วางแผนเที่ยวช่วงหน้าฝนให้สนุกและปลอดภัย
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะรีบส่ายหน้าแทบทันทีหากพูดถึงการออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงหน้าฝน แต่หลาย ๆ คนก็มองเห็นข้อดีของการเที่ยวช่วงหน้าฝนว่าดีอย่างไร จนรู้สึกว่าหน้าฝนนี้ต้องรีบจัดสักทริปก่อนที่จะไม่ทันได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติท่ามกลางสายฝน ถึงอย่างนั้น หากคิดจะเดินทางในช่วงหน้าฝนจริง ๆ ก็ต้องวางแผนกันดี ๆ ทั้งเรื่องของความปลอดภัยและความพร้อมในด้านต่าง ๆ เนื่องจาก “ฝน” ทำให้เราต้องเตรียมตัวเรื่องการเดินทางเป็นพิเศษ
ดังนั้น ก่อนที่จะนัดเพื่อนฝูงหรือเก็บกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวในช่วงหน้าฝนนี้ Tonkit360 มีวิธีวางแผนและเตรียมตัวเที่ยวช่วงหน้าฝนให้สนุกและปลอดภัยมาฝากกัน
1.การเลือกสถานที่
จริง ๆ แล้วหน้าฝนแบบนี้เราก็ยังมีสิทธิ์เลือกอยู่นะว่าอยากจะไปไหน จะไปทุ่งหญ้า ขึ้นเขา เดินเข้าป่า ไปทะเล ไปน้ำตก หรือจะหนีไปต่างประเทศเลยก็ย่อมได้ เพียงแต่ต้องอัปเดตสภาพอากาศและสภาพพื้นที่ที่จะไปถี่หน่อย เพื่อการวางแผนที่แม่นยำและมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด อย่างการเดินเข้าป่าก็ต้องเช็กว่าเสี่ยงเจอน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มหรือไม่ ไปทะเล ก็ต้องเช็กว่าคลื่นจะแรงแค่ไหน พายุเข้าหรือเปล่า เจอมรสุมหรือไม่ อีกทั้งชายหาดหลาย ๆ แห่งอาจปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า ถ้าไปก็อาจเสียเที่ยว ไปน้ำตก ก็ต้องเช็กเรื่องน้ำหลาก หรือฝนอาจจะตกหนัก หรือสถานที่อาจปิด ก็อาจจะไปแค่เดินถ่ายรูปสวย ๆ ช่วงที่ฝนไม่ตก เช็กอินว่าได้มา และงดลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย
2.สัมภาระที่จะนำไป
อุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้ในช่วงหน้าฝนอย่าได้ลืม เช่น ร่ม เสื้อกันฝน หมวก รองเท้าแตะ กระเป๋าที่ใช้ก็อาจจะเลือกแบบที่เป็นผ้ากันน้ำ หรือมีถุงหรือซองที่กันน้ำหุ้มอีกชั้น เสื้อผ้าและรองเท้าก็เลือกเป็นแบบที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี แห้งง่ายเมื่อเปียกฝน รองเท้าเลือกที่สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา ไม่กัดเท้า และต้องมีดอกยางที่ช่วยเรื่องการเกาะพื้นได้ดี เพราะพื้นที่ที่ฝนตกอาจจะลื่นได้ง่าย ไฟฉาย ไฟแช็กควรมีติดตัว ไดร์เป่าผมแบบพกพาควรลงทุนซื้อไว้สักอันสำหรับคนที่ชอบเดินทางในหน้าฝน ถุงพลาสติกหรือซองกันน้ำต่าง ๆ ควรพกไปเผื่อ ที่สำคัญ อย่าลืมพวกยาสามัญประจำบ้าน ยาทากันแมลงสัตว์กัดต่อย ยารักษาโรคประจำตัว และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ต้องเตรียมไปด้วย
3.ตรวจสอบสภาพรถ หากใช้รถยนต์ส่วนตัว
ใครวางแผนที่วางแผนจะเดินทางช่วงหน้าฝนด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่าจะขับเองหรือเป็นคนนั่งเฉย ๆ ห้ามละเลยการตรวจสอบสภาพรถก่อนเดินทางโดยเด็ดขาด เพราะถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อันที่จริงไม่ใช่แค่เดินทางช่วงหน้าฝนหรอก แต่ควรเช็กทุกครั้งที่จะใช้รถเลยด้วยซ้ำ ดูส่วนต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ทั้งยางรถและลมยาง ระบบไฟส่องสว่าง ระบบเบรก แบตเตอรี่ ระดับของเหลวต่าง ๆ รวมถึงสิ่งสำคัญอย่างที่ปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก ทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อีกทั้งสภาพของคนขับรถก็เช่นกันที่ต้องใส่ใจให้มาก ห้ามใช้รถใช้ถนนเด็ดขาดหากอยู่ในสภาพที่สติไม่เต็มร้อย เช่น มึนเมาหรือง่วงเหงาหาวนอน เพื่อความปลอดภัย
4.แผนการเดินทางที่ยืดหยุ่น
การวางแผนเดินทางช่วงหน้าฝน นอกจากจะต้องรอบคอบและใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว อีกอย่างที่จำเป็นต้องมีในแผนก็คือ ความยืดหยุ่น เนื่องจากฝนเป็นตัวแปรที่เราคาดเดาไม่ค่อยได้ แม้ว่าเราจะดูพยากรณ์อากาศเพื่อวางแผนในเบื้องต้นแล้วก็ตาม แต่มันอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ สภาพความเป็นจริงมันอาจจะดีกว่าหรือแย่กว่าที่พยากรณ์บอกไว้ก็ได้ ถ้ามันเลวร้ายกว่าที่คิดจนต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันจะได้ไม่หงุดหงิดมาก เพราะเรามีแผนสำรองแล้ว หรือเส้นทางไหนที่จู่ ๆ ก็อันตรายขึ้นมาเพราะฝนตกหนักกว่าที่คาดจะได้หลีกเลี่ยงไม่ไป ดังนั้น สถานที่เที่ยวแต่ละแห่งกับที่พักไม่ควรจะอยู่ไกลกันมาก หากจะเดินทางเที่ยวในช่วงฤดูกาลแบบนี้
5.มีลิสต์คาเฟ่ ร้านกาแฟ ไว้เผื่อแวะหลบฝน
จากข้อที่แล้ว ที่บอกว่าในแผนการเที่ยวควรมีความยืดหยุ่น เพราะหน้าฝนแบบนี้ ฝนคือตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางใหม่ตลอดเวลา แค่ฝนตกหนักกว่าที่คิดก็เป็นอุปสรรคในการเดินทางได้แล้ว เพราะฉะนั้นแทนที่จะเปลี่ยนแผนเดินทางด้วยการหลบฝนอยู่ในที่พัก เปลี่ยนเป็นไปแวะหลบฝนอยู่ในคาเฟ่หรือร้านกาแฟที่ลิสต์มาเผื่อไว้สำหรับกรณีนี้จะดีกว่า โดยลิสต์ร้านกาแฟนั้นควรเป็นร้านที่อยู่ในเส้นทางที่เราจะเดินทางผ่านเวลาเปลี่ยนสถานที่เที่ยวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าต้องเดินทางหาอีก แบบว่าเกิดฝนเทลงมาระหว่างนั้นจะได้แวะเข้าไปหลบฝน สั่งกาแฟร้อน ๆ มาดื่มรอฝนซา หรือจะนั่งจิบชามองดูสายฝนที่นอกร้าน มันก็ได้บรรยากาศผ่อนคลายไปอีกแบบ