7 ธรรมชาติมหัศจรรย์แดนอีสาน ควรค่าแก่การไปเยือน

7 ธรรมชาติมหัศจรรย์แดนอีสาน ควรค่าแก่การไปเยือน

7 ธรรมชาติมหัศจรรย์แดนอีสาน ควรค่าแก่การไปเยือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเคยมีภาพจำว่าเป็นดินแดนแห่งความแห้งแล้ง แต่จริง ๆ แล้วดินแดนแห่งนี้มีความรุ่มรวยทางธรรมชาติมากที่สุด ด้วยพื้นที่ป่าไม้กว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติจำนวนมาก รวมถึงแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นดั่งสายเลือดที่หล่อเลี้ยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเนิ่นนาน

อีสาน จึงมีภาพความมหัศจรรย์ซุกซ่อนอยู่มากมาย รอให้นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในธรรมชาติได้เดินทางมาสัมผัสสักครั้ง

The Passport คัดเลือก 7 ที่เที่ยวธรรมชาติสุดขึ้นชื่อของแดนอีสานที่มาแนะนำให้คุณลองเดินทางไปสัมผัส

หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ

image2

มีวาฬแหวกว่ายอยู่บนผืนป่าเขียวชอุ่มแห่งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู อยู่จริง ๆ เพราะไม่ว่าใครที่ได้มาเยือนต่างก็ลงความเห็นว่าหินทั้งสามก้อนนี้เหมือนวาฬไม่มีผิดเพี้ยน โดยมีหินวาฬพ่อขนาดใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายคือหินวาฬแม่ ส่วนก้อนเล็กสุดทางขวาคือหินวาฬลูก ด้านบนนี้เป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่เพราะจะมีแสงอาทิตย์ขึ้นอาบไล้ไปทั่วผืนป่าสีเขียวด้านล่าง รวมถึงแม่น้ำโขงที่ทอดตัวอยู่ไม่ไกล หากโชคดีอาจจะได้เป็นทะเลหมอกด้วย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงที่สวยที่สุด โดยมีรถให้บริการเที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 05.30 น.

สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

image3

ประติมากรรมสุดตระการตานี้เกิดจากกระแสน้ำที่พัดพาเอากรวดหินดินทรายเข้ามาตลอดระยะเวลาหลายร้อยล้านปี จนเกิดเป็นแอ่งขนาดน้อยใหญ่ใต้แม่น้ำโขง เมื่อเข้าสู่หน้าแล้ง (ตุลาคม-พฤษภาคม) แอ่งน้ำ หรือ โบก เหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น นักท่องเที่ยวต้องล่องเรือเข้าชมเท่านั้น โดยมีจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในระหว่างทาง คือ ปากบ้อง จุดที่แคบที่สุดของแม่น้ำโขง ซึ่งจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงกันตรงนี้ ถัดมาคือแก่งหินขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า หินหัวพะเนียง ที่แยกแม่น้ำโขงออกเป็นสอง และหาดสลึง ที่เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ ส่วนสามพันโบกนั้นมีไฮไลต์อยู่ที่สระมรกต ซึ่งเป็นแก่งหินลึกราว ๆ 3 เมตร และจะมีน้ำเต็มอยู่เสมอ

ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี

image4

นอกจากเป็ดเหลืองกลางหนองประจักษ์ ก็มีทะเลบัวแดงนี่แหละที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดเลื่องลือแห่งเมืองอุดรฯ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินี้จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี หรือราว ๆ เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ บนพื้นที่ของหนองหาน ซึ่งกินเนื้อที่มากถึง 22,500 ไร่ในอำเภอกุมภวาปี ช่วงเวลาที่เหล่าบัวแดงหรือบัวสายนับหมื่นนับพันดอกจะเบ่งบานพร้อม ๆ กันคือช่วงเช้าตรู่ 06.00-10.00 น.

มอหินขาว จ.ชัยภูมิ

image5

เสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นนี้มีความสูงมากถึง 12 เมตร จนได้ชื่อว่าเป็นสโตนเฮนจ์เมืองไทย จริง ๆ แล้วการเยี่ยมชมมอหินขาวนั้นสามารถทำได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากได้ความพิเศษมากกว่านั้น แนะนำให้มาช่วงฤดูฝน เพราะจะได้เห็นเหล่าดอกไม้ป่าเบ่งบานไปทั่ว กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาแล้วต้องทำคือ ตั้งแคมป์ชมธรรมชาติ เพราะนอกจากจุดที่มีเสาหินตั้งอยู่แล้ว รอบ ๆ ยังมีจุดชมวิวที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ จุดชมวิวผาหัวนาค ลานหินต้นไทร สวนหินล้านปี และหินเจดีย์โขลงช้าง

ภูกระดึง จ.เลย

image6

ภูกระดึงเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองของประเทศ รองมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่มีทั้งป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าสนเขา เเลยทำให้ภูกระดึงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละหลายหมื่นคน ไฮไลต์ในช่วงฤดูหนาวคือต้นก่วมแดง ที่ใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสด รวมถึงอากาศที่เย็นลงจะแตะเลข 0 จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่พลาดไม่ได้นั้นอยู่ที่ผาหล่มสัก ภูกระดึงจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว

อุทยานแห่งชาติภูเวียง จ.ขอนแก่น

image7

เป็นอุทยานแห่งชาติที่กินพื้นที่ 5 อำเภอในจังหวัดขอนแก่น ได้แก่ อ.ภูเวียง อ.สีชมพู อ.ชุมแพ อ.เวียงเก่า และ อ.หนองนาคำ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักการเดินป่าจะต้องไม่ผิดหวังหากได้ขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณผาชมตะวันสักครั้ง แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น ภายในผืนป่าสุดกว้างใหญ่นี้มีการค้นพบร่องรอยอารยธรรมมากมาย เช่น โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้สมัยทวาราวดี และภาพเขียนสีโบราณ และที่ย้อนเวลาไปนานกว่านั้นคือ ฟอสซิลไดโนเสาร์ ที่ขุดพบบริเวณด้านเหนือของเทือกเขาชั้นใน ซึ่งในปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง จัดแสดงเรื่องราวการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ และแบบจำลองตัวอย่างเสมือนจริง ตั้งอยู่ในอำเภอเวียงเก่า

แม่น้ำโขง

esan

แม่น้ำโขงไหลผ่านพรหมแดนตั้งแต่ประเทศจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา ไปจนถึงประเทศเวียดนาม จึงนับว่าเป็นแม่น้ำสายหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยเองก็มีพื้นที่หลาย ๆ จังหวัดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน เริ่มตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย มาสู่พรมแดนระหว่างไทย-ลาว ในภาคอีสาน นับตั้งแต่ จ.เลย จ.บึงกาฬ จ.นครพนม จ.มุกดาหาร จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี เป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร นอกจากความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคที่มีมาเนิ่นนานแล้ว แม่น้ำโขงยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และในทุกวันนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนริมน้ำโขงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก 

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ 7 ธรรมชาติมหัศจรรย์แดนอีสาน ควรค่าแก่การไปเยือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook