สลดใจสายเดินป่า! ภาพดอยม่อนจองถูกไฟป่าเผาไหม้เป็นเถ้าดำ
ภาพสลดดอยม่อนจอง ที่อำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่สุดยอดแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติสำหรับคนชอบเที่ยวป่าเดินดอย วันนี้ถูกไฟป่าเผาวอด กลายเป็นภูเขาสีดำจากเถ้าไฟที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งให้ทุกอำเภอวิเคราะห์พื้นที่ดับไฟ ประเมินความจำเป็นเร่งด่วน และกำหนดเป้าหมายลดจุดความร้อนให้ชัดเจน เพื่อให้การปฏิบัติงานเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
สภาพของดอยม่อนจอง ที่ตำบลแม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่เจ้าหน้าที่ สถานีควบคุมไฟป่าอมก๋อย และเจ้าหน้าที่ของเขตรักษาพันธุสัตว์ป่าอมก๋อย ถ่ายไว้หลังขึ้นไปช่วยกันดับไฟป่า ซึ่งเผาไหม้ในพื้นที่ของดอยม่อนจอง เป็นพื้นที่เกือบ 20 ไร่ จากที่เคยเป็นทุ่งหญ้าที่ราบสูงสีเขียวสด วันนี้กลายเป็นสีดำจากเถ้าไฟที่ถูกไฟป่าเผาหลายจุด จนกลายเป็นม่อนดอยสีดำ ทั้งนี้ดอยม่อนจอง ที่อยู่ในความดูแลของ เขตรักษาพันสัตว์ป่าอมก๋อย ถือเป็น จุดที่นักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ชอบมา ด้วยความสูงชัน และต้องใช้วิธีการเดินเท้าขึ้นไปในระดับความสูงถึง 1,929 เมตร ดอยม่อนจองจึง ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยจุดสูงสุดของ ดอยม่อนจอง เรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต ดอยม่อนจองยังเป็นแหล่งที่สัตว์ป่าอยู่อาศัย เช่นกวางผา หรือ ม้าเทวดาและเลียงผา รวมทั้งโขลงช้างป่า ซึ่งทางทีมเจ้าหน้าที่ยังไปพบกับกองของขี้ช้างที่ยังใหม่ๆ อยู่เชื่อว่าโขลงช้างป่าจะหนีไฟป่าไปยังจุดที่ปลอดภัย
ทางด้าน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมกับคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าฝุ่นควันที่เกิดขึ้น โดยมีการเรียก 5 อำเภอ ที่พบว่ามีจุดความร้อนมากที่สุดในเช้าวันนี้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference เพื่อรายงานความคืบหน้าของการดับไฟและนำข้อมูลมาวางแผนปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้แก่ อำเภออมก๋อย เชียงดาว แม่แจ่ม แม่วาง และสะเมิง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน วิเคราะห์พื้นที่เกิดไฟไหม้ให้ดี ประเมินตามความความจำเป็นเร่งด่วนให้ทำที่พื้นที่นั้นก่อน กำหนดเป้าหมายลดจุดความร้อนให้ชัดเจน นำข้อมูลมาปรับแผนแบบรายวัน อย่าให้เกิดจุดไฟไหม้ซ้ำซากต่อเนื่อง ซึ่งการสร้างรับรู้คือประเด็นที่สำคัญต้องทำให้ชาวบ้านรับทราบ โดยใช้ศักยภาพของกำลังชุมชน เข้าไปทำความเข้าใจ พูดภาษาเดียวกันกับที่กลุ่มชาติพรรณอาศัยอยู่ ซึ่งอาจเป็นปราญชาวบ้าน ผู้นำจิตวิญญาณ ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ในชุมชนด้วยตัวเอง ไม่ใช้ล่ามท้องถิ่น รวมทั้งใช้หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เพื่อดึงชุมชนมาร่วมเป็นเครือข่ายในการชี้เบาะแสผู้ลักลอบเผาป่าเพื่อจับกุมมาดำเนินคดี พร้อมกันนี้ยังให้เพิ่มชุดลาดตระเวนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต่างๆ โดยอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากผู้ที่เชี่ยวชาญในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเก็บหาของป่า ลงพื้นที่ในชุมชน เพื่อลดการเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ต่างๆ ด้วย
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าเช้านี้ของจังหวัดเชียงใหม่เช้านี้ รายงานจุด Hotspot วันที่ 7 เม.ย. 63 (รอบเช้า) จำนวน 104 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 47 จุด ป่าอนุรักษ์ 53 จุด พื้นที่เกษตร 4 จุด
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ