7 ทะเลสาบเมืองไทยที่น่าไปเยือนที่สุด

7 ทะเลสาบเมืองไทยที่น่าไปเยือนที่สุด

7 ทะเลสาบเมืองไทยที่น่าไปเยือนที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเทศไทยมีทะเลสาบอยู่มากมายกระจายอยู่ในหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลายแห่งก็เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม และอีกหลายแห่งก็เป็นทะเลสาบน้ำจืด ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประจำจังหวัดมากมาย ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กับทัศนียภาพสวย ๆ ถูกใจนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูป และนี่คือสุดยอดทะเลสาบน้ำจืดทั้ง 7 แห่งของเมืองไทยที่น่าไปเยือนที่สุด

บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์

12606

บึงบอระเพ็ดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังที่สุดในนครสวรรค์ จนถึงกับเอาไปตั้งเป็นคำขวัญประจำจังหวัดเลยทีเดียว และสิ่งที่ทำให้บึงบอระเพ็ดเป็นไฮไลต์ก็คือขนาดที่กว้างใหญ่กินเนื้อที่กว่า 132,737 ไร่ จนได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติก็ไม่เป็นรองใครจากบันทึกที่พบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่นับร้อยชนิด และในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุก ๆ ปีจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ล่องเรือไปรอบ ๆ บึงเพื่อชมนกอพยพนานาสายพันธุ์ แต่ถ้ามาในช่วงเช้าตรู่ก็จะได้อีกบรรยากาศของบึงที่แต่งแต้มด้วยดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่ง

หนองหาร จ.สกลนคร

ahr0chm6ly9zlmlzyw5vb2suy29tl

บางคนอาจจะจำสับสนระหว่างหนองหานกุมภวาปีแห่งอุดรธานี แต่ที่นี่คือทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากบึงบอระเพ็ด ด้วยพื้นที่ประมาณ 77,000 ไร่ และกลางผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็เป็นที่ตั้งของเกาะจำนวน 21 แห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ เกาะดอนสวรรค์ เป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่ ภายในประดิษฐานประพุทธรูปให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปกราบไหว้บูชา แต่นอกเหนือจากนี้ รอบ ๆ หนองหารนั้นก็เป็นดั่งสายเลือดหล่อเลี้ยงชาวบ้านด้วยการทำประมงน้ำจืด และมีสวนสีเขียวโดยรอบเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของชาวสกล

12608

 

รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า หนองหานกุมภวาปี เพราะมีเนื้อที่ส่วนใหญ่อยู่ในอ.กุมภวาปี นั่นเอง แม้จะไม่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่โตเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของอุดรธานี โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุก ๆ ปีก็จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวล่องเรือชมทะเลบัวแดงเบ่งบานปกคลุมไปทั่วผืนน้ำ และผู้มาเยือนก็จะได้เห็นการดำรงชีวิตของฝูงนกที่บินโฉบหาอาหารไปมาเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์โดยมีฉากหลังเป็นสีชมพูสดใสของดอกบัว

บึงสีไฟ จ.พิจิตร

12609

เป็นบึงที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองพิจิตรมาก ๆ มีสัญลักษณ์ที่ใคร ๆ ก็จำได้แม่นคือพญาชาละวันตัวยักษ์บริเวณประตูทางเข้าใหญ่ ที่ใครได้ไปเยือนก็ต้องถ่ายรูปคู่ด้วยสักครั้ง โดยรอบ ๆ บริเวณทางเข้านี้จะร่มรื่นไปด้วยสวนสีเขียวชอุ่ม ตกเย็นก็จะเห็นคนมาออกกำลังกายประปราย ใกล้ ๆ กับรูปปั้นพญาชาละวันเป็นทางเดินไม้สู่ศาลากลางน้ำที่เหมาะสำหรับการนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนั้นในบริเวณบึงสีไฟยังมีฟาร์มจระเข้ และสถานแสดงพันธุ์ปลา (ศาลาเก้าเหลี่ยม) ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมอีกด้วย

ทะเลน้อย จ.พัทลุง

12610

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลาและเชื่อมต่อกันด้วยคลองสายเล็ก ๆ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติโดยรอบนั้นทำพื้นที่บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียนของทะเลน้อยได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญ หรือ แรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) แห่งแรกของประเทศไทย ด้วยความพิเศษนี้เองจึงทำให้ทะเลน้อยเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในการล่องเรือชมนก ชมทะเลบัว (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) ไปจนถึงชมควายน้ำที่ชาบ้านเลี้ยงไว้ พวกมันมักจะมาหากินตามสันดอนและบริเวณน้ำตื้น จนพวกมันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งทะเลน้อยที่น่ารักมาก ๆ

กว๊านพะเยา จ.พะเยา

12611

ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ แต่ก่อนเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำมากในฤดูฝน แต่พอเข้าฤดูแล้งก็มีน้ำน้อย แต่เมื่อมีการสร้างประตูกั้นน้ำแม่อิงเมื่อปี พ.ศ.2484 น้ำเลยท่วมท้นบริเวณนี้และมีน้ำตลอดทั้งปีจนกลายเป็นกว๊านพะเยาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยที่ตั้งนั้นอยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยาจึงเดินทางไปชมได้ง่าย ๆ โดยรอบ ๆ จะเป็นสวนสาธารณะให้เดินเล่นชมวิวผืนน้ำนิ่ง ๆ ของกว๊านโดยมีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง ในขณะที่บ้างคนวิ่งออกกำลังกาย ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่พกเบ็ดมานั่งตกปลาริมตลิ่งในช่วงเวลาแดดร่มลมตก นับเป็นสถานที่ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่บรรยากาศดีไม่น้อย

บึงละหาน จ.ชัยภูมิ

12612

เป็นอีกหนึ่งจุดชมทุ่งบัวแแดงแห่งดินแดนอีสานที่ไม่ควรพลาด สามารถเดินทางมาชมได้ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของทุกปี แต่นอกจากนี้ บนเนื้อที่กว่า 18,000 ไร่ของบึงละหานนั้นก็เปี่ยมด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ หนึ่งคือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจืดระดับประเทศ และยังเป็นแหล่งหากินของนกหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งนกพื้นถิ่นและนกอพยพ รวมถึงนกกระแตผีใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ จนเมื่อปี พ.ศ.2543 ก็ได้รับการเสนอชื่อเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญ หรือ แรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) ด้วย แต่ก็ยังไม่ได้รับการจดทะเบียน แต่มีบางบริเวณประกาศเป็นพื้นที่ห้ามจับสัตว์น้ำเพื่ออนุรักษ์เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำนั่นเอง

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ 7 ทะเลสาบเมืองไทยที่น่าไปเยือนที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook