5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์บนเส้นทาง road trip รอบเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
เมืองเมลเบิร์น(Melbourne) เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากเมืองซิดนีย์ และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชิคๆ ในตัวเมืองและจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ป่าเขาและชายฝั่ง ที่เก็บซ่อนความมหัศจรรย์ธรรมชาติเอาไว้ วันนี้ เราจะมาแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนเส้นทางการท่องเที่ยวสไตล์ Road trip มุ่งหน้าพาคุณเช็กอินแลนด์มาร์กห้ามพลาดรอบตัวเมืองเมลเบิร์น ใครที่ชอบการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง สัมผัสธรรมชาติต้นไม้ป่าเขา 5 สถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ เมืองเมลเบิร์นนี้ จะทำให้คุณตกหลุมรักเมืองแห่งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น
1.เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road] “ถนนสายโรแมนติก”
ใครที่ชอบการขับรถเที่ยวเอง เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road ]จะต้องอยู่ในลิสต์แน่นอน เพราะถนนสายนี้เปรียบได้กับมรดกแห่งชาติของประเทศออสเตรเลีย สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในถนนสายโรแมนติกที่สุดในโลกกับระยะทาง 243 กม.
ตลอดเส้นทาง Road trip เลียบชายฝั่งที่เหยียบคันเร่ง ภูมิประเทศจะค่อยๆ เปลี่ยนไป จากเมืองสู่แนวป่าทึบ ต้นไม้สูง หุบเขาสูงชัน ทุ่งโล่ง ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกอันสวยงาม เรียกว่าเป็นเส้นทางที่ไม่มีคำว่าเบื่อเลย
Highlight: แลนด์มาร์กสำคัญบนเส้นทาง เดอะ เกรท โอเชียน [The Great Ocean Road ] ที่เมื่อมาถึงแล้วต้องไปเช็กอินให้ครบ เช่น The Twelve Apostles หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ เสาหิน 12 นักบุญ และกลุ่มเสาหิน Loch Ard Gorge, London Arch ซึ่งเป็นกลุ่มเสาหินขนาดมหึมาที่เมื่อกว่า 20 ล้านปีเคยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน ก่อนที่จะถูกคลื่นลมกัดเซาะจนกลายเป็นเสาหินปูนและกลุ่มก้อนหินรูปร่างต่างๆ ตั้งตระหง่านอยู่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก กลายเป็นจุดถ่ายรูปของเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องขอมาแวะเช็กอิน ถ่ายรูปกันเกือบทุกคน
เส้นทาง: ระยะทาง 243 กิโลเมตร เริ่มต้นจาก ถนนสาย M1 ออกจากตัวเมืองเมลเบิร์น เข้าสู่เมืองจีลอง (Geelong) และเข้าสู่ถนนสาย B 100 ซึ่งเป็นเส้นทางเริ่มต้นของถนนสายเดอะ เกรท โอเชียน (The Great Ocean) ที่เมืองทอร์คีย์ (Torquay) สิ้นสุดที่เมืองวอร์นัมบุล (Warrnambool) แล้วกลับเข้าเมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ถนนสองเลนสวนกัน จำกัดความเร็วที่ 50-100 กิโลเมตร
2.หนีความวุ่นวายไปชมดอกไม้ป่า ที่อุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park) เมืองฮอร์สแกป (Halls Gap)
ประมาณ 4 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์น คุณสามารถหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธรรมชาติ บรรยากาศเย็นสบาย ผ่อนคลายความเครียด ที่เขตอุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park) แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีพื้นที่กว้าง รวบรวมเอาทั้งน้ำตกขนาดเล็กใหญ่ ลำธาร หน้าผาสูง รวมไปถึงสัตว์ท้องถิ่นอีกมากมายหลายสายพันธุ์ เช่น นกประจำถิ่น และจิงโจ้ที่มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ เรียกว่า ใครที่เป็นสายเที่ยวธรรมชาติ ป่าเขา แนะนำว่าถ้ามาออสเตรเลียแล้ว ต้องแวะมาที่นี่
Highlight: เสน่ห์ทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาที่นี่ ก็คือการเดินไปตามเส้นทางสำรวจธรรมชาติ ที่มีทั้งน้ำตก ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของหุบเขาที่มีทั้งเหวลึกและหน้าผาสูงชัน จนได้รับการขนานนามว่า แกรนด์ แคนยอนแห่งออสเตรเลีย ชมวิวมุมกว้างบนจุดชมวิว เดอะ พินนาเคิล วอลล์ (The Pinnacle Walls) กับมุมเปิดโล่งสุดสายตา
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้เพลิดเพลินไปกับเส้นทางธรรมชาติสู่น้ำตกแมคเคนซีย์ น้ำตกขนาดใหญ่ท่ามกลางป่าเขา หากนักท่องเที่ยวมาในช่วงผลิดอกของดอกไม้ป่า ตลอดสองข้างทางสู่น้ำตกจะพบกับดอกไม้ป่าสีสันสดใสมากมายที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง เรียกว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของที่นี่ว่าได้ นอกจากนี้ใครที่อยากจะเห็นจิงโจ้ตามธรรมชาติหรือสัตว์ประจำถิ่นของออสเตรเลียแบบใกล้ชิด หากขับรถมาที่นี่แล้วรับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เส้นทาง: ระยะทาง 260 กิโลเมตรจากตัวเมืองเมลเบิร์น ตัวเขตอุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ (Grampians National Park)ตั้งอยู่บนถนนไฮเวย์ ชื่อ เดอะ เกลนเนลก์ (The Glenelg highway) ระหว่างเมืองสตาเวลล์ (Stawell) และเมืองฮอร์แชม ( Horsham) ทางใต้ของเมืองเมลเบิร์น
3.ขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่นที่ ยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley)
ขับรถเพียง 1 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์น ก็สามารถเปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันสุดพิเศษสำหรับผู้ที่นิยมไวน์ชั้นเยี่ยมได้ เมื่อคุณขับรถมาถึง ไร่องุ่นยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley) แหล่งผลิตไวน์ชื่อดัง ที่อยู่ห่างจากเมืองเมลเบิร์นเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น ดินแดนแถบนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ขาวชาร์ดอน์เนย์ และไวน์แดงปิโนต์ นัวร์ ไวน์รสเยี่ยมของประเทศออสเตรเลียที่ไปสร้างชื่อเสียงระดับโลก
Highlight: ไฮไลต์สำคัญของทริปนี้คือ การขึ้นบอลลูนชมบรรยากาศไร่องุ่น โดยเฉพาะในช่วงแดดร่มลมตก บรรยากาศของไร่องุ่นจะถูกอาบไปด้วยแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่ใกล้แตะขอบฟ้า นอกจากชมบรรยากาศไร่องุ่นมุมสูงแล้ว ที่ไร่องุ่นแห่งนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ สัมผัสวิถีชีวิตของชาวไร่องุ่น สามารถเข้าชมโรงบ่มไวน์ คอกม้า ฟาร์มและร้านอาหารรสเลิศ หรือจะเลือกทัวร์ไวน์เทสติ้ง (Wine testing) ชิมไวน์รสเยี่ยมพร้อมอาหาร ที่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์คอยให้คำแนะนำ
เส้นทาง: มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองเมลเบิร์นโดยใช้เส้นทาง อีสลิงก์ โทรลเวย์ (Eastlink Tollway) ระยะทาง ประมาณ 50 กิโลเมตร ก็จะเข้าสู่เขตยาร์ร่า วัลลีย์ (Yarra Valley)
4.ชมพาเหรดเพนกวินที่เล็กที่สุดในโลกที่เกาะฟิลลิป (Phillip island)
เกาะฟิลลิป (Phillip Island) เป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรเลีย เต็มไปด้วยธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากเมืองเมลเบิร์นเท่านั้น บนเกาะแห่งนี้มีสถานที่น่าสนใจทางธรรมชาติมากถึง 8 แห่ง แต่ที่เป็นไฮไลต์ชูโรงให้กับเกาะแห่งนี้มากที่สุด คือ ฝูงเพนกวินที่อยู่อาศัยในอุทยานธรรมชาติเพนกวิน (Phillip Island Nature Parks) แหล่งที่อยู่อาศัยของเพนกวินที่ตัวเล็กที่สุดในโลก สายพันธุ์ลิตเติล (little) หรือ Tiny Penquis (ไทนี เพนกวิน) ที่มีความสูงประมาณ 33 ซม. หนักประมาณ 1 กิโลกรัม ที่จะว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งในช่วงใกล้พลบค่ำ จับกลุ่มเดินพาเหรดขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมาก และยังมีห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับเพนกวินชนิดต่างๆ จากทั่วโลก โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการรอชมฝูงเพนกวิน จะต้องเสียค่าเข้าชมเพื่อจับจองที่นั่งรอชมพาเหรดเพนกวิน
Highlight: ช่วงเวลาที่เหมาะกับการดูเพนกวินบนเกาะแห่งนี้ คือช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเวลาที่เพนกวินจะว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งหลังจากออกไปหากินในทะเลมาทั้งวัน นักท่องเที่ยวควรเช็กเวลาการตกของพระอาทิตย์ล่วงหน้า เนื่องจากในแต่ละฤดูกาลพระอาทิตย์จะตกช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน กฎเหล็กของการรอดูฝูงเพนกวินพาเหรดขึ้นเกาะฟิลลิป (Phillip Island) แห่งนี้ คือห้ามถ่ายรูป เนื่องจากแสงแฟลชจากกล้องสามารถทำลายการมองเห็นของเพนกวินได้
เส้นทาง: จากตัวเมืองเมลเบิร์น มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งหมู่บ้านประมงซาน เรโม (San Remo) ระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก่อนข้ามสะพานเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะฟิลลิป
5.เดินเล่นดูเพนกวินก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่ ST. KILDA
สำหรับใครที่อยากชมบรรยากาศเพนกวินกลับบ้านยามเย็นแบบไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ต้องมาที่หาดเซนต์กิลด้า (St. Klida) ชายหาดที่เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวพอร์ตฟิลลิป (Port Phillip) ทางใต้ของเมืองเมลเบิร์น ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถรอชมเพนกวินที่กลับขึ้นฝั่งหลังพระอาทิตย์ตกดินได้แบบไม่เสียค่าเข้าชม ที่สำคัญสามารถถ่ายรูปได้โดยห้ามใช้แฟลช เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนและเป็นอันตรายกับเพนกวิน แต่จำนวนเพนกวินที่จะโชว์ตัวให้เห็นจะไม่ได้มีมากเท่ากับที่เกาะฟิลลิป เนื่องจากเพนกวินที่นี่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
Highlight: ที่หาดเซนต์กิลด้า ไม่ได้มีเพียงแค่การรอชมเพนกวินปีนป่ายโขดหินกลับขึ้นฝั่งมาให้เห็นเท่านั้น แต่การมาเยือนชายหาดแห่งนี้คุ้มที่จะมาใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพราะนอกจากจะได้รอดูเพนกวินในบรรยากาศยามเย็นแล้ว ในระหว่างวันชายหาดแห่งนี้ก็มีจุดท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น การเดินเล่นชมบรรยากาศริมอ่าวบนสะพานไม้ที่ทอดตัวยาว และแวะถ่ายรูปกับอาคารไม้หลังใหญ่ที่สะพานไม้ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดเซนต์กิลด้า หรือการเล่นเครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาที่รางทำจากไม้และยังติดอันดับรถไฟเหาะตีลังกาที่อายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ในสวนสนุกลูนาร์ พาร์ก (Lunar Park) นอกจากนี้ยังมีร้านรวงอีกมากมาย ร้านอาหารหรู ร้านนั่งดื่ม บาร์มากมายในยามค่ำคืน เรียกว่าหาดเซนต์กิลด้า เป็นแหล่งรวมความบันเทิงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เส้นทาง: ชายหาดเซนต์กิลด้า อยู่ห่างจากใจกลางเมลเบิร์นไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เพียง 6 กิโลเมตร
ใครที่อยากเริ่มต้นการท่องโลกกว้างสไตล์ Road trip ที่ปลอดภัย วิวสวย งบไม่แพง การท่องเที่ยวแบบ road trip รอบๆ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่จะเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวของคุณได้ เพราะทั้ง 5 จุดหมายปลายทางบนเส้นทาง Road trip ที่นำเสนอนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมอีกต่อไปแล้ว
เพราะตอนนี้ สายการบิน สกู๊ต เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พาคุณลัดฟ้าไปพร้อมความสะดวกสบายด้วยเครื่องรุ่นใหม่ ขนาดใหญ่ Boeing 787 Dreamliner นั่งสบาย รองรับการบินระยะไกลให้คุณสบายตลอดเส้นทาง ที่สำคัญราคาประหยัด จับต้องได้
จองด่วน! สายการบิน สกู๊ต จัดโปรโมชั่นพิเศษ ระหว่างวันที่ 2-15 มี.ค. 63 นี้ เพียงใส่โค้ดโปรโมชั่น SCOOT15 รับส่วนลด 15% เส้นทาง กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น จองเลย! คลิก
รับส่วนลด 15% เมื่อจองตั๋ว ภายในวันที่ 2 -15 มี.ค. 63
รับส่วนลด 10% เมื่อจองตั๋ว ภายในวันที่ 16 – 25 มี.ค.63
*ส่วนลดนี้ใช้ได้ถึง 31 ต.ค. 63
ใครที่กำลังวางแพลนท่องเที่ยวเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียในช่วงซัมเมอร์นี้ อย่าคิดนาน โปรโมชั่นดีแบบนี้มีไม่บ่อย!
(Advertorial)