สายฝน ลานสน บนภูสูง
ถึงฤดูฝนทีไร ดูเหมือนนักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่อยากจะออกเดินทางไปไหนมาไหนกันสักเท่าไร (รวมทั้งผมเองด้วย) ถึงแม้จะมีใจรักธรรมชาติอยู่มากก็ตาม ยิ่งการเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ลำบากลำบนบ่อยๆ นั้น บางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ได้เหมือนกัน....
แต่มาลองคิดดูว่าขณะนี้ยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินไหว แบกเป้ได้ มีเพื่อนสนิทที่ไปได้ถึงไหนถึงกัน ธรรมชาติในเมืองไทยยังคงอุดมสมบูรณ์รอคอยอยู่ และถ้าต่อไปอีกสักสิบปีข้างหน้า เรี่ยวแรง เพื่อนสนิท ธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า ก็เป็นการยากที่จะคาดเดา และในทริปนี้ผมถูกติงจากคนรอบข้างหลายคนว่า คิดยังไงเดินทางในหน้าฝน? ทำไมขึ้นภู เข้าป่าในหน้าฝน? ไปคนเดียวเถอะ...ไม่ไปด้วยหรอกลำบากจะตาย และอีกหลายคำถามโดยมี ฝน เข้ามาเกี่ยวข้อง ....
การที่ผมต้องดั้นด้นไปในช่วงนี้ก็เพราะ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้ สภาพของธรรมชาติในช่วงแรกของการเปิดภูอย่างนี้จะยังคงครบถ้วนสมบูรณ์ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากเห็น
เมื่อผ่านการชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบของอุทยานฯ และทำการฝากสัมภาระบางส่วนให้กับลูกหาบช่วยแบกขึ้นไปแล้ว บททดสอบใจและกำลังขาบทแรกก็เริ่มขึ้นที่ เนินส่งญาติ เป็นแรกและเป็นเนินที่มีความชันมาก ว่ากันว่าเคยมีนักท่องเที่ยวบางคนที่ตั้งใจเดินขึ้นไปบนยอดลานสนอันเป็นเป้าหมายของการเดินเท้าในเส้นทางนี้ แต่ทว่าเมื่อเดินทางมาสัมผัสกับเนินแรกนี้ก็ได้เปลี่ยนใจเดินกลับออกไป ปล่อยให้เพื่อนในกลุ่มเดินทางขึ้นไป จึงเป็นที่มาของชื่อเนินส่งญาติ ผมนึกชมผู้ที่ตั้งชื่อนี้อยู่ในใจ เพราะตั้งได้ดีสอดคล้องกับอารมณ์ในขณะนี้ เหมือนกับผู้ที่ตั้งชื่อให้ซำแฮก ปราการด่านแรกของภูกระดึง
จากนั้นต่อด้วยเนินปราบเซียน เนินเสือโคร่ง เนินมรณะ และลานสน ผมจำได้ขึ้นใจเพราะก่อนเดินทางได้หาข้อมูลมาล่วงหน้ามาแล้ว เราเริ่มต้นเดินจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว (หน่วยย่อย บริเวณน้ำตกภูสอยดาว) ซึ่งอยู่ติดกับทางหลวงสาย 1268 ถนนสายยุทธศาสตร์ไทย-ลาว ครึ่งช่ั่วโมงที่แล้วลูกหาบได้แบกสัมภาระเดินล่วงหน้าไปก่อนด้วยความชำนาญเส้นทาง ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นของผืนป่า เส้นทางในช่วงแรกเป็นการเดินแบบลัดเลาะไปตามริมธารน้ำตก จากนั้นทางเดินจะสูงชันขึ้น
ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ปากเริ่มทำหน้าที่ช่วยจมูกในการหายใจให้เร็วขึ้น ครั้นจะพักนานๆ ก็ดูจะไม่เหมาะ ต้องฝืนก้าวเดินต่อไป แต่พอเดินต่อสักพักก็เหมือนเครื่องเริ่มร้อน ถึงแม้การเดินในช่วงแรกอาจจะเหนื่อยก็จริง แต่เมื่อผ่านมาได้ก็จะรู้สึกดีขึ้น ต่อไปก็เป็นเนินปราบเซียน เราต้องเดินแบบคอยกัน ผลัดกันแซงบ้างเป็นบางโอกาส แต่ไม่ควรทิ้งห่างกันจนเกินไป เพราะการเข้าป่าที่ทางเดินรกร้างมานาน อาจเกิดการพลัดหลงได้ ยิ่งหน้าฝนอย่างนี้ด้วยแล้ว สายฝนอาจชะรอยทางเดินจนเรามองไม่ออกก็เป็นได้
ท้องฟ้าที่สดใสกลับกลายมืดครึ้มอย่างฉับพลัน อากาศเริ่มเย็น สายลมโบกสะบัดพัดยอดไม้ เป็นสัญญาณที่มาก่อนสายฝน เกือบครึ่งทางแล้วที่ได้เดินมา หากฝนเทกระหน่ำลงตอนนี้ความยากลำบากจะเพิ่มเป็นทวีคูณ เราต้องเดินต่อไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่แหละหนาที่เขาว่าอย่าไว้ใจป่า เพียงไม่ถึง 10 นาที จากสัญญาณเตือน สายฝนก็โปรยปรายลงอย่างรวดเร็ว
สายฝนกระหน่ำโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เส้นทางเดินตอนนี้ได้กลายเป็นธารน้ำเล็กๆ ไหลให้เราได้เดินทวนกระแสไป มีบางจุดที่ก้นต้องลงไปสัมผัสกับพื้นดินโดยไม่ได้ตั้งใจ กล้องถ่ายภาพถูกเก็บลงกระเป๋าอย่างมิดชิด หลายจุดที่มีทิวทัศน์งดงามเราต้องเก็บไว้ถ่ายในตอนขากลับ ในเวลานี้เราคิดกันเพียงพาร่างกายให้ขึ้นสู่ลานสนให้ได้อย่างปลอดภัย
เวลานี้หัวเข่าต้องทำงานอย่างหนัก สองมือไขว่คว้าหาที่เกาะยึดเหนี่ยว สายตามองหาจุดที่จะต้องวางเท้าต่อไปอย่างมั่นคง ฝนยังคงตกมาเป็นระยะหนักบ้างเบาบ้าง การเดินให้ถึงป้ายผู้พิชิตลานสนภูสอยดาวดูเป็นเรื่องที่ผมต้องการมากที่สุด เพราะนั่นหมายถึงการได้จัดการกับเต็นท์ที่พัก และอาหารการกิน ซึ่งตอนนี้สัญญาณแห่งความหิวได้ร้องเตือนมานานแล้ว
และในที่สุดเราก็สามารถพิชิตความสูง 1,633 ม. ได้อย่างปลอดภัย ลานสนเป็นลานราบสูงๆ ต่ำๆ เล็กน้อยมีต้นสนสามใบขึ้นเรียงรายสลับกับทุ่งหญ้า ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีดอกหงอนนาคขึ้นเบ่งบานอยู่เต็มลาน บนลานสนนี้ไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการ มีเพียงบ้านพักหลังเล็กของเจ้าหน้าที่เท่านั้น นักท่องเที่ยวต้องเตรียมเต็นท์ไปเอง หรือต้องติดต่อเช่าจากเจ้าหน้าที่ด้านล่าง โดยมีบริเวณกางเต็นท์ไว้ให้ไม่ไกลจากบ้านพักเจ้าหน้าที่มากนัก
สำหรับผมและเพื่อนๆ ในคณะเดินทางแล้ว ค่ำคืนนี้คงจะขอยอมแพ้ฝน โดยขอนอนหลับในเต็นท์ที่มีน้ำฝนไหลทะลักเข้ามา มันเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม ความยากลำบากของการเดินทางบางครั้งก็เป็นเสน่ห์ท้าทายให้ลุกขึ้นออกเดินทางอีกครั้ง และเมื่อได้กลับมาดูภาพเก่าๆ เห็นถึงความลำบากในครั้งก่อน ผมก็มักจะยิ้มให้กับภาพเหล่านั้นเสมอ
ขอขอบคุณ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ทุกๆ ท่าน
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
โทร. 095 629 9528