รีวิวโอมากาเสะขั้นเทพร้าน เคียว-เต (Kyo-Tei) อาหารญี่ปุ่นขั้นสูงในรูปแบบโอมากาเสะ
Thailand Web Stat

รีวิวโอมากาเสะขั้นเทพร้าน เคียว-เต (Kyo-Tei) อาหารญี่ปุ่นขั้นสูงในรูปแบบโอมากาเสะ

รีวิวโอมากาเสะขั้นเทพร้าน เคียว-เต (Kyo-Tei) อาหารญี่ปุ่นขั้นสูงในรูปแบบโอมากาเสะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในการทานอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะ ร้านที่เราจะพาคุณไปทำความรู้จักในวันนี้คือหนึ่งในร้านที่คุณต้องลอง! กับร้านที่มีชื่อว่าคียว-เต (Kyo-Tei) ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบไฟน์ ไดน์นิ่ง ในย่านสุขุมวิท ที่นี่มีอะไรเด็ด มีอะไรดีซุกซ่อนอยู่บ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปรีวิวกันแบบจัดเต็มเลยครับ

เคียว-เต (Kyo-Tei) ชื่อของร้านนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากชื่อเมืองเกียวโตเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นต้นกำเนิดอาหารไคเซกิ (หนึ่งในศาสตร์ชั้นสูงที่สุดของการปรุงอาหารญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นคือมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม และมีความพิเศษไม่เหมือนใคร) ในศตวรรษที่ 9


 
บรรยากาศของร้านนี้จะตกแต่งในแนวโมเดิร์น เจแปนนิส  ผสมผสานระหว่างความสมัยใหม่และความดั้งเดิมของญี่ปุ่น รายล้อมไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี บรรยากาศร่มรื่นสบายๆ เหมาะแก่การมาแฮงค์เอาท์กับเพื่อนฝูง หรือครอบครัว ด้านในมีที่นั่งไว้ให้บริการถึง 2 ชั้น โดยชั้นที่สองจะมีห้องไพรเวทไว้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาเป็นหมู่คณะด้วย 



นอกจากนี้ภายในร้านยังเต็มไปด้วยวัตถุดิบเป็นๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่นโชว์ให้เราได้เห็นตั้งแต่เข้าร้านเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโมโตบุวากิว ที่นำเข้าจากเมืองโอกินาวา ซึ่งทางร้านเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้สิทธิ์นำเข้าเนื้อชนิดด้วย นอกจากนี้ยังมีหอยนางรมญี่ปุ่น และกั้งญี่ปุ่นเป็นๆ ไว้ให้บริการเป็นวัตถุดิบของทางร้านด้วยเช่นกัน




มาดูในส่วนของคอร์สโอมากาเสะที่เราจะได้ลิ้มลองกันในวันนี้ ต้องบอกก่อนว่าโอมากาเสะของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นเพราะเป็น ไคเซกิโอมากาเสะ หรือการนำเอาอาหารแบบไคเซกิ อาหารชั้นสูงของญี่ปุ่นมาเสิร์ฟให้บริการในรูปแบบโอมากาเสะนั่นเอง 

เริ่มต้นคอร์สแรกกันด้วยอาหาร Appetizer ที่ต้องบอกว่ามีความเป็นไคเซกิจริงๆ กับ 3 เมนู ที่ทางเชฟเสิร์ฟมา ทั้ง Ankimo (ตับปลามังค์ฟิช) ไข่ปลา และหมึกหิ่งห้อยจากญี่ปุ่น ทั้งสามเมนูนี้ถือว่าเปิดต่อมรับรสได้ดีมากๆ ตับปลาหอมมันสมชื่อฟรัวกราส์แห่งท้องทะเล ไข่ปลาก็กรุบกรอบมีรสสัมผัสที่อร่อย ส่วนหมึกหิ่งห้อยนั้นก็นุ่มละมุนลิ้น เรียกได้ว่าเจอสามเมนูนี้เข้าไปน้ำย่อยพุ่งพล่านเต็มกระเพาะเลยทีเดียว




จากนั้นเรามาต่อกันที่เมนูที่สอง ที่ยังอยู่ในโหมด Appetizer เช่นกัน กับเมนูเทมปุระหอยนางรมญี่ปุ่น จานนี้ใครที่ชอบทานหอยนางรมจะต้องรักมากๆ เชฟทอดเทมปุระออกมาได้กรอบมากๆ ด้านนอก แต่ยังคงไว้ซึ่งความชุ่มฉ่ำของหอยนางรมด้านใน จิ้มทานคู่กับซอสที่มีรสเปรี้ยวหวาน อร่อยจริงๆ จานนี้


เมนูต่อมา ปลาแซลมอนซอสหวาน เมนูนี้บอกเลยว่าเนื้อปลานุ่มละมุนมาก ทานแกล้มกับเมียวงะ หรือดอกขิงญี่ปุ่นที่มีรสเปรี้ยวซ่าอ่อนๆ ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัว

ปิดท้ายที่เมนูสุดท้ายของ Appetizer ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของซูชิ กับเมนูไข่ตุ๋นล็อบเตอร์และไข่หอยเม่น ตัวไข่ตุ๋นเด้งดึ๋งมากๆ ทานเข้าไปแล้วเหมือนทานเจลลี่เลย ส่วนเนื้อล็อบเตอร์ก็เด้งนุ่มฟูอร่อย บวกกับไข่หอยเม่นหวานๆ เข้าไปอีกยิ่งฟิน


Advertisement

เอาล่ะได้เวลาที่ทุกคนรอคอย เราเข้าสู่ช่วงซูชิในคอร์สนี้กันแล้วเริ่มต้นคำแรกกับ มาไดซูชิ ที่ทางเชฟเสิร์ฟมาพร้อมกับพอนซึเจลลี่ที่มีรสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ ท็อปมาบนชิ้นปลา ตัวเจลลี่นี้มันชูรสชาติของปลามาไดมากๆ แถมตัวเนื้อปลาก็มีความมันเพราะเป็นช่วงที่ปลากำลังมีไขมันเยอะในช่วงหน้าหนาว ทานแล้วเต็มปากเต็มคำรสชาติระเบิดในปากเลย

ต่อมาคำที่สอง คินเมไดซูชิ ทางเชฟนำส่วนหนังของปลาคินเมไดไปเบิร์นไฟนิดหนึ่งให้เกิดความหอมและเทคเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ และเมื่อทานเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความหอมของหนังปลา และเนื้อที่มีความนุ่มละมุนไม่ผิดหวังจริงๆ

ต่อมาเป็น ชิมะอาจิซูชิ คำนี้เราชอบมาก ชิมะอาจิเป็นปลาในตระกูลปลาทู ที่มีรสชาติเข้มข้นในตัวเองอยู่แล้ว พอสัมผัสกับซอสโชยุที่ทางเชฟป้ายมาให้อย่างพอดียิ่งชูรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกดีงามครับสำหรับคำนี้

หลังจากนั้นไปต่อกันที่คำที่ 4 กับโคฮาดะซูชิ ปลาหนังที่มีความมันและรสชาติเข้มข้น เป็นปลาตามฤดูกาลที่จะมีรสอร่อยในช่วงนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วทางร้านจะใช้ปลาให้มีความเหมาะสมตามฤดูกาล ช่วงไหนที่ปลาชนิดไหนอร่อยก็จะนำมาใส่ในคอร์ส เป็นกิมมิคที่ถือว่าดีงามสำหรับคนชอบทานวัตถุดิบที่แปลกใหม่  

คำต่อมาพักจากเนื้อปลามาที่โฮตาเตะหรือหอยเชลล์ญี่ปุ่นกันบ้าง คำนี้เป็นอีกหนึ่งคำที่ทำให้เราประทับใจมากๆ โฮตาเตะชิ้นใหญ่หนาๆ ที่ทางเชฟใส่มาให้แบบไม่มีหวง ออนท็อปด้วยอิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนเม็ดโตๆ ทานเข้าไปผสมผสานความอูมามิในปาก รสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น ถ้าให้คำนิยามสำหรับคำนี้คือฟิน!


หมดไปสำหรับพาร์ทของปลาเนื้อขาว มาต่อกันที่ปลาเนื้อแดงอย่างทูน่า ที่ทางร้านเลือกใช้ทูน่าบลูฟินปลาสุดพรีเมียมที่ถือว่าอยู่บนสุดของยอดพีระมิดปลาญี่ปุ่น โดยส่วนแรกที่จะได้ทานนั่นก็คือ ส่วนอากามิ ที่เป็นส่วนเนื้อของปลาไม่มีมันแทรก นำมาเสิร์ฟพร้อมข้าวซูชิร้อนๆ ออนท็อปด้วยไข่ปลาคราเวียร์ เป็นคำที่หรูหรามากๆ ทางร้านเน้นใช้ของดีจริงๆ รสชาติไม่ต้องพูดถึงอร่อยจนอยากจะกินสัก 10 คำเลย

ปิดท้ายสำหรับคอร์สซูชิด้วยเมนูที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับคนชอบกินซูชิ นั่นก็คือโอโทโร่ซูชินั่นเอง ส่วนท้องที่มีมันแทรกมากที่สุดของบลูฟินทูน่า ทางร้านหั่นมาให้แบบคำใหญ่มาก เรียกได้ว่าใส่มาเต็มไปๆ ไม่มียั้ง ทานเข้าไปแล้วรู้สึกถึงคำว่าละลายในปากอย่างแท้จริง ไม่มีเอ็นของปลามาให้กวนใจเลย เป็นการปิดท้ายพาร์ทของซูชิได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในคอร์สยังมีซุปหอยเป่าฮื้อปิดท้ายก่อนจะเข้าสู่ช่วงของหวานด้วย ตัวซุปเข้มข้นหอมละมุน หอยเป่าฮื้อเด้งหนึบหนับอร่อยมาก

ปิดท้ายคอร์สนี้ด้วยเมนูของหวานสูตรของทางร้าน ที่ประยุกต์ระหว่างขนมไทยและขนมญี่ปุ่น ในจานนี้จะมี 2 เมนูคือ โมจิมะม่วงน้ำดอกไม้ และบัวลอย ขนมอร่อยมากทั้ง 2 เมนูเลย โดยเฉพาะบัวลอยอยากให้ทุกคนได้มาลอง



โดยรวมแล้วนี่คือโอมากาเสะในราคาไม่ถึง 5,000 บาท ที่คุ้มค่าคุ้มราคามาก ทั้งวัตถุดิบ การบริการที่ทางเชฟคอยให้ข้อมูลและแนะนำวิธีการทานอาหารแต่ละเมนูตลอดคอร์สเลย หากใครกำลังมองหาร้านอาหารสำหรับมื้อพิเศษของคุณอยู่แนะนำมาที่นี่ไม่ผิดหวังครับประทับใจแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัดร้าน : https://g.page/aq-gourmet-and-dine-thailand?share

เวลาเปิด - ปิด : มื้อกลางวัน 11.00 -14.00 น. / มื้อเย็น 17.30 - 21.00 น.

ติดต่อ : 063 306 3636

Facebook : Kyo-Tei Bangkok

ราคา : 3999++ ต่อคน (สอบถามราคาอาหารและโอมากาเสะคอร์สอื่นๆ ได้จากทางร้าน)

อัลบั้มภาพ 43 ภาพ

อัลบั้มภาพ 43 ภาพ ของ รีวิวโอมากาเสะขั้นเทพร้าน เคียว-เต (Kyo-Tei) อาหารญี่ปุ่นขั้นสูงในรูปแบบโอมากาเสะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้