ล่องแก่งน้ำว้า สายน้ำของคนกล้า
ท่ามกลางสภาพอากาศที่ผันแปรประเดี๋ยวร้อนสลับปรับเปลี่ยนเป็นครึ้มฝน จนบางคราวมีหยาดน้ำหยดลงเม็ดโปรยปรายประพรม ราวกับเป็นน้ำพุทธมนต์ปลอบประโลมจิตใจให้พวกเรากว่า 20 ชีวิต รู้สึกฮึกเหิมไม่หวั่นเกรงกับความตื่นเต้นเร้าใจที่กำลังจะได้พบในอีกไม่กี่นาทีตรงหน้า
ริมสายน้ำว้า สายน้ำที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำแห่งผืนป่าเทือกเขาหลวงพระบางที่ทอดตัวยาวมาจรดแดนดินถิ่นล้านนาตะวันออก เรือยางหลากสีบรรทุกสัมภาระเพื่อไปแค้มป์กลางพงพนาและนักท่องเที่ยวผู้หลงไหลการผจญภัยเรียงรายพร้อมเผชิญกระแสน้ำรุนแรง อันเกิดจากความต่างระดับของแก่งหิน ก่อให้เกิดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ ท้าทายนักเดินทางให้มาสัมผัสอย่างน้อยก็ “สักครั้งหนึ่งในชีวิต”
น้ำว้าดุดัน สวยงาม
เสียงนายท้ายเรือสั่งเสียงดังฟังชัด “ซ้าย..ขวา..พาย” ลูกเรือที่เพิ่งผ่านการซักซ้อมมาเพียงระยะเวลาไม่ถึง 20 นาที จ้วงพายลงผิวน้ำใสเย็นอย่างแข็งขันพร้อมเพรียง ราวกับเหล่าฝีพายเรือยาวแห่งเมืองน่านที่ผ่านนัดเปิดสนามหน้าเมืองไปได้ไม่กี่วัน ทว่าสนามนี้ไม่ได้แข่งกับใครอื่น แต่เป็นการแข่งขันเอาชนะกับหัวใจของตนเอง ระหว่างความกลัวกับความกล้ารวมถึงน้ำใจไมตรีที่จะมีให้แก่กัน แน่นอนว่าเรื่องหลังนี้ไม่ค่อยจะมีในสังคมเมืองหลวง “หากคุณหยุดพาย เรือก็จะไม่ไป และทุกคนก็จะไม่พ้นแก่ง สายน้ำสายนี้ไม่เหมือนที่อื่น ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันเรืออาจพลิกคว่ำได้” นายท้ายกำชับอีกครั้ง จนลูกเรือจำขึ้นใจ
ในช่วงเวลาชิลล์ คือเวลาที่พึ่งผ่านพ้นแก่ง ผมแลเห็นสายน้ำว้าสวยงามหลังผ่านพ้นความดุดัน เกลียวคลื่นพริ้วแตกกระเซ็นเป็นประกายใส มันช่างเป็นภาพงดงามไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน ยิ่งในช่วงเวลาที่อยู่ในแก่งน้ำ แม้วินาทีนั้นทุกคนกำลังจ้วงพายลงน้ำถี่ยิบราวกับขุนศึกบนหลังม้าพยศกำลังทิ่มแทงอริศัตรูด้วยหอกหลาว แต่สายน้ำว้าก็ยังคงความงดงามประหนึ่งสาวน้อยในวัยใสผู้เยือกเย็นนุ่มละมุน ทว่ามีเกรี้ยวกราดบ้างในบางคราว ดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเพื่อพิชิตใจเธอมาครอง
เวลานานนับชั่วโมงผ่านไปร่างกายเปียกปอนชุ่มน้ำ จากความกลัวเปลี่ยนเป็นความกล้าแล้วพัฒนาไปเป็นความสนุก บทสนทนาหยอกเย้าภายในจนถึงระหว่างเรือได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อใดผมไม่ทันสังเกต เพียงรับรู้ได้ว่ามิตรภาพได้เกิดขึ้นแล้วในนทีสายนี้ สองฟากฝั่งเป็นป่าเขาบางคนเริ่มขับกล่อมลำนำไพรเพื่อปลอบใจหรือไม่ก็เพลินอย่างลืมตัว บางช่วงของเส้นทางทางฝั่งขวามีน้ำตกลงมาเป็นสายนับได้หลายชั้น ภาพของนกปากยาวยืนนิ่งรอคอยเวลาโฉบเหยื่อที่เผลอลอยตัวขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ สร้างความตื่นเต้นให้แก่พวกเรายิ่งนัก ภาพสะพานแขวนเชื่อมโยงระหว่างสองฟากฝั่งที่สร้างพอให้คนเดินได้คราวละ 3-4 คน ชวนให้คิดต่อไปว่า ในป่าแห่งนี้มีคนอาศัยอยู่...แล้วเขาจะลำบากไหมกับเส้นทางที่รถทุกชนิดไม่สามารถเข้าถึง หรือว่าเขากำลังมีความสุขอย่างที่เขาเป็นอยู่
วันนี้เราพายผ่านแก่งเสือเต้นห้วยลอย แก่งสบห้วยปึง แก่งหลวง แก่งห้วยเดื่อ แก่งผีป่า ซึ่งล้วนแต่เป็นแก่งใหญ่ที่ถูกจัดอยู่ในระดับ 4-5 โดยถือว่าเป็นระดับสูงของการล่องแก่ง นายท้ายและนายหัวเรือต้องใช้ทักษะประสบการณ์อย่างมากจึงจะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี การล่องแก่งในสายน้ำว้าช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ปริมาณน้ำไม่มากจนทำให้เกิดอันตรายและไม่น้อยเกินไปจนทำให้ไม่สนุกสนาน
ปัจจุบันเราเรียกเส้นทางการล่องแก่งจากบ้านสบมาง อำเภอบ่อเกลือ ไปจนถึงบ้านวังลูน อำเภอแม่จริม ว่าเป็นการล่องแก่งน้ำว้าตอนกลางระยะทาง 80 กิโลเมตร ผู้เดินทางจะต้องพักค้างแรมในแค้มป์กลางป่าที่ผู้ประกอบการได้เข้ามาจัดทำไว้อย่างน้อย 1 คืน พวกเขาจะทำการเตรียมอุปกรณ์ และเสบียงอาหารไว้ให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ทั้งนี้ความสะดวกสบายคงไม่เหมือนกับการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ทั่วไปที่รถยนต์สามารถเข้าถึง นักท่องเที่ยวควรทำความเข้าใจกับพื้นที่และควรมีการเตรียมตัวมาบ้าง โดยไม่ลืมว่าการท่องเที่ยวคือการใช้ชีวิตให้แตกต่างไปจากวิถีชีวิตประจำวัน
ในที่สุดผมและทุกคนในคณะเดินทางได้เดินทางผ่านแก่งใหญ่ๆ อีกมากมายนับสิบแก่ง จนมาถึงจุดหมายปลายทางที่บ้านวังลูนในช่วงบ่ายวันที่สองของการเดินทาง จากนี้สายน้ำว้ายังคงไหลรินต่อไปอีกหลายกิโลเมตรจนถึงบริเวณที่เรียกว่าสบว้า ในพื้นที่อำเภอเวียงสา ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของจังหวัดน่าน เราใช้เวลาอีกหนึ่งวันที่เหลือสำหรับโปรแกรมท่องเที่ยวในตัวเมืองน่าน แต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับการชื่นชมงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนาอันทรงคุณค่า ที่ล้วนมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ ผมอยากให้คุณได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง
แสงแดดยามบ่ายปลายฤดูฝน เมฆสีเทาส่อเค้าลอยมามีทีท่าว่าอีกไม่นานคงมีหยาดฝนโปรยปราย บนรันเวย์ของท่าอากาศยานน่านมีเครื่องบินที่ส่วนหัวเป็นรูปปากนกสีเหลืองของสายการบินนกแอร์เทียบบันไดรออยู่ และแล้วต่อมาไม่นานเมืองน่านทั้งเมืองก็พลันเปลี่ยนเป็นภาพหมู่บ้านใหญ่บนที่ราบท่ามกลางการโอบล้อมของขุนเขา หลังคาอาคารบ้านเรือนวัดวาอารามต่างๆ ค่อยๆ มีขนาดเล็กลง ก้อนเมฆขาวและเทาเริ่มเข้ามาบดบังราวกับจะต้องการปิดบังเมืองน่านเอาไว้ เพื่อปกปักรักษาให้นักเดินทางคนต่อไปได้เข้ามาเยี่ยมเยือน
ขอขอบคุณ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน โทร. 054711217
บ้านริมว้าภูฟ้าทัวร์ โทร. 0861903729
น่านทัวร์ริ่ง โทร. 0819617711