้องถิ่นอีกมากมายหลายสายพันธุ์ เช่น นกประจำถิ่น และจิงโจ้ที่มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ เรียกว่า ใครที่เป็นสายเที่ยวธรรมชาติ ป่าเขา แนะนำว่าถ้ามาออสเตรเลียแล้ว ต้องแวะมาที่นี่

อุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park) อุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park)

Highlight: เสน่ห์ทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาที่นี่ ก็คือการเดินไปตามเส้นทางสำรวจธรรมชาติ ที่มีทั้งน้ำตก ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของหุบเขาที่มีทั้งเหวลึกและหน้าผาสูงชัน จนได้รับการขนานนามว่า แกรนด์ แคนยอนแห่งออสเตรเลีย ชมวิวมุมกว้างบนจุดชมวิว เดอะ พินนาเคิล วอลล์ (The Pinnacle Walls) กับมุมเปิดโล่งสุดสายตา

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้เพลิดเพลินไปกับเส้นทางธรรมชาติสู่น้ำตกแมคเคนซีย์ น้ำตกขนาดใหญ่ท่ามกลางป่าเขา หากนักท่องเที่ยวมาในช่วงผลิดอกของดอกไม้ป่า ตลอดสองข้างทางสู่น้ำตกจะพบกับดอกไม้ป่าสีสันสดใสมากมายที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง เรียกว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของที่นี่ว่าได้ นอกจากนี้ใครที่อยากจะเห็นจิงโจ้ตามธรรมชาติหรือสัตว์ประจำถิ่นของออสเตรเลียแบบใกล้ชิด หากขับรถมาที่นี่แล้วรับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน 

เส้นทาง: ระยะทาง 260 กิโลเมตรจากตัวเมืองเมลเบิร์น ตัวเขตอุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park)ตั้งอยู่บนถนนไฮเวย์ ชื่อ เดอะ เกลนเนลก์ (The Glenelg highway)  ระหว่างเมืองสตาเวลล์ (Stawell) และเมืองฮอร์แชม ( Horsham) ทางใต้ของเมืองเมลเบิร์น

3.ขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่นที่ ยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley)

ขับรถเพียง 1 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์น ก็สามารถเปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันสุดพิเศษสำหรับผู้ที่นิยมไวน์ชั้นเยี่ยมได้ เมื่อคุณขับรถมาถึง ไร่องุ่นยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley)  แหล่งผลิตไวน์ชื่อดัง ที่อยู่ห่างจากเมืองเมลเบิร์นเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น  ดินแดนแถบนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ขาวชาร์ดอน์เนย์ และไวน์แดงปิโนต์ นัวร์ ไวน์รสเยี่ยมของประเทศออสเตรเลียที่ไปสร้างชื่อเสียงระดับโลก

ขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่นขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่น

Highlight: ไฮไลต์สำคัญของทริปนี้คือ การขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่น โดยเฉพาะในช่วงแดดร่มลมตก บรรยากาศของไร่องุ่นจะถูกอาบไปด้วยแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่ใกล้แตะขอบฟ้า นอกจากชมบรรยากาศไร่องุ่นมุมสูงแล้ว ที่ไร่องุ่นแห่งนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ สัมผัสวิถีชีวิตของชาวไร่องุ่น สามารถเข้าชมโรงบ่มไวน์ คอกม้า ฟาร์มและร้านอาหารรสเลิศ หรือจะเลือกทัวร์ไวน์เทสติ้ง (Wine testing) ชิมไวน์รสเยี่ยมพร้อมอาหาร ที่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์คอยให้คำแนะนำ

เส้นทาง: มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองเมลเบิร์นโดยใช้เส้นทาง อีสลิงก์ โทรลเวย์ (Eastlink Tollway) ระยะทาง ประมาณ 50 กิโลเมตร ก็จะเข้าสู่เขตยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley)

4.ชมพาเหรดเพนกวินที่เล็กที่สุดในโลกที่เกาะฟิลลิป (Phillip island)

เกาะฟิลลิป (Phillip Island) เป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรเลีย เต็มไปด้วยธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์นเท่านั้น  บนเกาะแห่งนี้มีสถานที่น่าสนใจทางธรรมชาติมากถึง  8 แห่ง แต่ที่เป็นไฮไลต์ชูโรงให้กับเกาะแห่งนี้มากที่สุด คือ ฝูงเพนกวินที่อยู่อาศัยในอุทยานธรรมชาติเพนกวิน (Phillip Island Nature Parks) แหล่งที่อยู่อาศัยของเพนกวินที่ตัวเล็กที่สุดในโลก สายพันธุ์ลิตเติล (little) หรือ  Tiny Penquis (ไทนี เพนกวิน) ที่มีความสูงประมาณ  33  ซม. หนักประมาณ 1 กิโลกรัม ที่จะว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งในช่วงใกล้พลบค่ำ จับกลุ่มเดินพาเหรดขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมาก และยังมีห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับเพนกวินชนิดต่างๆ จากทั่วโลก  โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการรอชมฝูงเพนกวิน จะต้องเสียค่าเข้าชมเพื่อจับจองที่นั่งรอชมพาเหรดเพนกวิน

ชมพาเหรดเพนกวินที่เล็กที่สุดในโลกที่เกาะฟิลลิปชมพาเหรดเพนกวินที่เล็กที่สุดในโลกที่เกาะฟิลลิป

Highlight: ช่วงเวลาที่เหมาะกับการดูเพนกวินบนเกาะแห่งนี้ คือช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเวลาที่เพนกวินจะว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งหลังจากออกไปหากินในทะเลมาทั้งวัน นักท่องเที่ยวควรเช็กเวลาการตกของพระอาทิตย์ล่วงหน้า เนื่องจากในแต่ละฤดูกาลพระอาทิตย์จะตกช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน กฎเหล็กของการรอดูฝูงเพนกวินพาเหรดขึ้นเกาะฟิลลิป (Phillip Island) แห่งนี้ คือห้ามถ่ายรูป เนื่องจากแสงแฟลชจากกล้องสามารถทำลายการมองเห็นของเพนกวินได้

เส้นทาง:  จากตัวเมืองเมลเบิร์น มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งหมู่บ้านประมงซาน เรโม (San Remo) ระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก่อนข้ามสะพานเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะฟิลลิป

5.เดินเล่นดูเพนกวินก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่ ST. KILDA

สำหรับใครที่อยากชมบรรยากาศเพนกวินกลับบ้านยามเย็นแบบไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ต้องมาที่หาดเซนต์กิลด้า (St. Klida) ชายหาดที่เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวพอร์ตฟิลลิป (Port Phillip) ทางใต้ของเมืองเมลเบิร์น ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถรอชมเพนกวินที่กลับขึ้นฝั่งหลังพระอาทิตย์ตกดินได้แบบไม่เสียค่าเข้าชม ที่สำคัญสามารถถ่ายรูปได้โดยห้ามใช้แฟลช เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนและเป็นอันตรายกับเพนกวิน แต่จำนวนเพนกวินที่จะโชว์ตัวให้เห็นจะไม่ได้มีมากเท่ากับที่เกาะฟิลลิป เนื่องจากเพนกวินที่นี่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ  

ชมเพนกวินที่กลับขึ้นฝั่งหลังพระอาทิตย์ตกดินชมเพนกวินที่กลับขึ้นฝั่งหลังพระอาทิตย์ตกดิน

Highlight: ที่หาดเซนต์กิลด้า ไม่ได้มีเพียงแค่การรอชมเพนกวินปีนป่ายโขดหินกลับขึ้นฝั่งมาให้เห็นเท่านั้น แต่การมาเยือนชายหาดแห่งนี้คุ้มที่จะมาใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพราะนอกจากจะได้รอดูเพนกวินในบรรยากาศยามเย็นแล้ว ในระหว่างวันชายหาดแห่งนี้ก็มีจุดท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น การเดินเล่นชมบรรยากาศริมอ่าวบนสะพานไม้ที่ทอดตัวยาว และแวะถ่ายรูปกับอาคารไม้หลังใหญ่ที่สะพานไม้ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดเซนต์กิลด้า หรือการเล่นเครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาที่รางทำจากไม้และยังติดอันดับรถไฟเหาะตีลังกาที่อายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ในสวนสนุกลูนาร์ พาร์ก (Lunar Park) นอกจากนี้ยังมีร้านรวงอีกมากมาย ร้านอาหารหรู ร้านนั่งดื่ม บาร์มากมายในยามค่ำคืน เรียกว่าหาดเซนต์กิลด้า เป็นแหล่งรวมความบันเทิงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

เส้นทาง: ชายหาดเซนต์กิลด้า อยู่ห่างจากใจกลางเมลเบิร์นไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เพียง 6 กิโลเมตร

ใครที่อยากเริ่มต้นการท่องโลกกว้างสไตล์ Road trip  ที่ปลอดภัย วิวสวย งบไม่แพง การท่องเที่ยวแบบ road trip  รอบๆ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่จะเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวของคุณได้ เพราะทั้ง 5 จุดหมายปลายทางบนเส้นทาง Road trip ที่นำเสนอนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมอีกต่อไปแล้ว

เพราะตอนนี้ สายการบิน สกู๊ต  เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย  พาคุณลัดฟ้าไปพร้อมความสะดวกสบายด้วยเครื่องรุ่นใหม่ ขนาดใหญ่ Boeing 787 Dreamliner นั่งสบาย รองรับการบินระยะไกลให้คุณสบายตลอดเส้นทาง ที่สำคัญราคาประหยัด จับต้องได้ 

จองด่วน! สายการบิน สกู๊ต จัดโปรโมชั่นพิเศษ ระหว่างวันที่ 2-15 มี.ค. 63 นี้ เพียงใส่โค้ดโปรโมชั่น  SCOOT15  รับส่วนลด 15% เส้นทาง กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น  จองเลย! คลิก

สายการบินสกู๊ตสายการบินสกู๊ต

รับส่วนลด 15% เมื่อจองตั๋ว ภายในวันที่ 2 -15  มี.ค. 63 

รับส่วนลด 10%  เมื่อจองตั๋ว ภายในวันที่  16 – 25 มี.ค.63

*ส่วนลดนี้ใช้ได้ถึง 31 ต.ค. 63

ใครที่กำลังวางแพลนท่องเที่ยวเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียในช่วงซัมเมอร์นี้ อย่าคิดนาน โปรโมชั่นดีแบบนี้มีไม่บ่อย!

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook