9 นครสาบสูญที่น่าค้นหามากที่สุดในโลก

9 นครสาบสูญที่น่าค้นหามากที่สุดในโลก

9 นครสาบสูญที่น่าค้นหามากที่สุดในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีตหายสาบสูญและกลายเป็นเมืองร้างได้ด้วยสาเหตุนานับประการ อาจจะเป็นเพราะสงคราม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือแม้แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป แต่สิ่งที่จริงแท้คือไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป
มารู้จักกับ 9 นครสาบสูญที่บ่งบอกร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในอดีต

Palenque, Mexico

 gtg

ขุมสมบัติของนักโบราณคดีแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาเชียปัสทางตะวันตกเฉียงใต้ของเม็กซิโก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ 100 ปีก่อนคริสตศักราช และอีก 500 ปีต่อมาก็กลายเป็นศูนย์กลางอารยธรรมมายัน ในช่วงกลางศตวรรษที่ 8 ได้เกิดสงครามขึ้นระหว่างสองนครมายันคือ Palenque กับ Toniná หลังจากนั้นเมืองเลยถูกทิ้งร้างไว้กลางป่ามาจนถึงทุกวันนี้

Babylon, Iraq

 10636

บาบิโลนปรากฏหลักฐานว่ามีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 2,500 ปีก่อนคริสตศักราช และเคยเป็นศูนย์กลางของแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเมโสโปเตเมีย เมืองหลวงของนครบาบิโลนโดนชาวอัสซีเรียทำลายลงในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตศักราช และถูกทิ้งไว้ให้พังพินาศ มีเพียงการกล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิลที่พอจะช่วยให้จินตนาการถึงความรุ่งเรืองจากซากปรักหักพังทั้งหมดที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในตอนนี้

Angkor, Cambodia

 10637

วัดโบราณที่สร้างด้วยศิลามีต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโตจนรากเลื้อยมาปกคลุมชวนให้หลงใหลไปกับความลึกลับ และความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมในวันวาน งานวิจัยชิ้นล่าสุดสันนิษฐานว่านครวัดครอบคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลกว่า 3000 ตารางกิโลเมตร และเคยมีประชากรอยู่เกือบหนึ่งล้านคน แต่ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจนส่งผลต่อระบบประปา ทำให้คนเริ่มละทิ้งถิ่นฐานไปเมื่อราว ๆ 500 ปีก่อน

Dunwich, England

 10638

ในปัจจุบันคือเมืองซัฟฟอล์ก เป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญและเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษยุคกลาง และยังกล่าวกันว่าเคยเป็นเมืองหลวงของอีสต์แองเกลีย แต่เมืองทั้งหมดสร้างขึ้นบนผืนทราย เมื่อมีพายุพัดเข้ามาและกัดเซาะชายฝั่งจนทำลายส่วนหนึ่งของเมืองไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 ทำให้ผู้คนอพยพออกจากเมืองจนหมด เหลือเพียงบ้านไม่กี่หลังที่ยังหลงเหลือให้เห็นในวันนี้

Herculaneum, Italy

 10639

เป็นเมืองที่มีชะตากรรมแบบเดียวกับปอมเปอี ที่สูญหายไปกับธารลาวาและเถ้าถ่านจากภูเขาไฟวิสุเวียส เมื่อปี ค.ศ. 79 เพิ่งถูกค้นพบเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนและยังคงเป็นขุมทรัพย์สำหรับนักโบราณคดี สิ่งที่น่าหลงใหลที่สุดคือม้วนหนังสือหลายร้อยเล่มที่พบใน Villa dei Papiri ซึ่งเป็นข้อความจากห้องสมุดโบราณเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน

Darwin, California, USA

 10640

ดาร์วินก็เหมือนกับเมืองอีกหลายพันแห่งในสหรัฐอเมริกา ที่เกิดใหม่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หลังจากค้นพบแร่เงินในบริเวณนี้เป็นจำนวนมหาศาล แต่เมืองนี้ถูกทิ้งร้างภายในเวลาเพียงสี่ปีนับจากการตั้งถิ่นฐานในปี 1878 จริง ๆ แล้วในทุกวันนี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ประปราย แม้จะต้องเผชิญกับพายุทะเลทรายอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม

Skara Brae, Scotland

 10641

ดูเหมือนที่นี่จะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มากกว่าที่จะเป็นเมืองใหญ่ เป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็กที่มีอายุมากกว่า 5,000 ปี ถูกค้นพบในปี 1850 หลังจากพายุป่าเผยให้เห็นกองหิน และเมื่อขุดค้นดูจึงพบ่ามีกระท่อมหินอย่างน้อยแปดหลังพร้อมเตียง เตา และชั้นวางของ มีสมมุติฐานว่าสาเหตุที่คนอพยพออกจากตรงนี้เป็นเพราะชายฝั่งถูกน้ำกัดเซาะ และยังคงเป็นปัญหาใหญ่มาจนถึงตอนนี้

Taxila, Pakistan

 10642

เมืองตักศิลา ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียในช่วยศตวรรษที่ 7 และทำหน้าที่เป็นเมืองศูนย์กลางด้านศิลปวิชาการแห่งดินแดนชมพูทวีปก่อนจะแตกสลายไปหลังจากการครอบครองของผู้บุกกรุกชาวกรีก ทุกวันนี้ยังมีซากปรักหักพังของสถูปเจดีย์ และประติมากรรมต่าง ๆ ให้ได้ชม

Carthage, Tunisia

 10643

หลังจาก 900 ปีที่แห่งความยิ่งใหญ่ไปทั้งแอฟริกาเหนือและยุโรปตอนใต้ สุดท้ายต้องพ่ายแพ้แก่อาณาจักรโรมัน และแม้ต่อมาชาวโรมันจะพาเมืองคาร์เธจกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง ในท้ายที่สุดก็มาโดยทำลายอีกรอบโดยมุสลิมอาหรับ ทุกวันนี้ยังพอมีซากปรักหักพังของห้องอาบน้ำโรมัน วัด และวิลล่าหลงเหลืออยู่

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ 9 นครสาบสูญที่น่าค้นหามากที่สุดในโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook