วิธีเตรียมตัวเดินทางด้วยเครื่องบินในยุค COVID-19
หลาย ๆ คนน่าจะห่างหายจากการเดินทางโดยเครื่องบินไปนานมาก ๆ ตั้งแต่ที่เราได้รู้จักกับโรคโควิด-19 ก็มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะวิถีการดำเนินชีวิตของเราที่ไม่เหมือนเดิม อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็เพิ่งได้เห็นในช่วงเวลานี้ สนามบินที่เคยเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวกลายเป็นสนามบินร้างไปช่วงพักใหญ่ ๆ เครื่องบินที่ควรจะอยู่บนท้องฟ้า ถูกจอดแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ได้ขึ้นบินเสียตั้งนาน การเดินทางของเราก็ถูกจำกัด เท่าที่เคยเห็น นี่เป็นปรากฏการณ์ที่สะเทือนการเดินทางโดยอากาศยานของคนทั้งโลกมากที่สุดแล้ว
แต่ต่อให้โรคระบาดยังคงอยู่ เราก็ยังต้องใช้ชีวิตกันต่อไป ต้องพยายามปรับตัวที่จะอยู่กับมันให้ได้ การเดินทางโดยเครื่องบินกลับมาเปิดให้บริการได้สักพักแล้ว แต่โรคระบาดทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าเราจะเดินทางโดยเครื่องบินในช่วงนี้ล่ะก็ จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีปฏิบัติตัวบางอย่างที่เปลี่ยนไป
เช็กข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกทั้งต้นทางและปลายทาง
แต่ละจังหวัดมีมาตรการในการรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นแตกต่างกัน เนื่องจากการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน ๆ ตามความรุนแรงของการแพร่ระบาด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปไหน ให้เช็กก่อนว่าเขาอนุญาตให้มีการเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่หรือไม่ ถ้าเข้าได้ เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ต้องกักตัวด้วยไหม และเดินทางกลับมามีเงื่อนไขอะไรอีกหรือเปล่า เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นและไม่ชวนหงุดหงิดหัวเสียจนไม่สนุก ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาที่เราต้องเอาไปใช้เดินเรื่องด้วย การตรวจสอบข้อมูลของแต่ละจัหวัดสามารถดูข้อมูลได้ที่ moicovid
มีเอกสารการฉีดวัคซีนและ/หรือการตรวจโรค
จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่ขึ้นเครื่องบินหรือเดินทางไปจังหวัดอื่นประเทศอื่นหรอก มีสถานที่อื่น ๆ อีกหลายที่ที่จะขอเรียกดูข้อมูลการรับวัคซีนและ/หรือผลการตรวจโรคก่อนที่จะอนุญาตให้เราเข้าไปในพื้นที่ ดังนั้น ก่อนวางแผนจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรต้องฉีดวัคซีนให้ครบและ/หรือตรวจหาเชื้อให้เรียบร้อย ทำให้หลังจากนี้เราต้องเตรียมเอกสารในการเดินทางโดยเครื่องบินมากกว่าเดิม ทั้งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตน พร้อมด้วยใบรับรองการฉีดวัคซีนและ/หรือผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) หรือแบบ RT-PCR (Real Time PCR) ก็ได้
ต้องเผื่อเวลาให้มากกว่าเดิม
คนที่เคยเดินทางโดยเครื่องบินจะทราบดีว่าเราต้องเผื่อเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ขอแนะนำว่าควรไปถึงสนามบินล่วงหน้าก่อนออกเดินทางเร็วขึ้นหน่อย ประมาณ 2-3 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางในประเทศ และประมาณ 3-4 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ เผื่อต้องใช้เวลามากขึ้นในการตรวจสอบเอกสาร เช็กอิน และสัมภาระ รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคมที่อาจทำให้ล่าช้าขึ้น หากมีปัญหาหรือความยุ่งยากเกิดขึ้นจะได้พอมีเวลาจัดการ แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่สนามบินนานหน่อยก็ดีกว่าตกเครื่องล่ะนะ
หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่ห้ามถอด
ย่างที่เราทราบว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องที่ถูกบังคับตามกฎหมายในช่วงที่โรคระบาดเริ่มทวีความรุนแรง อีกทั้งโควิด-19 ยังทำให้สายการบินไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้เป็นปี ๆ สายการบินจึงต้องกวดขันให้ผู้โดยสารให้สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา และไม่อนุญาตให้สวมหน้ากากชนิดที่มีวาล์วระบายอากาศ โดยมีประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารถอดหน้ากากอนามัยตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสนามบิน ยันขึ้นเครื่องลงเครื่อง และออกจากสนามบิน โดยเฉพาะบนเครื่องซึ่งเป็นพื้นที่ปิด นั่นหมายความว่าบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องจะถูกยกเลิกด้วย
นำเจลแอลกอฮอล์ขึ้นเครื่องได้
นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ก็เป็นไอเทมที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลาเช่นกัน เมื่อไปสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ก็ต้องทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนจะมาสัมผัสร่างกายหรือของใช้ส่วนตัว สายการบินจึงต้องปรับเปลี่ยนกฎในการนำของเหลวขึ้นเครื่องเล็กน้อย คือผู้โดยสารสามารถนำของเหลวขึ้นเครื่องได้สูงสุดไม่เกินคนละ 1,000 มิลลิลิตรเหมือนเดิม แค่ให้แยกเป็นเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ ที่บรรจุภัณฑ์มีปริมาณความจุไม่เกิน 350 มิลลิลิตร โดยจะนำไปนับปริมาณรวมกับของเหลว เจล สเปรย์อื่น ๆ ที่ให้ไม่เกิน 100 มิลลิลิตรต่อ 1 ขวด