ชี้เป้า Tea Bar Cafe คาเฟ่ลับ ณ ตรอกชุมชนวัดราชนัดดา
ในช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ คุณผู้อ่านหนีไปหลบร้อนที่ไหนกันบ้าง คำตอบคงจะมีหลากหลาย บางคนอาจเลือกเข้าห้างไปตากแอร์ หาของอร่อย ๆ กินแล้วกลับบ้าน บางคนก็ขอกลับบ้านเลยละกัน จะได้อาบน้ำอาบท่าไปเลย และก็คงมีบางคนที่จะคิดหาร้านกาแฟหรือคาเฟ่สวย ๆ นั่งเล่นชิล ๆ สั่งเครื่องดื่มเมนูหวาน ๆ เย็น ๆ มาดื่มให้สดชื่นพร้อมกับนั่งตากแอร์ไปด้วย เผลอ ๆ สามารถขนงานไปนั่งทำได้อีกต่างหาก เปลี่ยนสถานที่ทำงานจาก Work from Home เป็น Work from Cafe/Coffee Bar ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่ Work from Home มานานหลายเดือน วัน ๆ คุยอยู่แต่กับตัวเอง พนักงานขนส่งพัสดุ และพนักงานเดลิเวอรี่อาหาร ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาในสถานที่ที่ไกลเกินกว่าร้านสะดวกซื้อในซอยบ้านมานานมาก สัปดาห์ที่ผ่านมาก็สบโอกาส ได้รับมอบหมายให้ออกไปทำงานนอกสถานที่ เข้าทางเลยล่ะ ต้องไปหาแวะคาเฟ่สวย ๆ นั่งพักผ่อนชิล ๆ ซะแล้ว
ใครที่มีโอกาสได้เดินทางเข้าไปใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเกาะรัตนโกสินทร์ แถวสนามหลวงล่ะก็ ลองขยับออกมาจากโซนนั้นเล็กน้อย มาแถว ๆ เสาชิงช้า โซนเดียวกันกับศาลาว่าการกรุงเทพฯ จะเจอวัดสวย ๆ อยู่วัดหนึ่ง หาป้ายชื่อวัดราชนัดดารามวรวิหาร ละแวกนั้นจะมีชุมชนเล็ก ๆ ในตรอกแคบ ๆ เรียกว่าตรอกชุมชนวัดราชนัดดา ในนั้นมีคาเฟ่เปิดใหม่ประมาณเดือนกว่า ๆ ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางชุมชน แต่ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ธรรมดา
Tea Bar Cafe เป็นคาเฟ่ลับสไตล์มินิมอลที่ซ่อนตัวอย่างกลมกลืนอยู่กลางตรอกชุมชนวัดราชนัดดา เป็นคาเฟ่ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านสวน มีความเป็นส่วนตัว เหมาะที่จะมานั่งเล่นชิล ๆ สบาย ๆ จิบเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลาย โดยเมนูขึ้นชื่อคือเมนูชา
ที่บอกว่าเป็นคาเฟ่ลับนั้นเพราะหาทางเข้าไปยังชุมชนค่อนข้างยาก ยิ่งคนที่ไม่รู้ทางยิ่งไม่กล้าลัดเลาะ เพราะไม่รู้ว่าเดินเข้าซอยนี้แล้วจะไปโผล่ที่ไหน หรือนี่เป็นทางเข้าบ้านใครหรือเปล่า แต่ถ้าหาทางเขาตรอกมาได้แล้ว ตัวคาเฟ่ก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น แต่จะเดินใกล้เดินไกล ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าตรอกที่ฝั่งไหน ดู พิกัดแผนที่ ซึ่งที่คาเฟ่ไม่มีที่จอดรถ แต่จอดได้ที่บริเวณใกล้เคียงแล้วเดินเท้าเข้าตรอกเอา ใครที่มารถส่วนตัว สามารถนำรถไปจอดได้ 3 ที่ ดังนี้
- วัดราชนัดดารามวรวิหาร คิดค่าจอด 40 บาทแบบเหมาทั้งวัน สามารถจอดได้จนถึง 19.00 น.
- ที่จอดรถเอกชน (บริษัท โชคดี พริ้นติ้ง จำกัด) ข้างร้านครัวอัปษร คิดค่าจอดชั่วโมงละ 40 บาท
- ที่จอดรถโรงแรมศรีกรุงเทพ คิดค่าจอดชั่วโมงละ 30 บาท
เมื่อมาถึงคาเฟ่แล้วก็อย่าได้รอช้า เพราะอากาศร้อนและหิวมาก เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ ดูเมนู แล้วสั่งเครื่องดื่มได้เลย
เมนูเครื่องดื่มหลากหลาย คอไหนก็ถูกใจ
มาคาเฟ่ที่ขายเครื่องดื่มทั้งที ก็ต้องเปิดเรื่องที่พระเอกของร้าน ซึ่งนั้นก็คือ สารพัดเครื่องดื่ม ที่บอกว่าเมนูเครื่องดื่มหลากหลายนั้น เพราะเห็นว่าเมนูของ Tea Bar Cafe จัดหมวดหมู่ของเครื่องดื่มออกเป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มกาแฟ กลุ่มไม่มีคาเฟอีน กลุ่มชา และกลุ่มโซดา (มีกระซิบว่ากำลังพัฒนาเมนูใหม่ ๆ อยู่ด้วย) กว่าจะหาที่นี่เจอไม่ใช่เรื่องง่าย ได้มาถึงที่แล้วก็ต้องจัดเครื่องดื่มให้ครบทุกกลุ่มไปเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล
เริ่มต้นที่เมนูกาแฟก่อนละกัน เราเลือกเมนูลาเต้เย็นมาลอง นั่งถ่ายรูปเล่นรออยู่สักพัก พนักงานก็ส่งเสียงเรียกว่าเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ หันไปถึงกับแอบช็อกเบา ๆ เพราะเขาเสิร์ฟมาพร้อมกับ Moka Pot เลย ซึ่ง Moka pot ก็คือหม้อต้มกาแฟแบบที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า การใช้งานหม้อต้มประเภทนี้ คือการใช้แรงดันของน้ำให้ผ่านกาแฟขึ้นมาจนกลายเป็นน้ำกาแฟ โดยที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100 เปอร์เซ็นต์ คั่วแบบเข้ม กลิ่นกาแฟนี่หอมอบอวล ทำเอาตาสว่างตั้งแต่ยังไม่ได้จิบกาแฟสักอึกด้วยซ้ำ พอได้ลองแล้วก็ตาสว่างแบบคูณสองไปเลย เพราะรสชาติกาแฟเข้มมาก ขนาดใส่ผสมนมเป็นลาเต้แล้วก็ยังเข้มมากอยู่ดี คนที่เป็นคอกาแฟจ๋า ๆ นี่น่าจะถูกใจมาก
เมนูต่อมา ขอตัดความขมของลาเต้เมื่อครู่ด้วยนมคาราเมลเย็น และคิดถูกมากที่เลือกเมนูนี้มาล้างกาแฟที่ติดอยู่ที่คอ นมที่ผสมมากับคาราเมลมีความนุ่มละมุนลิ้นมาก กลิ่นนมกลิ่นคาราเมลคือหอมมาก ใครที่เป็นสายไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน พวกเมนูนมหรือช็อกโกแลตน่าจะถูกจริต ซึ่งเมนูช็อกโกแลตเย็นเนี่ยใช้ผงช็อกโกแลตแท้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบแบรนด์ของทางร้านเองเลยด้วย
เมนูที่สามเป็นเครื่องดื่มที่โปรดปรานมากที่สุด ไม่ว่าจะไปเข้าคาเฟ่ที่ไหนก็จะต้องสั่งชาเขียวมาดื่มเสมอ เป็นเหมือนพวกที่เสพติดชาเขียว กินได้ทุกเมนูที่มีชาเขียวเป็นส่วนประกอบ (ขอแค่อย่าพิสดารเกินไป) เมนูชาเขียวของที่นี่คือชาเขียวลาเต้ที่หอมทั้งกลิ่นชาเขียวและกลิ่นนม เป็นเมนูที่รับมาจากเคาน์เตอร์ปุ๊บก็ดูดปั๊บเลย ความเข้มข้นคือนัวมาก ประทับใจ
เมนูเกือบสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ก็ยังคงเป็นเมนูชา แต่ขอเปลี่ยนแนวมาเป็นชาใส ๆ บ้าง แก้วแรกขอลองชากุหลาบ แอบหวั่น ๆ นิดหน่อยเพราะเคยทราบมาว่าสรรพคุณของชากุหลาบเนี่ยช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เพราะกลับบ้านต้องเดินทางค่อนข้างไกล แต่ก็เชื่อมั่นในท้องไส้ของตัวเองพอสมควรว่าชากุหลาบแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก กลิ่นชากับกลิ่นกุหลาบผสมผสานกันอย่างลงตัว แค่เดินไปยกจากเคาน์เตอร์มาวางที่โต๊ะ กลิ่นชาก็หอมเตะจมูกแล้ว พอได้จิบเท่านั้นแหละ รู้สึกสดชื่นมาก เป็นเมนูเครื่องดื่มที่เหมาะกับช่วงหน้าร้อนมาก ๆ
สำหรับเครื่องดื่มแก้วสุดท้าย ก็ยังคงเป็นเมนูชาใส ๆ เพราะต้องการจะล้างคอก่อนกลับบ้าน ชาดอกไม้ เป็นเมนูที่ไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน ฉะนั้น ประสบการณ์เกี่ยวกับรสชาติของชาแก้วนี้เริ่มต้นจากศูนย์ ทว่าเมื่อได้ลองแล้วกลับพบว่ารสชาติของชาแก้วนี้คือ ว้าวมาก หอมอร่อยแบบแสงออกปาก กิมมิกของมันคือความหวานซ่อนเปรี้ยวที่เข้ากันได้อย่างลงตัว รสชาติคล้ายกับขนมเยลลี่รสผลไม้ยี่ห้อหนึ่งที่เป็นบรรจุภัณฑ์เป็นรูปกรวย ฝาซีลพลาสติกแกะดี ๆ ไม่ค่อยจะออก เป็นแก้วที่ฟินมาก รสชาติดี สดชื่น เป็นเมนูที่อยากแนะนำให้ทุกคนลอง!!!
ด้วยความที่เครื่องดื่มเต็มโต๊ะ และค่อนข้างเกรงใจทางร้านหากจะลุกออกไปโดยที่ดื่มไปแก้วละนิดละหน่อย จึงได้นั่งนานหน่อย เล่นโทรศัพท์นาน ๆ ก็เบื่อ เลยขออนุญาตทางร้านขอทำงานสักครู่ เวลานี้ก็เลยได้มีโอกาสคุยกับ คุณตฤณ สว่างกล้า เจ้าของ Tea Bar Cafe และประธานกรรมการ บริษัท ทีคีย์แมกซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งวัตถุดิบหลักของคาเฟ่ก็คือสินค้าของบริษัทนั่นเอง จึงได้ทราบว่าที่เปิดคาเฟ่นี้ขึ้นมาเป็นสาขาที่ 2 ก็เพื่อจะให้เป็นธุรกิจที่เปิดคู่กับบริษัทที่จำหน่ายวัตถุดิบนั่นเอง ส่วนคาเฟ่สาขาแรกอยู่ที่ฝั่งธนบุรี
นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว คุณตฤณยังได้นำเสนอว่า Tea Bar Cafe มีเมนูชาเป็นตัวชูโรง เขาต้องการให้เมนูชาเป็นเมนูที่โดดเด่นที่สุดในร้าน ใบชาของที่นี่เป็นใบชาคัดพิเศษที่รับตรงจากดอยต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย เป้าหมายก็คือเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการไร่ชาและชาวบ้านที่เป็นเกษตรกร ใบชาที่ใช้เป็นวัตถุดิบนั้น เป็บใบชาออร์แกนิค กว่าที่ใบชาจะกลายมาเป็นน้ำ จะต้องผ่านการสกัดเย็นนาน 8 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เพราะอาจทำให้รสชาติชาเพี้ยน โดยกรรมวิธีสกัดเย็นใบชา ก็เพื่อไม่ให้น้ำชาที่ได้มีรสขมและฝาด
เบเกอรีโฮมเมดรสชาติถูกปาก
เบเกอรีกับเครื่องดื่มเป็นของคู่กัน ฉะนั้น เป็นธรรมดาที่ร้านกาแฟจะมีชุดเบเกอรีไว้ทานคู่กับกาแฟ ก็พลาดไม่ได้ที่จะจัดมาลองสักชิ้น เมนูที่เลือกมาคือบลูเบอร์รี่ชีสพาย บอกเลยว่าน่าตาน่ากินมาก เสิร์ฟพร้อมดอกไม้ตกแต่งที่พนักงานแจ้งว่าสามารถกินได้ เพราะออร์แกนิคเหมือนกัน แต่ถ้าปกติเป็นคนที่ไม่เคยกินดอกไม้มาก่อน หรือไม่คิดที่จะกินดอกไม้ แนะนำว่าไม่ต้องกินก็ได้ เหมือนพืชผักตกแต่งจานอาหารนั่นแหละ มันกินได้ก็จริงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องกิน ถ้ารสชาติเกิดไม่ถูกปากขึ้นมา จะได้ไม่เหมารวมว่าอาหารเขาไม่อร่อย
ฉะนั้น เราจะไม่พูดถึงดอกไม้ แต่พูดถึงตัวขนมเลยละกันบอกเลยว่ารสชาติถูกปากมาก เป็นขนมหวานที่ไม่หวานจัดจนเลี่ยน ถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่ามันหวานปะแล่ม ๆ แบบกลมกล่ม กินคู่กับกาแฟเข้ม ๆ คือเข้ากันดีมาก ที่สำคัญคือเป็นขนมโฮมเมดของทางร้านเองด้วย ไม่ได้ไปรับจากที่ไหนมา การันตีความสดใหม่จากเตาอบทุกวันและไม่มีพวกสารกันบูดอะไรเทือก ๆ นั้น บลูเบอร์รี่ชีสพายยังไม่ทันจะหมดชิ้น ทางร้านก็จัดของสมนาคุณเป็นคุกกี้ช็อกโกแลตชิปโฮมเมด มาให้ลองชิมอีก 2 ชิ้น ซึ่งรสชาติดีไม่แพ้กัน สัมผัสได้ถึงความโฮมเมดจริง ๆ
นอกจากความดีงามของเครื่องดื่ม เบเกอรี และบรรยากาศของร้านแล้ว ราคาขายก็มิตรภาพน่าคบหา ราคาต่อหน่วยไม่ได้เกินเอื้อมเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ เพราะทางร้านค่อนข้างเข้าใจจริง ๆ ว่าในยุคนี้ถ้าคิดจะขายของราคาแพงมาก ๆ จนคนธรรมดาเข้าไม่ถึง ไม่สามารถควักกระเป๋าจ่ายได้ ร้านก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน และยิ่งอยู่ในชุมชนด้วยแล้ว ราคาก็ไม่ควรจะก้าวกระโดดจากร้านกาแฟทั่วไปมากชนิดที่เพื่อนบ้านไม่กล้าเข้า แบบนั้นจะเปิดคาเฟ่ในชุมชนไปเพื่ออะไร
แม้ปัจจุบันต้นทุนของวัตถุดิบต่าง ๆ จะสูงสวนทางกับราคาที่จะขายได้ แต่ร้านก็เลือกที่เอากำไรน้อยหน่อย เน้นว่าเขา (ลูกค้า) อยู่ได้ ร้านก็อยู่ได้ ซึ่งหากร้านบริการดีจริง เครื่องดื่มอร่อยจริง สร้างความประทับใจแบบตราตรึงได้จริง ลูกค้าก็พร้อมจ่ายเอง
คาเฟ่ที่ให้ฟีลแบบ “นั่งชิล ๆ อยู่ที่มุมสวนในบ้าน”
หากคุณเป็นคนที่ค่อนข้างจะติดบ้าน แต่ก็หลงใหลในการหาร้านกาแฟหรือคาเฟ่นั่งเพลิน ๆ ในช่วงนาน ๆ ครั้งที่ออกมากินลมชมวิวและพบปะผู้คน เราว่าที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์ เพราะการจัดร้านของที่นี่มีคอนเซปต์แบบ “สวน บ้าน ส่วนตัว” ตัวอาคารเป็นปูนเปลือยประดับด้วยไม้ ปลูกไม้ประดับหลากหลายพันธุ์ที่ข้างฝา เน้นสีขาว-เทา เพดานสูง จึงไม่ต้องประหลาดใจหากคุณก้าวขาเข้ามาในร้านนี้แล้วจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังอยู่ในบ้านตัวเอง และร้านนี้ก็เป็นเพียงมุมสวนในบ้านของคุณ
ใช่เลย มันเป็นฟีลแบบนั่งจิบกาแฟยามบ่ายที่โต๊ะเล็ก ๆ ในสวน อ่านหนังสือหรือทำงานไปด้วย แล้วมีเพลงเพราะ ๆ เปิดคลอเบา ๆ บรรยากาศช่างดีต่อใจจริง ๆ
ด้วยความที่พื้นที่คาเฟ่ไม่ได้ใหญ่มาก พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 คูหา จึงรองรับลูกค้าได้ครั้งละไม่มากนัก ความกะทัดรัดทำให้รู้สึกมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก หากไม่เจอลูกค้าประเภทที่เข้ามาพูดคุยเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย ที่นี่ถือเป็นคาเฟ่อีกแห่งหนึ่งที่น่าหอบเอาคอมพิวเตอร์แบบพกพามานั่งทำงานจริง ๆ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพื้นที่บริการของทางร้านยังไม่เอื้อที่จะรองรับลูกค้าที่จะมานั่งทำงานนาน ๆ ตลอดทั้งวัน แต่ถ้าระหว่างที่เครื่องดื่มยังไม่หมด หรือสั่งขนมมานั่งทานด้วย จะนั่งทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ สักครึ่งชั่วโมงก็อาจจะไม่น่าเกลียดอะไร
อีกเรื่องที่ประทับใจมาก ๆ คือ ลิสต์เพลงที่เปิดในร้านนั้นถูกใจจนถึงขั้นต้องเอ่ยปากชมทางร้าน พนักงานได้แจ้งว่าปกติลิสต์เพลงจะเปิดสลับกันไป เพลงไทยสากลที่ฟังสบาย ๆ บ้าง เพลงสากลบ้าง หรือเพลงเกาหลีบ้าง ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่ไปตรงกับวันที่สุ่มลิสต์เพลงเกาหลีมาเปิดพอดี ดื่มเครื่องดื่มไป นั่งทำงานไป และร้องเพลงตามไปเพลิน ๆ บรรยากาศแบบคาเฟ่ที่มีดนตรีสดมาเล่นอยู่กลางร้านยังไงยังงั้นเลย
พูดถึงความเป็นส่วนตัวแล้ว พอดีได้ทราบมาว่านโยบายอย่างหนึ่งของทางร้าน คือ ให้เขาจะให้ลูกค้าเดินมารับเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์เอง เพราะพนักงานทุกคนถูกเทรนด์มาว่าให้รักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเป็นสำคัญ จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมพนักงานจึงไม่เดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ที่โต๊ะ เหตุผลก็คือเวลาที่พนักงานเดินเขาถึงตัวลูกค้าเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มนั้น อาจทำให้ลูกค้าที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนอยู่รู้สึกลำบากใจ บทสนทนาสะดุดเพราะมีคนอื่นเดินเข้าไปแทรก ดังนั้น เมื่อเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟแล้ว พนักงานจะแจ้งให้ทราบ กรุณาเดินไปรับเอง พวกเขาจะพยายามไม่เข้ามาป้วน ๆ เปี้ยน ๆ แถวลูกค้าเด็ดขาด
แม้ว่าคาเฟ่จะมีบันไดให้เดินขึ้นไปชั้นบน แต่ปัจจุบันเปิดให้บริการที่ชั้นล่างเท่านั้น ไปแอบรู้มาว่าเจ้าของร้านกำลังวางแผนที่จะปรับพื้นที่ชั้นสองอยู่ ซึ่งอาจจะขยายที่พื้นที่บริการของคาเฟ่ให้จำนวนโต๊ะมากขึ้น หรืออาจปรับเป็นร้านอาหาร หรือไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เป็นร้านที่ขายเครื่องดื่มในช่วงกลางคืนด้วยก็เป็นได้
คาเฟ่ลับที่ไม่เราอยากให้ลับ
หากคุณไม่ใช่คนในพื้นที่ หรือไม่เคยมีธุระปะปังให้ต้องไปแถวเยือนแถวนั้น การตามหา Tea Bar Cafe อาจกลายเป็นภารกิจที่น่าตื่นเต้นไปโดยปริยาย แต่การที่คาเฟ่ดี ๆ เข้าไปหลบซ่อนอยู่ในตรอกซอกซอยที่ค่อนข้างหายากแบบนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลอันสมควรที่จะปฏิเสธคาเฟ่นี้เสียหน่อย เพราะถ้าคุณได้ลองไปครั้งหนึ่งแล้ว คุณอาจจะติดใจจนอยากจะดั้นด้นไปอีกให้ได้ก็เป็นได้ ไม่ยี่หระหรอกเรื่องที่ทางร้านไม่มีที่จอดรถ แล้วคุณต้องเดินเท้าเข้าไป
แม้ตัวคาเฟ่จะซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็ก ๆ และกลมกลืนไปกับชุมชนใกล้เคียง แต่นี่แหละให้ความรู้สึกแบบท้องถิ่นดี คุณจะสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตที่สโลว์ไลฟ์ทั้งที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง มันเป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้จากคาเฟ่ในเมืองทั่วไป ที่น่าแปลกคือต่อให้ผู้คนในชุมชนหลังกำแพงร้านจะพลุกพล่านแค่ไหน ตลอดเวลาที่นั่งดื่มเครื่องดื่มในร้านกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกรบกวนจากความวุ่นวายเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เหมือนถูกแยกออกมายังโลกอีกใบด้วยกำแพงปูนเปลือยและลิสต์เพลงเกาหลีเท่านั้น
Tea Bar Cafe จึงเป็นคาเฟ่ลับที่เราไม่อยากให้ลับอีกต่อไป เพราะเราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสกับความสงบแบบเป็นส่วนตัวท่ามกลางต้นพืชสีเขียวบนกำแพง ดื่มด่ำบรรยากาศชิล ๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ที่มุมสวนในบ้าน มีเพลงเพราะ ๆ คลอไปเบา ๆ ลองมาดูเถอะ แล้วคุณจะไม่เสียดายเวลา 1 วัน และแรงที่ขยับเขยื้อนร่างกายเดินเข้ามา คาเฟ่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น. ป้ายยาแรงขนาดนี้แล้ว ไม่แน่ว่าเราและคุณผู้อ่านที่อ่านเจอบทความนี้เข้า อาจได้เจอกันในสักวันก็ได้ ณ Tea Bar Cafe แห่งนี้
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ