5 สถาปัตยกรรมของเมืองไทยที่ไม่ซ้ำใครในโลก

5 สถาปัตยกรรมของเมืองไทยที่ไม่ซ้ำใครในโลก

5 สถาปัตยกรรมของเมืองไทยที่ไม่ซ้ำใครในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมืองไทยนอกจากจะมีวัดวาอารามที่สวยชวนตะลึง เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของชาวต่างชาติแล้ว เรายังมีสถาปัตยกรรมอื่นๆที่กระตุ้นจินตนาการให้พรั่งพรูและสวยแปลกตาหาชมได้ที่เดียวในโลก

พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จ.ยโสธร

8836

พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก หรือ พิพิธภัณฑ์คางคกเพิ่งเปิดมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของยโสธรในทันที ค่าที่ว่ารูปทรงแปลกตาเป็นคางคกยักษ์ สูง 19 เมตร เท่ากับตึกห้าชั้น พิพิธภัณฑ์คางคกบอกเล่าเรื่องราวของพญาคันคาก เจ้าชายผู้มีผิวพรรณเหมือนคางคก ซึ่งสามารถรบชนะพญาแถน เทพเจ้าแห่งสายฝน ผู้ไม่ยอมปล่อยให้ฝนตก ทำให้เกิดความแห้งแล้ง หลังจากรบชนะพระองค์ก็ตกลงกับพญาแถนว่า เมื่อไหร่ที่ชาวบ้านต้องการฝนจะจุดบั้งไฟบอกกล่าว ซึ่งนั่นคือที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟ นอกจากจะมีเรื่องราวของตำนานแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์ยังมีเรื่องราวของคางคกกว่า 500 สายพันธ์ทั่วโลก และฉายตำนานบุญบั้งไฟในรูปแบบภาพยนตร์ 4 มิติ ที่ชั้นบนสุดยังมีสะพานมองลงมาเห็นวิวแม่น้ำทวนที่อยู่ด้านล่าง และพิพิธภัณฑ์พญานาคที่ตั้งอยู่ใกล้ๆด้วย

วัดสามพราน จ.นครปฐม

8837

วัดสามพราน แปลกตาด้วยการผสมผสานศิลปะไทยและจีนไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยตึกสีแดงที่มีมังกรตะกายฟ้าสีเขียวพันโอบรอบตึก ที่เรียกว่า กุฎิพญามังกรตะกายฟ้า ที่เท้ามังกรสามารถขอพรให้ชีวิตรุ่งเรืองในด้านต่างๆตามแต่ละเล็บของมังกร ตึกนี้เป็นกุฎิสงฆ์ทรงกลม สูง 80 เมตรที่สามารถเดินขึ้นไปถึงด้านบนด้วยการเดินเข้าไปในท้องพญานาคเป็นอุโมงค์ทางลาด 17 ชั้น (แต่เปิดให้เข้าชมเฉพาะชั้น 2 เท่านั้น ส่วนชั้นอื่นไม่อนุญาต) ในวัดยังมีรูปปั้นของสัตว์ต่างๆตามความเชื่อทางพุทธศาสนา วัดจะเปิดเฉพาะวันอาทิตย์ วันหยุดทางศาสนาและวันนักขัตฤกษ์เท่านั้น

วัดบ้านไร่ จ.นครรราชสีมา

8838
วัดดังของจังหวัด ซึ่งเคยเป็นสำนักสงฆ์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่มาโด่งดังในยุคสมัยนี้เพราะหลงพ่อคูณ ปุริสุทโธ เกจิอาจารย์ดังผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัด และท่านยังสร้างวิหารเทพวิทยาคม ปริสุทธปัญญา ซึ่งเป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำ เป็นอาคารรูปเต่าสูง 5 ชั้น หลังคาเป็นรูปเศียรช้าง มีรูปปั้นพญานาคหลายเศียรปกป้องดูแลสะพานทางเข้าออก เป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ภายในเพดานและผนังอาคารเป็นภาพวาดที่งดงาม และชั้นดาดฟ้ามีรูปปั้นสีทองของพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อคูณปรดิษฐานอยู่ ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นบรรยากาศรอบทะเลสาบและเมืองโดยรอบ

พญาชาละวัน บึงสีไฟ จ.พิจิตร

8839
บึงสีไฟ คือแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ มีทัศนียภาพที่สวยงาม เต็มไปด้วยสัตว์น้ำและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจรอบบึง มีบ่อจระเข้ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ปลาน้ำจืด และรูปปั้นจระเข้ยักษ์ พญาชาละวัน ขนาดใหญ่ ยาวถึง 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของชาวพิจิตร (สามารถพบเห็นรูปปั้นจระเข้ได้ตามจุดต่างๆในเมืองด้วย ) ภายในรูปปั้นเป็นห้องประชุมขนาด 25-30 ที่นั่ง

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธ์มังกร จ.สุพรรณบุรี

8840
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธ์มังกร หรืออุทยานมังกรสวรรค์ ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เต็มไปด้วยรูปปั้นมังกรที่สีสันสดใสตระการตาจนหลายคนนึกว่าศาลเจ้า ก่อตั้งเมื่อปี 2539 เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทยและจีนครบ 20 ปี เพื่อนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่ยาวนานกว่า 5,000 ปี ภายใต้รูปแบบมังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีน ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง ด้วยแสงสีเสียงและเทคนิคพิเศษ ที่น่าสนใจมาก พิพิธภัณฑ์เปิดวันพุธถึงวัดอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ 5 สถาปัตยกรรมของเมืองไทยที่ไม่ซ้ำใครในโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook