มารยาทในการใช้คาเฟ่/ร้านกาแฟ ฉบับคนมีอารยธรรม
เรื่องของ “มารยาทในการเข้าสังคม” มักเป็นสิ่งที่สร้างข้อกังขาได้เสมอ ว่าคนคนหนึ่งที่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้โดยไม่รู้สึกผิดหรือเขินอายใครว่า “เป็นคนไม่มีมารยาท” นั้น เขาเติบโตมาอย่างไร ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแบบไหน ทำไมจึงไม่มีชุดความคิดเรื่องมารยาทอยู่ในสามัญสำนึกเลยสักนิด ยิ่งในสังคมปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นคนไม่มีมารยาทได้ทั่ว ๆ ไป ดาษดื่นชนิดที่ว่า “โรคมารยาททางสังคมบกพร่อง” กำลังแพร่ระบาดไปทั่วในสังคมอย่างนั้นหรือ
การแสดงออกว่าไม่มีมารยาทในการใช้สถานที่ร่วมกับผู้อื่น เช่น ห้าง ร้าน หรือพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ก็มักจะมีประเด็นดราม่าเล็กบ้างใหญ่บ้างให้ตามอ่านในโซเชียลมีเดียเกือบทุกวัน โดยเฉพาะในร้านกาแฟหรือคาเฟ่ ที่มีพื้นที่นั่งเล่นชิล ๆ สำหรับบริการลูกค้าของร้าน บางที่สามารถนั่งทำงานในร้านได้ มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรี สามารถใช้เต้าปลั๊กเสียบสารพัดอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ บางที่สามารถเข้าไปใช้พื้นที่ในร้านได้ฟรีโดยไม่จำเป็นต้องซื้อของจากร้านด้วยซ้ำ เมื่อมีคนที่ไม่มีมารยาทเข้ามาใช้บริการ ก็อาจจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
บ่อยครั้งที่เรื่องดราม่าเกิดขึ้นจากคนที่ไม่มีมารยาทเป็นคนเปิดเรื่องเอง โดยอ้างนู่นอ้างนี่ให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถูกกระทำ สืบไปสืบมา กลายเป็นว่าคดีพลิกจนลบโพสต์หนีแทบไม่ทัน กับบางกลุ่มที่ไม่มีมารยาทขั้นสุดจนพยานในที่เกิดเหตุเหลืออดทนไม่ไหว คว้ามือถือขึ้นมาแอบถ่ายคลิปแล้วโพสต์ประจานในสังคมออนไลน์ โด่งดังกันไปชั่วข้ามคืน
บางที คนเหล่านี้ก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด และเป็นคนที่ไร้มารยาทกับคนอื่นก่อน งั้นลองมาเช็กพฤติกรรมของตนเองดูหน่อยดีกว่าว่าที่เป็นอยู่นั้นเข้าข่ายเป็นคนไม่มีมารยาทหรือไม่ หรือถ้าอยากจะปรับปรุงตัวเองแต่ไม่รู้ว่าผิดที่ตรงไหน อยากเป็นคนมีมารยาท ดูมีอารยธรรมกับใครเขาบ้าง ต้องมีมารยาทในการใช้สถานที่อย่างไรบ้าง
ไม่โหวกเหวกโวยวายรบกวนผู้อื่น
มารยาทข้อแรก ๆ ที่ถูกละเลยเป็นประจำก็คือ การใช้เสียงดังโหวกเหวกโวยวายจนรบกวนลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้าน อาจเป็นการคุยโทรศัพท์ หรือพูดคุยกับแก๊งเพื่อนที่มาด้วยกันอย่างออกรส ทำให้คนรอบข้างนึกสงสัยว่านี่คุยกันธรรมดาหรือกำลังทะเลาะกันกันแน่ อยู่ติดกันแค่นั้นจะโก่งคอหอยตะโกนคุยกันทำไม จากร้านกาแฟธรรมดา ๆ กลายสภาพเป็นตลาดสดไปเลย น่าหนวกหูและเป็นบรรยากาศที่อึดอัดมาก
เพราะคนที่เข้ามาใช้บริการร้านกาแฟหรือคาเฟ่นั้น ส่วนใหญ่แล้วเขามาเพื่อพักผ่อนนั่งชิล ๆ หามุมสงบ ๆ หลบพักใจ แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้คาดหวังว่าร้านจะต้องเงียบฉี่ชนิดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของโต๊ะข้าง ๆ เพราะนี่ไม่ใช่สถานปฏิบัติธรรม แต่ลูกค้าเหล่านี้ก็ไม่ได้มาเสียเงินนั่งร้านกาแฟเพื่อนั่งฟังใครตะโกนคุยเรื่องของตัวเองจนสนั่นไปทั้งร้านเหมือนกัน แล้วคนแบบนี้นะพอมีพนักงานหรือลูกค้าคนอื่นเข้าไปเตือนดี ๆ ก็หาเรื่องเขาอีก ไม่น่ารักเลยจริง ๆ
เงื่อนไขของการนั่งนาน
ส่วนใหญ่ร้านกาแฟเล็ก ๆ จะขอความร่วมมือลูกค้าที่มาขอใช้พื้นที่นั่งทำงานนาน ๆ ว่ารบกวนสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มบ้างเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อที่จะได้นั่งนาน ๆ ได้โดยไม่เขิน และที่สำคัญคือเพื่อชดเชยที่ทำให้ทางร้านต้องเสียโอกาสต้อนรับลูกค้าท่านอื่น ๆ เพราะบางคนคือนั่งตั้งแต่เวลาเข้างานยันเลิกโอที แต่สั่งกาแฟที่ราคาต่ำที่สุดแค่แก้วเดียว แบบนั้นมันก็ออกจะเกินไปหน่อย ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ก็เป็นธุรกิจที่ค้าขายเอากำไร ถ้าเล่นมายึดพื้นที่ร้านส่วนหนึ่งทำให้ลูกค้าอื่นไม่มีที่นั่ง แถมยังใช้ทรัพยากรร้านเขาอย่างน่าไม่อาย ก็เอาเปรียบกันชัด ๆ เลย
จริง ๆ แล้ว ในกรณีแบบนี้ คนทั่วไปเขาจะสำนึกได้เองโดยที่ทางร้านไม่จำเป็นต้องมาขอความร่วมมือ ว่าถ้านั่งนานเป็นวัน ๆ ก็ควรจะลุกขึ้นมาสั่งอะไรไปที่โต๊ะบ้างอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออุดหนุนร้านที่เราไปใช้สถานที่ของเขา และดูไม่น่าเกลียด ซึ่งไม่ใช่แค่กาแฟแก้วที่ถูกที่สุดแก้วเดียวแล้วจะตีเนียนอยู่นานครึ่งค่อนวัน ใช้แอร์ ใช้เน็ต ใช้ไฟเกินราคากาแฟไปแล้ว ถึงทางร้านจะไม่ว่าก็ต้องรู้จักมีความเกรงใจร้านบ้าง ใครทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เลิกได้ก็เลิกเถอะ
ปลั๊กไฟอย่าครองคนเดียว
ปลั๊กไฟ ถือเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งในร้านกาแฟหรือคาเฟ่ที่ทางร้านมักจะเตรียมไว้บริการลูกค้า กรณีที่ร้านใหญ่พอที่จะอนุญาตให้ลูกค้าเขามาใช้พื้นที่นั่งทำงานได้และยังเหลือพื้นที่สำหรับลูกค้าที่มาและไปปกติ แต่กับคนที่ไม่มีมารยาทนั้น จะเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ตลอด นั่งครอบครองปลั๊กไฟไว้ใช้งานคนเดียว หากเป็นปลั๊กที่มีเต้าติดอยู่กับกำแพง ก็หาอะไรมาเสียบเพิ่มนอกจากปลั๊กโน้ตบุ๊กชนิดที่ว่าไม่ยอมเปลืองไฟที่บ้าน หรือถ้าเป็นปลั๊กพ่วง ก็จะไปฮุบมาใช้ ณ ที่นั่งตัวเอง มีช่องเสียบเหลือกี่ช่อง ก็จะหาอะไรมาเสียบให้เต็มทุกช่อง
อย่านำของกินข้างนอกเข้ามา
เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่เสียมารยาทขั้นสุด ที่บ่งบอกว่าเติบโตมาเป็นคนที่ไม่มีความเขินอายและความเกรงใจอะไรเลย เพราะไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาทำกัน ที่จะนำของกินจากข้างนอกเข้าไปใช้พื้นที่ร้านเขานั่งกิน ไม่ว่าจะสั่งของที่ร้านเขาหรือไม่ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่สมควรทำแบบนี้ บางคนนำของประเภทเดียวกับที่ร้านเขามีขายเข้ามา บางคนอาการหนักขนาดที่ว่าไม่สั่งของที่ร้านเขากิน โดยอ้างว่าขอนั่งแค่ประเดี๋ยวเดียว ทั้งที่ใช้ทรัพยากรร้านเขาอย่างเต็มที่ ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้ แอร์ ปลั๊กไฟ อินเทอร์เน็ต แถมบางคนยังวางขยะไว้ให้เขาทิ้งให้อีกต่างหาก
ถ่ายรูป เกรงใจคนอื่นด้วย
ร้านกาแฟ/คาเฟ่กับมุมถ่ายรูปเป็นของคู่กัน ซึ่งบางทีมุมถ่ายรูปอาจจะดึงดูดคนให้เข้าร้านมากกว่าของที่ขายในร้านด้วยซ้ำ ยิ่งในยุคสมัยนี้ การยกกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศในร้าน ถ่ายของกิน หรือแม้แต่เซลฟี่ เป็นพฤติกรรมที่ใคร ๆ ก็ทำกัน ในร้านกาแฟหรือคาเฟ่ก็สามารถทำได้ไม่ผิดอะไรเลย (ถ้าทางร้านไม่มีกฎห้ามเฉพาะบางมุม) อย่างไรก็ดี ในร้านไม่ได้มีเราใช้บริการอยู่แค่คนเดียว (ต่อให้ช่วงเวลานั้นจะไม่มีลูกค้าคนอื่นก็เถอะ) การเดินไปเดินมา การหยิบนั่นจับนี่ เสียงดัง หรือถ่ายติดคนอื่นโดยบังเอิญเป็นสิ่งที่ต้องระวัง ต้องอยู่บนพื้นฐานของการเกรงใจคนอื่นด้วย
เฟอร์นิเจอร์/สิ่งของ เคลื่อนย้ายมาอย่าลืมเอากลับไปเก็บที่
พวกโต๊ะ เก้าอี้ กระถางต้นไม้ แจกันดอกไม้ กล่องกระดาษทิชชู่ หมอนบนโซฟา ตุ๊กตา หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่เป็นของชิ้นเล็ก ๆ ปกติแล้วสามารถเคลื่อนย้ายออกได้ตามความเหมาะสม หากว่ามันเกะกะ นำมาใช้ นำมาถ่ายรูป หรือในเวลานั้นต้องการจะใช้พื้นที่บริเวณนั้นมากขึ้น แต่เคลื่อนย้ายมาจากตรงไหน อย่าลืมนำกลับไปเก็บที่เดิมก่อนที่จะลุกออกจากร้านด้วย ไม่ใช่มักง่ายทิ้งเอาไว้แบบนั้นทั้งที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่มันควรจะอยู่ เป็นคนนำออกมาก็ต้องนำกลับไปเก็บ แม้ว่าทางร้านจะมีพนักงานร้านคอยดูแล แต่พฤติกรรมแบบนี้เป็นการไปเพิ่มงานให้พวกเขาโดยไม่จำเป็น
เด็กน้อย ดูแลให้ดี ถ้าดูแลไม่ได้อย่าพาออกมา
ปกติแล้วเด็กเล็ก ๆ เวลาที่พาไปไหนมาไหนก็จะมีคนทักทายหรือเดินเข้ามาเล่นด้วย ทว่าลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และเด็กบางคนก็ท้าทายความอดทนของลูกค้าคนอื่นแบบเกินเบอร์ไปมาก ๆ วิ่งเล่นซนชนนั่นชนนี่หล่นเสียหาย วิ่งชนคนอื่นก็ไม่ขอโทษ หรือเหวี่ยงวีนอาละวาดอย่างก้าวร้าว เพราะไม่พอใจที่ถูกผู้ปกครองที่พามาขัดใจ หรือร้องไห้กระจองอแง สร้างมลพิษทางเสียงและสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นมาก ๆ จนอยากจะเดินเข้าไปจัดการทั้งเด็กและผู้ปกครองเดี๋ยวนั้นเลย
ทุกคนในร้านเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของเด็กที่จะดื้อ ซน เอาแต่ใจ ร้องไห้งอแง พูดไม่ฟัง หรือเหวี่ยงวีนก้าวร้าว แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงไม่สอนหรือควบคุมดูแลลูกให้ดีกว่านี้ บางคนปล่อยปละละเลยแบบว่าเด็กอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เด็กทำ ไม่สนใจว่าจะเป็นตายร้ายดีด้วยซ้ำ ทั้งที่การที่พาเด็กที่ไม่มีวุฒิภาวะออกมานอกบ้านนั้นถือเป็นภาระของพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบ หากเด็กไม่แสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ออกมา ดังนั้น ถ้าพาลูกไปไหนมาไหนแต่ไม่สามารถดูแลให้ดีกว่านี้ เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจลูกหลาน ก็อย่าพาเด็ก ๆ ไปไหนเลย
ที่นั่งกับจำนวนคน
เป็นอีกเรื่องที่หลายคนมองข้าม อาจจะเพราะไม่ทันคิดหรือไม่ได้คิดว่านี่จะกลายเป็นเรื่องที่เสียมารยาทได้เช่นกัน บางคนเดินเข้าร้านกาแฟ/คาเฟ่คนเดียวโดยไม่ได้นัดใครไว้ ไม่มีคนอื่นตามมา แต่กลับเดินเข้าไปเลือกนั่งที่โต๊ะที่ใหญ่ที่สุดเพื่อนั่งคนเดียว ทั้งที่ทางร้านก็มีโต๊ะที่ขนาดย่อมลงมา หรืออาจมีโต๊ะบริการสำหรับคนที่มาคนเดียวด้วยซ้ำ ถ้าทางร้านไม่ได้มีลูกค้ากลุ่มใหญ่ตามเข้ามาทีหลังก็อาจจะไม่เสียมารยาทเท่าไรนัก แต่ถ้าหลังจากนั้นมีลูกค้ากลุ่มใหญ่หลายคนเดินเข้ามา ในร้านก็จะวุ่นวายต้องจัดโต๊ะจัดพื้นที่ใหม่ หรือทางร้านอาจเสียลูกค้ากลุ่มนั้นไปทั้งกลุ่มเพราะไม่มีที่นั่งที่เพียงพอให้บริการ เพียงเพราะคนคนเดียวที่ไปนั่งกันที่ไว้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเองว่าจะเลือกนั่งตรงไหน
อยากได้รับการบริการที่ดี จงเป็นลูกค้าที่ดีก่อน
อันที่จริง เป็นเรื่องยากที่ทางร้านจะปฏิเสธการให้บริการกับลูกค้าที่แสดงตัวว่าไม่มีมารยาทก่อน ในเมื่อคนที่ไม่มีมารยาทก็เป็นลูกค้าเหมือนกัน ก็ต้องบริการอย่างไม่แบ่งแยก ต้องอดทนนับหนึ่งถึงหมื่นวนไป แบบนั้นคนอื่น ๆ ในร้านก็จะพาลไม่พอใจไปด้วยที่ทางร้านไม่มีมาตรการอะไรรับมือคนประเภทนี้ ดังนั้น อาจจะมีบางร้านที่กล้าปฏิเสธคนคนเดียวหรือไม่กี่คนเพื่อรักษาบรรยากาศส่วนรวมและลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเขาไม่ควรต้องมารับกรรมด้วยการนั่งอยู่ในร้านเดียวกันกับคนประเภทไม่มีมารยาท ทุกวันนี้ลูกค้าอาจจะยังเป็นพระเจ้าอยู่ แต่ถ้าเป็นพระเจ้าที่สร้างความเดือดร้อนก็ไม่มีใครเอาเหมือนกัน ถ้าอยากได้รับการบริการที่ดี ควรเริ่มจากการเป็นลูกค้าที่ดีก่อน