รีวิวเที่ยวเชียงราย 3 วัน 2 คืน ชมหมอกสุดท้ายของฤดู ก่อนลมหนาวจะหายไป
เชียงราย ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองรองของภาคเหนือซึ่งถูกบดบังความสวยงามเอาไว้เพราะใครต่อใครก็มักจะมุ่งหน้าไปเที่ยวที่เมืองใหญ่ๆ อย่างเชียงใหม่หรือน่านกันซะหมด ทั้งที่จริงๆ แล้วที่นี่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในด้านธรรมชาติ สถาปัตยกรรมสวยๆ ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วทั้งเมือง ในวันนี้ Sanook Travel เราจะพาทุกคนไปเปิดมุมมองใหม่ๆ ของการท่องเที่ยวเชียงราย กับการท่องเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน พาไปชมความงดงามที่ซ่อนเร้นในเมืองแห่งขุนเขาแห่งนี้ และที่พักรวมถึง อีกในช่วงสุดท้ายของฤดูหนาวก่อนที่บ้านเราจะเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวครับ
ไฮไลท์ทริป
-ภูชี้ดาว
-ผาตั้ง
-ฟาร์มแกะดอยช้าง
-บ้านผาหมี
-ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
-วัดร่องเสือเต้น
สำหรับการมาเที่ยวเชียงรายนั้นถือว่าเดินทางสะดวกมาก เพราะมีทั้งรถทัวร์ และสายการบินให้บริการ โดยเราใช้บริการของ Vietjet บินตรงลงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น หลับตื่นเดียวก็ถึงเลย สะดวกสบายมากควบคุมเวลาในการเดินทางได้เป็นอย่างดี แถมมีให้เลือกหลายไฟล์ทด้วย ใครวางแผนดีไซน์การเดินทางไว้อย่างไรก็ตอบโจทย์ไปหมด
Day 1
หลังจากพาตัวเองมาสู่เมืองเชียงรายแล้วเราได้ติดต่อรถเช่าที่อจงไว้ล่วงหน้า ซึ่งใครจะมาเที่ยวเชียงรายแนะนำให้เช่ารถขับจะคุ้มค่าและสะดวกที่สุด เพราะแต่ละจุดแหล่งท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างจะไกลกันพอสมควร ใครจะหารถเช่าเชียงรายราคาถูก รถสภาพดีงามแนะนำที่นี่เลย M.C. Carrent Chiangrai เขามีบริการรับส่งให้ที่สนามบินทันที ติดต่อที่เบอร์ 087 177 1019
หลังจากได้รถเรียบร้อยแล้วเรามุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงรายเพื่อแวะเช็กอินที่วัดร่องเสือเต้นกันก่อน วัดนี้เป็นวัดที่เราเคยได้ยินชื่อมานานแล้วแต่เพิ่งจะเคยมีโอกาสได้มา บอกเลยว่าสวยงามประทับใจมากกับวัดสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยลวดลายทางพุทธศิลป์ที่มีความวิจิตรงดงาม เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงรายเลยก็ว่าได้ ใครที่มาเที่ยวเชียงรายลองแวะมาเยี่ยมชมกันได้ครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/wcvutjodHmZw8keK9
จากนั้นไปหากาแฟทานกันที่มโนรมย์คาเฟ่ คาเฟ่ริมแม่น้ำกก ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นห้องกระจกมองเห็นวิวแม่น้ำ มีทั้งเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นมาก ยิ่งได้มานั่งชิลๆ ในยามเช้าพร้อมกับลมเย็นๆ ยิ่งฟิน
พิกัด : https://goo.gl/maps/ATBprbyMZ1ntb8q3A
จากตัวเมืองเชียงรายเรามุ่งหน้าสู่ภูชี้ฟ้าจุดหมายที่เราตั้งใจจะมาในทริปนี้ แต่ก่อนจะไปที่ภูชี้ฟ้าเราแวะเที่ยวที่ผาตั้งกันก่อน ผาตั้งเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่เชื่อมต่อกันในเส้นทางนี้ ซึ่งจะมีทั้ง ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน และผาตั้ง ซึ่งหากใครวางแผนดีๆ ทริปเดียวสามารถมาเก็บเที่ยวได้ทั้ง 4 แห่งเลย
สำหรับผาตั้ง เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว การท่องเที่ยวในผาตั้งนั้นจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดินขึ้นไปประมาณ 700 เมตรจะถึงจุดสุดยอดของดอยผาตั้ง
โดยระหว่างทางจะมีจุดให้เช็กอินหลายแห่งเลย ทั้งประตูผาบ่อง ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่ ป่าหินยูนนาน ช่องเขาขาด เนิน 102 และเนิน 103 ซึ่งด้วยความที่มีเวลาจำกัดเราจึงเดินขึ้นไปถึงได้แค่เนิน 102 ซึ่งเป็นจุดชมวิวมองเห็นแม่น้ำโขงและทิวทัศน์ของประเทศลาวแบบพาโนรามาสวยงามมากๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/rBWWtjBqnBT6KCVN6
ลงจากดอยผาตั้งเรามุ่งหน้าไปที่ภูชี้ฟ้า ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ โดยเราพักกันที่ CAMP Phuchifa แคมป์ภูชี้ฟ้า ที่พักสไตล์ Glamping ที่มองเห็นวิวภูเขาได้แบบพาโนรามาเลย ที่พักฟีลดีมาก ด้านในเต็นท์มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน เหมาะกับคนที่อยากจะสัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่
ได้นั่งกินหมูกระทะหน้าเต็นท์พร้อมกับวิวพระอาทิตย์ตกและแสงทไวไลท์ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ แบบนี้บอกเลยว่าฟิน!
พิกัด : https://goo.gl/maps/yPsqiKxZxbiRmEiw6
Day 2
เช้าวันที่ 2 เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวขึ้นไปพิชิตยอดภูชี้ฟ้า ไฮไลท์ของเราในทริปนี้ การเดินทางขึ้นไปยอดภูชี้ฟ้านั้น จะขับรถขึ้นไปเองก็ได้หรือใช้บริการรถรับส่งของที่พักก็ได้เช่นกัน โดยรถรับส่งจะไปส่งเราที่จุดเดินเท้าขึ้นภูชี้ฟ้าและรับกลับที่พักในราคาไปกลับ 30 บาท
เมื่อมาถึงจุดเดินเท้าแล้ว ก็ได้เวลาลุย เราใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงยอดภูชี้ฟ้ากันประมาณ 20 นาที เส้นทางชันสลับกับทางราบ ทางเดินง่ายไม่เหนื่อยมาก ระยะทางประมาณ 700 เมตร
และเมื่อแสงแรกของวันส่องลงมาเราก็ได้พบกับภูชี้ฟ้าในฝัน เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นสถานที่สุดอันซีนของเมืองไทยที่นี่ ยอดดอยที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้าคงเป็นที่มาของชื่อภู ฟ้าในวันนั้นสวยงามมากจริงๆ และสิ่งที่เรารอคอยก็ปรากฏออกมาเช่นกันนั่นก็คอทะเลหมอก ที่ฟุ้งกระจายเต็มภูเขา เป็นภาพที่มหัศจรรย์สุดๆ
เราชื่นชมบรรยากาศเดินเล่นถ่ายรูปกันจนแสงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาจนสุดขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติตอบแทนความพยายามของนักเดินทางได้อย่างคุ้มค่า ทิ้งท้ายฤดูหนาวของปีนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พิกัด : https://goo.gl/maps/bpBdLafAJvB9eqon8
ลงจากภูชี้ฟ้า เรารีบมุ่งหน้าต่อไปที่ภูชี้เดือน ซึ่งมีระยะทางไม่ไกลจากภูชี้ฟ้ามากนัก ภูชี้ดาวเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของเส้นทางนี้ ซึ่งการเดินทางขึ้นไปนั้นจะต้องใช้บริการรับส่งของทางชาวบ้านเท่านั้น เพราะเส้นทางขึ้นค่อนข้างแคบ ชัน และขรุขระ ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างสูงในการขับ พอไปถึงจุดเดินเท้าแล้วก็ต้องเดินต่อกันขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตร ทางขึ้นเป็นทางชันล้วนๆ แต่มีระสั้นกว่าขึ้นภูชี้ฟ้า ใครที่จะขึ้นมาแนะนำให้เตรียมใจกันดีๆ ครับ
ด้านบนจะเป็นสันเขาที่เราสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ เป็นภูมิประเทศที่ดูแปลกตามาก เหมือนเราเดินอยู่บนสันหนังสือที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาเลย จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวฝั่งประเทศลาว และแม่น้ำโขงได้ด้วย เป็นอีกหนึ่งภูเขาที่วิวปังมากๆ แนะนำหากใครมาเที่ยวภูชี้ฟ้า ต้องมาภูชี้ดาวด้วยครับจะได้ไม่เสียเที่ยว
พิกัด : https://goo.gl/maps/ricUeotbAdTsnTq68
จบภารกิจสำหรับการพิชิตแหล่งท่องเที่ยวทางฝั่งภูชี้ฟ้า เราเริ่มเดินทางกันต่อ โดยมุ่งหน้าสู่ดอยช้าง แหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในช่วงนี้ ดอยช้างเป็นแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของประเทศ ด้านบนมีที่พักและคาเฟ่เยอะมาก แถมอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วย จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว และเราจะได้พักกันบนดอยช้างในคืนนี้ครับ
ก่อนเข้าที่พักเราแวะเที่ยวกันที่ Akha Farmville ฟาร์มแกะบนดอยที่ฮิตกันมากๆ ในตอนนี้ บรรยากาศของเหล่าฝูงแกะที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาในช่วงแสงสีทองยามเย็น ได้ฟีลเหมือนอยู่เมืองนอกเลย เราสามารถไปเดินเล่นถ่ายรูปกับน้องแกะไว้เป็นความทรงจำกันได้ โดยมีค่าเข้าคนละ 100 บาท สามารถนำไปแลกเครื่องดื่มได้หนึ่งแก้วครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/1F13EsTDxs2Qv74w7
รีวิวเต็ม : Akha Farmville ฟาร์มแกะฟีลเมืองนอก บนยอดเขาดอยช้างเชียงราย
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางกันมาทั้งวันก็ได้เวลาพักผ่อน โดยที่พักของเราในวันนี้ยังคงเป็นสไตล์ Glamping เช่นเคย ที่พักของเราในวันนี้มีชื่อว่า The BC2 ที่เปิดให้บริการเป็นทั้งที่พัก คาเฟ่ และร้านอาหาร ที่นี่บรรยากาศดีมาก จากเต็นท์ที่เรามองสามารถชมวิวสวยๆ ของดอยช้างได้จากระเบียงหน้าเต็นท์ชิลๆ เลย
และในตอนเช้าห้ามพลาดกับคาเฟ่ของ The BC2 ที่มีไฮไลท์อยู่ที่ห้องใต้หลังคา ซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ มีการจัดพร็อบจัดมุมเก๋ๆ ไว้ให้ถ่ายรูป ใครที่เป็นสายคาเฟ่จะต้องชอบแน่นอน
พิกัด : https://goo.gl/maps/Pdn3YQHQrdgxiDVw6
ลงจากดอยช้างเรายังไม่หยุดแค่นี้สำหรับการเดินทาง เราไปกันต่อที่หมู่บ้านผาหมี ในอำเภอแม่สาย เพื่อตามหาจุดเช็กอินที่เราอยากจะไปมากๆ นั่นก็คือที่สวนคุณปู่ Life Museum คาเฟ่ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากหมู่บ้านผาหมีอีกทีหนึ่ง
คาเฟ่นี้มีความพิเศษอยู่ที่วิวสุดปังที่ไม่เหมือนที่ไหนๆ ในเมืองไทยเลย เพราะเป็นวิวช่องเขาที่มีบ่อน้ำอยู่เบื้องหน้า นักท่องเที่ยวมักจะมมาหามุมถ่ายรูปสะท้อนน้ำ พร้อมกับแบ็คกราวด์เป็นช่องเขากันที่นี่ บอกเลยว่าได้รูปสวยปังแน่นอน
ในส่วนของคาเฟ่ก็มีให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมวิวสวยๆ แบบนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการเดินทาง
พิกัด : https://goo.gl/maps/7AHuD3kE9o4G7m968
จุดสุดท้ายกับการเดินทางของเราในทริปนี้ มาเชียงรายทั้งทีจะไม่แวะมาดูถ้ำหลวงก็คงจะไม่ได้ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของการช่วยชีวิต 13 หมูป่า ที่ในตอนนี้ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือหมูป่า โดยมีทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ และรูปภาพให้เราได้เรียนรู้ รวมไปถึงสามารถเดินเข้าไปชมบริเวณด้านในถ้ำหลวงได้ด้วย และอีกหนึ่งสำคัญของที่นี่นั่นก็คืออนุเสาวรีย์จ่าแซมฮีโร่ของเราทุกคน
พิกัด : https://goo.gl/maps/a3vnyYXoT2Lyf1UM6
นอกจากบริเวณถ้ำหลวงแล้วยังมีอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่ามาชมนั่นก็คือสระขุนน้ำมรกต สระน้ำธรรมชาติที่เชื่อกันว่าเป็นน้ำที่ระบยออกมาจากถ้ำหลวง บ่อน้ำนี้มีสีเขียวมรกตเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ในยามกลางวัน เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวอันซีนที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม
พิกัด : https://goo.gl/maps/n156jrJkSpVsstGB6
จบทริปอย่างสมบูรณ์สำหรับการท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเสียดายที่มีเวลาน้อยไปนิด เพราะเชียงรายยังคงมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายที่รอให้ทุกคนได้สัมผัส ที่นี่เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ไหนๆ จริงๆ ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ถือว่ามีให้เห็นอย่างครบครัน หากใครกำลังมองหาทริปท่องเที่ยวส่งท้ายฤดูหนาวอยู่ เชียงรายถือว่าตอบโจทย์สำหรับคุณ และเราเชื่อว่าลมหนาวจะยังคงอยู่ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ หากใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวในตอนนี้ยังไม่สายครับ ไปสัมผัสลมหนาวสุดท้าย และสายหมอกที่เชียงรายกันครับ
อัลบั้มภาพ 91 ภาพ