รีวิว Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey อาหารไคเซกิขั้นสูงที่เสิร์ฟแบบโอมากาเสะ
โอมากาเสะสไตล์การทานอาหารแบบญี่ปุ่นที่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยลองทานกันมาบ้างแล้วตามร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำหลายๆ แห่งของเมืองไทย แต่โอมากาเสะแบบไคเซกิ เชื่อเลยว่าหลายๆ คนจะต้องไม่เคยพบเจอกันมาก่อนแน่นอน ซึ่งที่ร้าน Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey ห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok เป็นหนึ่งในร้านที่มีการจัดคอร์สอาหารแบบไคเซกิเสิร์ฟมาในรูปแบบของโอมากาเสะ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์การทานอาหารที่น่าสนใจมากๆ ในวันนี้ Sanook Travel จะพาทุกคนไปดูกันครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสไตล์การทานอาหารทั้ง 2 แบบกันก่อน
อาหารสไตล์ไคเซกินั้น ปกติแล้วจะเป็นชุดอาหารที่เสิร์ฟมาพร้อมกันทีเดียว โดยจะประกอบไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ทั้งของย่าง ซุป ปลาดิบ และอื่นๆ ตามที่แต่ละร้านจะจัดสรร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารขั้นสูงที่ใช้วัตถุดิบพรีเมียมและมีความพิถีพิถันในการประกอบอาหาร
ส่วนอาหารแบบโอมากาเสะนั้น จะเป็นสไตล์การเสิร์ฟอาหารแบบตามใจเชฟ คือเราจะไม่รู้มาก่อนเลยว่าในมื้อนี้เราจะได้ทานอะไรบ้าง โดยเชฟจะเลือกเอาวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละวันมาประกอบหาารให้เราทาน ส่วนมากจะเป็นซูชิพร้อมกับปลาดิบชนิดต่างๆ
สำหรับทางร้าน Kintsugi นั้นเลือกที่จะนำจุดเด่นของอาหารทั้ง 2 สไตล์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนเกิดเป็นคอร์สอาหารที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้มาลองกันจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นจะต้องรักร้านนี้อย่างแน่นอน
มาดูในส่วนบรรยากาศของทางร้านกันก่อน ร้าน Kintsugi ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม ด้านในร้านสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 60 คน ภายในตกแต่งด้วยการผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นโบราณกับความมินิมอลของยุคสมัยใหม่ มีทั้งโซนที่เป็นเคาเตอร์บาร์และโต๊ะส่วนตัว รวมไปถึงห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวที่มีไว้ให้บริการ 2 ห้อง 2 สไตล์ ห้องแรกจะเป็นสไตล์โมเดิร์น ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องจัดเลี้ยงแบบญี่ปุ่นโบราณ ได้ฟีลสุด!
สำหรับคอร์สเมนูอาหารในวันนี้นั้นเราเลือกเป็นคอร์ส Kin ซึ่งประกอบไปด้วย 10 เมนู ต้องบอกก่อนว่าสูตรอาหารของทางร้านนั้นผ่านการร่วมมือกับเชฟ Jeff Ramsey เชฟลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ผู้ที่เคยได้รับตำแหน่งซูชิมาสเตอร์ชาวต่างชาติคนแรกของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงผ่านการทำงานกับเชฟชื่อดังระดับโลกมาอย่างมากมาย จนได้รับรางวัลมิชลินสตาร์จากการเปิดร้าน เดอะ โมเลคิวล่า บาร์ เรสเตอรองต์ (The Molecular Bar Restaurant) ในกรุงโตเกียว และนั่นทำให้เขาเป็นเชฟชาวอเมริกันคนแรก ที่ได้รับรางวัลระดับมิชลินในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพอาหารของทางร้าน Kintsugi นั้นระดับโลกอย่างแน่นอน
ในส่วนของคอร์สอาหารวันนี้เราได้เชฟภาณุ ที่จะเป็นผู้ดูแลเราตลอดคอร์สนี้ ซึ่งเชฟมีความเฟรนด์ลี่และเป็นกันเองมาก คอยแนะนำวิธีการกินและนำเสนออาหารแต่ละเมนูได้อย่างน่านใจ ใครที่กลัวว่ามากินโอมากาเสะครั้งแรกแล้วจะงงๆ บอกเลยว่ามาที่นี่คุณทำชิลๆ แล้วรอทานตามที่เชฟแนะนำได้เลย ไปดูกันว่าแต่ละเมนูที่เราได้ทานในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
Sashimi Spring Roll
เมนูแรกของเราในวันนี้ทางเชฟจัดมาให้เป็น Sashimi Spring Roll ปอเปี๊ยะทอดกรอบที่ยัดไส้มาด้วยปลาดิบสามอย่าง และอุมามิซอยซอสเจลลี่ ท็อปด้วยอโวคาโด รสชาติคำนี้เหมือนความอร่อยทุกอย่างที่เชฟยัดมาในปอเปี๊ยะนั้นมันระเบิดอยู่ในปากเมื่อเคี้ยวเข้าไป ตัวแป้งปอเปี๊ยะบางกรอบดีมาก อโวคาโดก็ช่วยชูรสชาติความมัน เป็นคำแรกที่เปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี
Caramelized Ankimo
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งคำที่เราชอบมากๆ กับตับปลามังค์ฟิช หรืออังกิโมะ วัตถุดิบที่ได้รับสมญานามว่าฟรัวกราส์แห่งท้องทะเล โดยทางเชฟจะนำตับปลาไปเบิร์นส่วนหน้าพร้อมกับน้ำตาลให้เกิดการ Caramelized จนส่วนหน้าของตับปลานั้นมีเทคเจอร์หวานกรอบ บวกกับความนุ่มด้านในของตับปลา และรสชาติที่เข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับซอสเสาวรสและพอนสึเจลตัดรสชาติไม่ให้เลี่ยน ทำให้จานนี้สมบูรณ์แบบ
Alaskan King Crab Chawanmushi
ปูอลาสก้าคิงแครบถูกนำมาใช้ประกอบอาหารในจานที่ 3 นี้ โดยเสิร์ฟมาในรูปแบบของไข่ตุ๋น สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของไข่ตุ๋นจานนี้เลยก็คือความเด้งดึ๋งของเนื้อไข่ที่เหมือนกับเจลลี่เลย ขาปูก็หวานละมุน ดีงาม
Botan Ebi Somen
นี่คือจานซิกเนเจอร์ของเชฟภาณุเลยก็ว่าได้ กับการนำเสนออาหารแบบไคเซกิจริงๆ แต่เสิร์ฟมาแบบโอมากาเสะตามคอนเซ็ปต์ของคอร์สอาหาร จานนี้จะเป็นโซเมนเย็น ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งโบตัน เอบิ พร้อมกับมีการใช้ลิควิดไนโตรเจน มาเป็นส่วนชวยทำให้ผักเคียงของเมนูนี้มีเทคเจอร์ที่กรอบ กลายการผสมผสานที่ลงตัว เนื้อกุ้งเด้งสู้ฟันเนื้อแน่นมาก เส้นโซเมนก็อร่อยเรียงเส้นไม่ติดกัน เป็นอีกหนึ่งจานที่อยากให้ทุกคนมาลอง
Aburi Scallop Sushi
จานต่อมาเป็นเมนูซูชิกันบ้าง โดยจะเป็นเมนูซูชิโฮตาเตะ หรือหอยเชลล์ญี่ปุ่น ที่ทางเชฟเริ่มนำหอยเชลล์ไปดอง Tsukudani หรือซอสซีอิ๊วรสหวานเค็มตั้งแต่ช่วงเริ่มคอร์สเลยเพื่อให้รสชาติของน้ำซอสนั้นซึมซับเข้าสู่ตัวหอยอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมาทำการเบิร์นให้มีกลิ่นหอม แล้วนำมาปั้นกับข้าวซูชิ เสิร์ฟพร้อมสาหร่ายย่างแผ่นใหญ่ และปิดท้ายด้วยการโรยไข่ปลาแห้งนำมาขูดใส่ลงไปแบบจัดเต็ม คำนี้บอกเลยว่าเนื้อหอยเชลล์ฉ่ำมาก หวานสุดๆ ข้าวซูชิก็ปรุงรสมาได้เป็นอย่างดี แถมยังได้กลิ่นหอมจากไข่ปลาแห้งอีก ถูกใจคนชอบกินซูชิแบบเราจริงๆ
Shirako with black truffle
เมนูนี้หากใครไม่เคยกินมาก่อนอาจจะมีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่บ้าง เพราะ Shirako ก็คือท่อเก็บอสุจิปลาค็อด แต่หากใครได้เคยลองทานมาก่อนแล้วจะต้องชอบแน่นอน โดยทางร้านจะนำ Shirako มาเบิร์นไฟจนหอม ปรุงรสด้วยสาเกแล้วโรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลอีกที เวลาทานเชฟแนะนำให้ห่อกับใบชิโสะแล้วทานไปทั้งคำจะได้เทคเจอร์และรสชาติที่มิกซ์กันมาได้อย่างลงตัว จานนี้จะมีทั้งความหอม ความมัน และรสชาติอูมามิจากการปรุงรสด้วย
Snow crab with uni gohan
จานนี้จะมีความผสมผสานระหว่างอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตก โดยจะนำเอาปูหิมะมาทำเป็นข้าวริสอตโต้สไตล์ญี่ปุ่นคลุกด้วยอูนิ เนย และปรุงรส ขูดผิวยูสุเพื่อเพิ่มความหอม ส่วนผมสทุกอย่างเข้ากันและลงตัวมาก
Grilled Australian MB9 striploin wagyu
มาถึงจานเนื้อกันบ้าง เชฟใช้เนื้อ Striploin ส่วนที่ดีที่สุดของวัว โดยเป็นเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย นำมาทำสเต็กเสิร์ฟมาให้ 2 ชิ้นใหญ่ๆ เสิร์ฟพร้อมพริกญี่ปุ่น Shito มันฝรั่งบด ยูสุโคโชหรือพริกไทยยูสุ เพิ่มรสชาติและเทคเจอร์กันได้ตามใจชอบ แต่สำหรับเราแล้ว แค่รสชาติของเนื้อก็กินขาด นุ่มละมุนและรสชาติเข้มข้นมาก กินแล้วฟิน!
Clam miso soup
ปิดท้ายเมนุของคาวด้วย ซุปหอยลายผัดเนยและสาเก ผสมกับเต้าเจี้ยวสองชนิดจากญี่ปุ่น ออนท็อปด้วยโฟมเอสพูม่าหอยลายบนน้าซุป ซุปจึงมีความเข้มข้นซดคล่องคอ เป็นการจบคอร์สอาหารคาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Strawberry rose sorbet
จบคอร์สกันด้วยเมนูขนมหวานที่ทางเชฟตั้งใจสร้างสรรค์มาได้อย่างสวยงาม ไอศกรีมซอร์เบต์สตรอเบอร์รี่และกุหลาบ เสิร์ฟพร้อมโมจิ และเมอแรงลิ้นจี่ ความเซอไพรซ์คือรสชาติของไอศกรีมที่ทานไปแล้วรู้สึกคุ้นกับรสชาติมากๆ พอเชฟมาเฉลยถึงกับถึงบางอ้อ เพราะเชฟบอกว่าตัวไอศกรีมตั้งใจทำให้มีรสชาติเหมือนกับขนมซูกัสที่เราเคยทานกันตอนเด็กๆ นั่นเอง เป็นการปิดท้ายคอร์สได้อย่างน่าประทับใจ
โดยรวมแล้วสำหรับคอร์ส Kin ของร้าน Kintsugi สำหรับเราถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆ กับคอร์สโอมากาเสะราคาไม่ถึง 4,000 บาท แต่ได้ทานอาหารที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน รวมไปถึงใช้วัตถุดิบราคาแพงใส่มาให้แบบไม่มียั้ง และการบริการของทั้งเชฟและพนักงานที่ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหาร้านพิเศษสำหรับโอกาสพิเศษของคุณอยู่แนะนำมาที่นี่ได้ทานอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมแบบไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้งร้าน : ชั้น 3 โรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok กรุงเทพฯมหานคร
พิกัด : https://g.page/theatheneehotel?share
ติดต่อ : 02 650 8800
เวลาเปิด - ปิด : มื้อกลางวัน 11.30 – 14.30 น. / มื้อค่ำ 17.30 - 22:00 น.
ราคา : 3,500++ บาท/ท่าน
อัลบั้มภาพ 45 ภาพ