จดหมายจาก..ผาบ่อง
ถึง..บิ๊ก เพื่อนรัก
เช้าวันนี้ที่ตัวจังหวัดเชียงรายอากาศเย็นลงมากเหลือเกิน มันเย็นเสียจนเรารู้สึกว่าเป็นวันที่ผิดไปจากปกติ...นายคงจำได้นะเพื่อน ที่เชียงรายเมื่อหลายปีก่อนเราและน้องๆ กลุ่มสตาฟ เคยนั่งพรางขย่มรถออฟโรดของนายขึ้นไปยังบนยอดดอยบ่อ ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปสักประมาณ 8 กม. วันนั้นเราได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองเชียงรายได้กว้างไกล เห็นป่าไม้ ภูเขา และเห็นแม่น้ำกกไหลคดโค้งอยู่ใต้สายหมอกขาว
ส่วนลูกทัวร์ของเราร้อยกว่าชีวิตก็รู้สึกประทับใจกับภาพที่ได้เห็น รวมถึงอาหารเย็นต้มจืดเต้าหู้ กับข้าวเหนียว มันช่างเข้ากันเหลือเกิน (ประชด) ฮ่าๆๆ ทริปนั้นถือเป็นทัวร์ทริปแรกๆ ที่เราได้เริ่มหัดทำกัน จนต่อมามีทริปสนุกๆ อีกมากมายหลายทริปนับไม่ถ้วน รวมถึงทริปภูกระดึงที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยทรมาน เราก็ไม่เคยลืมว่านายทำข้าวกล่องของลูกทัวร์หายไปเกือบครึ่งรถบัส แล้วแก้ปัญหาด้วยการเสริฟมาม่าให้แทน ช่วงหลังมานี้เราไม่ได้เจอนายนานมากแล้วนะ ซึ่งเราคิดว่านายก็น่าจะเคยคิดถึงภาพอดีตเหล่านั้นบ้างเหมือนกัน
วันนี้เราเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายด้วยเป้าหมายที่แตกต่างจากครั้งผ่านๆ มา เพราะเป็นการเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามอีกมุมหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงราย เรารู้สึกสนุกตื่นเต้นคละเคล้ากับการเมาโค้งในเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาราวกับเป็นถนนที่ไม่มีจุดสิ้นสุด จนบางครั้งเราต้องเป็นคนขับรถเสียเองจึงค่อยสบายหัวขึ้นหน่อย
ระหว่างทางจากตัวจังหวัดเราผ่านอำเภอเวียงชัย อำเภอพญาเม็งราย ผ่านบ้านต้า บ้านท่าเจริญ แล้ววกขึ้นเหนือเข้าสู่อำเภอเวียงแก่นไปทางบ้านปางหัด จนมาถึงดอยผาตั้ง อันเป็นจุดหมายปลายทางของวันนี้ เรารู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเหลือเกินต่างกับเมื่อครั้งก่อนที่รู้สึกสบายๆ อาจเป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้นและสังขารร่างกายโรยแรงลง แต่เมื่อเดินทางมาถึงดอยผาตั้งแล้วความเหน็ดเหนื่อยกลับเลือนหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เราชอบทิวทัศน์ในบริเวณนี้มากไม่ว่าจะยกกล้องส่องไปทางมุมไหนเป็นต้องได้กดชัตเตอร์ลงไปมากกว่า 10 ช๊อต การได้เก็บภาพสวยประทับใจไว้ในเมมโมรีทำให้วันหน้า ที่เราได้ย้อนกลับมาเปิดดูภาพอดีตได้ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ถ้านายได้มาด้วยกันนายก็คงกดชัตเตอร์เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกันนะ
ที่ดอยผาตั้งนี้มีจุดชมวิวเด่นๆ อยู่หลายจุด แต่ละจุดต้องเดินเท้าไป ระยะทางก็ไม่ไกลกันมากนัก เช่น ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่ อยู่ห่างจากจุดจอดรถเพียง 100 เมตร ศาลานี้เขาสร้างเพื่อรำลึกถึงท่านนายพลผู้นำกองพล 93 ชาวจีนฮ่อ ที่ได้พากองกำลังเดินทางเข้ามาอยู่อาศัยผืนแผ่นไทยในบริเวณนี้ และท่านนายพลได้ช่วยภารกิจอันเป็นประโยชน์แก่ทางด้านการทหารของไทยเป็นอย่างมาก ใกล้กันเป็นลานพระพุทธรูปให้ผู้ผ่านไปมาได้สักการะ เดินถัดไปประมาณ 200 เมตร เป็นบริเวณป่าหินยูนนานและช่องเขาขาด ทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามไหล่เขาผ่านทุ่งหญ้าที่กำลังออกดอกเป็นพวงขาวระบัดเอนไหวไปตามแรงลมพัดพา เราชอบเหลือเกินมันสวยมากจริงๆ แต่ถ้านายมาคงบ่นอุบเพราะนายตัวใหญ่คงจะหนักที่พุงโต เวลาที่เดินไปพุงก็กระเพื่อมไปเรายังเคยแอบขำนายอยู่บ่อยๆ เส้นทางนี้ยังแฝงไว้ด้วยความท้าทายเรี่ยวแรงด้วยการเดินไปให้ถึงจุดชมวิวเนิน 102 และ เนิน 103 สองเนินนี้เป็นชื่อเรียกตามการตั้งจุดของแผนที่ทหาร ถือเป็นเนินยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับลาว เนิน 103 จะตั้งอยู่ไกลหน่อยคือประมาณ 950 เมตร จากจุดจอดรถ หากจะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยก็ต้องใช้วิธีอย่างที่เราเคยบอกนายตอนขึ้นภูกระดึงด้วยกันนั่นแหละคิดว่าคงยังจำได้นะ คืออย่าไปมองที่จุดหมายให้มองความสวยงามระหว่างทางเป็นพอ แต่ละก้าวเดินล้วนมีความหมาย เราอาจจะพลาดล้มลงได้เสมอถ้าไม่ระวัง เหนื่อยนักเราก็พักสักหน่อยไม่นานออกเดินต่อ จุดหมายปลายทางประเดี๋ยวก็ถึงได้อย่างปลอดภัย เราคิดเช่นนี้เสมอเมื่อออกเดิน...
จุดสุดท้ายวันนี้เราเดินกลับมาที่ผาบ่องซึ่งแทบจะอยู่ติดกับที่จอดรถเลยทีเดียว ที่ผาบ่องมีลักษณะเป็นช่องภูเขาคล้ายประตูไปสู่อีกดินแดนหนึ่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ ชาวจีนฮ่อที่นี่บอกว่าผาบ่องเปรียบเสมือนประตูสู่ประเทศลาว เพราะว่าเมื่อเราเดินลอดเข้าไปแล้วดินแดนนั้นก็คือเขตแดนของลาวนั่นเอง เห็นจริงดังนั้นแหละเพื่อนเพราะเขตแดนระหว่างไทยกับลาวบริเวณนี้ถูกแบ่งด้วยสันปันน้ำของดอยผาตั้งลูกนี้อันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหลวงพระบางที่ทอดตัวยาวเรื่อยลงมา บรรยากาศในช่วงเย็นใกล้ค่ำยิ่งทวีคูณความหนาวยะเยือก และน่าแปลกตรงที่เย็นวันนี้เรารู้สึกเหน็บหนาวปนวังเวง..ซึ่งอาจเป็นเพราะ...
เรากำลังอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน ดวงอาทิตย์สีแดงกำลังจะหายลับไปจากมุมขอบฟ้าที่กำลังแปรเปลี่ยนจากสีทองเป็นแดงและมืดดำ เวลานี้เราคิดถึงข่าวร้ายสุดท้ายที่ได้รับจากทางโทรศัพท์เมื่อช่วงสาย เพื่อนสนิทของนายคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนน้ำตาหยาดสะอื้นว่า “นุ...บิ๊ก เสีย แล้วนะ...” เราได้แต่นิ่งนะเพื่อน เราไม่อยากได้ยินคำนี้ เราพยายามขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยให้นายมีอาการดีขึ้นเลย..
เราตั้งใจว่ากลับจากทริปนี้แล้วเราจะรีบไปหานายเพื่อบอกนายว่า เราไม่โกรธเคืองหรือติดค้างเรื่องอะไรในใจ..แต่เราก็ไปไม่ทัน..เราขอโทษด้วยนะบิ๊ก ขอให้เพื่อนหลับให้สบายชั่วนิจนิรันด์จงอย่าได้กังวลกับสิ่งใด ภพหน้าเป็นเช่นไรเราไม่รู้ ภพนี้เราจะเก็บภาพความทรงจำที่เราได้เคยรอนแรมร่วมทางกันไว้ตลอดไป แม้ว่าเราจะต่างศาสนากันแต่เราก็ขอวิงวอนให้อัลลอฮ์จงนำพาดวงวิญญาณของเพื่อนไปสู่ในสุขภูมิที่มีแต่สิ่งดีและงดงามทุกหนทุกแห่งไป
เรายังจำคำพูดนายได้เสมอ “เกิดมาแล้ว ไปเที่ยวเสียให้คุ้ม เพราะไม่รู้ว่าเราจะจากโลกใบนี้ไปเมื่อไหร่” วันนี้เราเข้าใจแล้ว ขอให้จดหมายจากผาบ่องฉบับนี้จงเป็นพลังให้กับผู้คนที่กำลังคิดจะพาคนรักหรือครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยว แต่ทว่ายังผลัดวันไปเรื่อย ให้รีบตัดสินใจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...ปิดตำนาน บิ๊ก (บ่อมบ๊อม) สบายเดย์.