ทุกครั้งที่ออกเดินทาง เราตั้งปณิธานอะไรไว้บ้าง
“ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะออกเดินทาง” มีใครเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองบ้าง ว่าช่วงไหนเวลาไหนที่เราควรจะวางมือจากภาระอันหนักอึ้งแล้วออกไปพักผ่อนด้วยการเดินทางเสียที ปี 2565 ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว บางคนยังไม่มีแผนที่จะใช้วันลาพักร้อนตามที่มีสิทธิ์ลาได้ตามกฎหมายเลย แต่จะว่าไปก็มีบางคนที่ทำงานมาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยใช้วันลาพักร้อนด้วยซ้ำไป พวกบ้างาน ทำงานเก็บเงินอย่างเดียวจนไม่ได้ใช้ แบบนี้ไม่ทรมานตัวเองเกินเหรอถามใจดู แบ่งเงินเก็บที่หามาได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไปเที่ยวพักผ่อนสมองบ้างก็ดีนะ เพื่อความสุขของตัวเอง
การเดินทางน่ะมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่คิดนะ แค่รอให้เราเก็บกระเป๋าออกไปหาคำตอบเท่านั้น ฉะนั้น เช็กวันลาพักร้อนของตนเองแล้วรีบเขียนใบลา (พักร้อน) ซะ! ตั้งปณิธานสำหรับการเดินทางครั้งต่อไปได้แล้ว
จัดสรรเวลาให้ตนเองมีเวลาไปพักผ่อนบ้าง
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มัวแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน จนถึงขั้นที่เรียกว่าหมกมุ่นเลยทีเดียว เข้าใจได้ว่าหลายคนมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานให้มากเข้าไว้ แต่ตัวเราไม่ใช่เครื่องจักรสักหน่อย เครื่องจักรใช้งานทั้งวันทั้งคืนยังมีช็อตมีพัง แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดามีเนื้อมีหนังอย่างเราจะไม่ทรุดล่ะ เพราะฉะนั้น มันต้องมีการวางแผนออกไปพักผ่อนบ้าง พักแบบพักจริง ๆ ไม่แอบขนงานใส่กระเป๋าไปทำด้วย (แบบนั้นไม่เรียกพัก เรียกเปลี่ยนสถานที่ทำงาน) ปกติแล้วถ้าเรามีแผนที่จะลางานเดินทางแล้วล่ะก็ เราก็จะพยายามจัดสรรเวลาทำงาน เคลียร์ให้จบก่อนไป จะได้พักผ่อนจริง ๆ
แสวงหาประสบการณ์ใหม่
ธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ชอบที่จะหยุดอยู่นิ่ง ๆ กับที่ มันทั้งน่าเบื่อและอึดอัด เพียงแต่ความหลงใหลในการเดินทาง ความท้าทาย พบเจอสิ่งแปลกใหม่ หรือเติมเต็มประสบการณ์ต่าง ๆ อาจไม่เท่ากันในแต่ละคน ชีวิตคือการเดินทาง แต่สำหรับบางคนการเดินทางคือชีวิต เพราะการออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นั้นจะทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ของตนเองให้กว้างขึ้นอยู่เสมอ ได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส กับสิ่งใหม่ประสบการณ์ใหม่ ซึ่งต่อให้เที่ยวที่เดิมก็ตาม แต่ทุกครั้งจะได้บรรยากาศและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนเดิม
มีความสุขกับอะไรให้ได้สักอย่าง
การอุดอู้อยู่ในบรรยากาศเดิม ๆ ทำอะไรเหมือน ๆ เดิม บางทีมันก็ทำให้เราหมดไฟในการใช้ชีวิตได้เหมือนกัน หลาย ๆ คนที่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกหมดไฟ หมดแพชชันในการใช้ชีวิตมาแล้ว จะเข้าใจดีว่ามันเป็นอารมณ์ที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย ชีวิตหดหู่ไร้ความหวังมาก ๆ แค่ตื่นนอนตอนเช้าก็น่าเบื่อจะแย่ คนเหล่านั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการพาตัวเองไปเจอบรรยากาศใหม่ พบผู้คนใหม่ ๆ ซึ่งการเดินทางจะทำให้เราได้พบกับสิ่งนั้น มันคือความสุขที่หาได้ด้วยสองขา สองแขน และหนึ่งหัวใจที่พร้อมที่จะท่องไปในโลกกว้าง เจอความสุขที่ตามหาได้หลังจากที่ไม่รู้สึกมานาน
บริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะการเดินทางต้องใช้เงิน! ไม่ว่าจะใกล้จะไกลเราก็ต้องมีงบประมาณ มีมากมีน้อยค่อยว่ากัน แต่ยังไงก็ต้องมี ซึ่งก่อนจะออกเดินทางเนี่ยเราก็ต้องมาวางแผนกันก่อนอยู่แล้ว ตั้งงบประมาณขึ้นมาแล้วบริหารจัดการเงินที่ตัวเองมีอย่างมีประสิทธิภาพ เงินมีอยู่เท่านี้ไปไหนได้บ้าง ทำอะไรได้บ้าง กินอะไรได้บ้าง ถ้าที่มีอยู่นั้นมันไม่พอจะวางแผนเก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างไร ยิ่งคนที่วางแผนจะออกเดินทางในช่วงที่ตนเองว่างงานหรือไม่ค่อยจะมีเงินยิ่งต้องบริหารเงินให้เก่งเป็นพิเศษ เงินมีจำกัดแต่เราต้องได้เที่ยว เพราะเราอยากจะเที่ยว!
การกลับมาแบบแบตที่ถูกชาร์จเต็มแล้ว
เป้าหมายหนึ่งที่น่าสนใจในการออกเดินทางคือ การไปชาร์จพลังงานชีวิตให้ตัวเอง พลังงานชีวิตก็เหมือนแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งที่ยิ่งใช้พลังงานมันก็ยิ่งลด บางช่วงอาจจะค่อย ๆ ลด แต่บางช่วงก็ลดฮวบฮาบ ขึ้นอยู่กับอุปสรรคและปัญหาที่เราเจอ พอพลังงานมันเหลือน้อยมาก ๆ มันก็จะขึ้นขีดแดงเตือนว่าต้องชาร์จ ร่างกายและจิตใจของเราจะแสดงออกเวลาที่เราไม่ไหวแล้วนั่นเอง บางคนรีบเก็บกระเป๋า จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน เคลียร์งานให้เรียบร้อยพร้อมเดินทางตั้งแต่เห็นว่าช่องพลังงานมันโล่งเกินไปแล้ว ไม่รอให้หมดหรอกมันจะแย่ รีบไปจะได้รีบกลับมาแบบแบตที่ถูกชาร์จเต็ม