ผลสำรวจเผย! เกินครึ่งของนักท่องเที่ยวชาวไทยปักหมุดเที่ยวในประเทศในปี 2565
วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเลือกเดินทางเพื่อพักผ่อนภายในประเทศต่อไปในปี 2565 เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานและมีความปลอดภัยกว่า จนกลายเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวสำหรับยุคหลังโควิด-19 นี้อีกด้วย โดยจากการศึกษาเรื่องความคิดเห็นของผู้บริโภคโดยวีซ่า พบว่ามากกว่าครึ่งของผู้ทำแบบสำรวจชาวไทย (51 เปอร์เซ็นต์) มีแนวโน้มจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไปจนถึงปีหน้า ขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์ มีการวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดน
การศึกษาฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นถึงสามปัจจัยแรกที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยรู้สึกสบายใจที่จะออกเดินทางอีกครั้ง คือ การได้รับวัคซีน (67 เปอร์เซ็นต์) จำนวนการติดเชื้อทั่วโลกลดลง (55 เปอร์เซ็นต์) และการมีประกันโควิด-19 (41 เปอร์เซ็นต์)
สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนยังคงระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในเรื่องการเดินทางยิ่งชัดเจนว่าพวกเขาเลือกในเรื่องความปลอดภัยและความคุ้นเคยในสถานที่ที่จะไป ผู้ประกอบการในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม อีกทั้งควรสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงวิธีการชำระเงิน โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะนอกจากจะสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย นับเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการควรเดินหน้าปรับตัวเพื่อรองรับความความคาดหวังของผู้บริโภคในยามที่พวกเขาเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง”
ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกเองก็เริ่มปรับเข้าสู่โหมดการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างไปจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยมากกว่าครึ่ง (53 เปอร์เซ็นต์) เลือกที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อจองที่พักที่มีการรับรองในด้านความปลอดภัยและคุณภาพ ขณะที่ 44 เปอร์เซ็นต์กำลังวางแผนที่จะพกบัตรต่าง ๆ มากขึ้นเพื่อใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสและดิจิทัลแทนการชำระด้วยเงินสด และสองในห้าของผู้ตอบแบบสอบถาม (42 เปอร์เซ็นต์) กำลังวางแผนเดินทางโดยหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น
ด้านจุดหมายปลายการท่องเที่ยวในต่างประเทศ นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่อยากที่จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด ตามด้วยประเทศจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส
ส่วนเรื่องความต้องการสำหรับการท่องเที่ยวนั้น เกือบครึ่ง (48 เปอร์เซ็นต์) บอกว่าพวกเขาสนใจจะเดินทางในรูปแบบทราเวล บับเบิ้ล (travel bubble) แต่คงไม่ใช่ในระยะอันใกล้นี้ ขณะเดียวกันหนึ่งในสาม (33 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาสนใจที่จะเริ่มเดินทางทันทีเมื่อเปิดให้มีการท่องเที่ยวแบบทราเวล บับเบิ้ล ส่วนที่เหลือบอกว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะท่องเที่ยวในรูปแบบทราเวล บับเบิ้ล
“การใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายอีกต่อไป ในยุคหลังการระบาดของโควิด-19 การชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะเป็นเรื่องของความมั่นใจ ปลอดภัย และฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่าการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศอย่างไร เนื่องจากผู้บริโภคได้มองหาวิธีใหม่ๆ ในการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของตนเอง และตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด วีซ่าได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมากมาย เช่น โครงการมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (SHA) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ให้การรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัยให้กับผู้ประกอบการไทย และเรายังมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือเช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราหวังว่าข้อมูลจากการศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คู่ค้าของเราที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการชำระเงินสามารถปรับตัวเข้าสู่วิถีนิวนอร์มัล และเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ในปัจจุบัน” สุริพงษ์ กล่าวสรุป
การศึกษาเรื่องความคิดเห็นของผู้บริโภค จัดทำโดย Green Shoots Radar ในนามของวีซ่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ใน 14 ประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคในประเทศไทยจำนวน 2,200 ราย ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา ที่มีระดับรายได้ครัวเรือนขั้นต่ำต่อเดือนตามที่กำหนด (แตกต่างกันในแต่ละประเทศ)