เมนูใหม่แหวกแนว บะหมี่เกี๊ยวกบ-ซุปกบตุ๋นยาจีนแห่งเดียวในไทย!
ร้านบะหมี่เกี๊ยวตี๋น้อยโอชา ถนนเชียงใหม่-เชียงราย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ สร้างสรรค์เมนูใหม่ที่แปลกไม่เหมือนใคร เป็นเมนู “เกี๊ยวกบ” เอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบรับประทานเนื้อกบและกลุ่มลูกค้าที่มองหาความแปลกใหม่ สร้างความฮืออาให้กับลูกค้า พากันไปลิ้มลอง
นายนพดล จันทร์หอม อายุ 45 ปี หรือ ตี๋น้อย เจ้าของร้านตี๋น้อยโอชาพร้อมภรรยาสาว ช่วยกันนำเนื้อกบสด ๆ ที่บดละเอียดแล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงทำเป็นไส้เกี๊ยว ห่อด้วยแผ่นแป้งพับจีบ พร้อมลวกให้ลูกค้าตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีซุปกบตุ๋นยาจีนที่หอมกลมกล่อมอีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ
ลูกค้ารายหนึ่งที่เดินทางมาจากจังหวัดลำปาง บอกว่า ทราบว่าทางร้านทำเมนูใหม่จึงขับรถมาลองชิม รสชาติเกี๊ยวกบอร่อยละมุนลิ้น ส่วนซุปกบตุ๋นยาจีนก็เยี่ยมยอด กลมกล่อมไร้กลิ่นคาว ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยกินเกี๊ยวกบกับซุปกบเป็นครั้งแรกและไม่ผิดหวังที่ตั้งใจมา ส่วนราคาเมนูเกี๊ยวกบชามละ 80 บาท ได้เกี๊ยวกบ 3 ลูก พร้อมหมี่เหลืองและหมูแดง , เกี๊ยวกบพิเศษราคาชามละ 120 บาท ส่วนซุปกบตุ๋นยาจีนชามละ 49 บาท ถือว่าไม่แพงเพราะเป็นเมนูที่หากินได้ยากมาก
นายนพดล จันทร์หอม หรือ ตี๋น้อย บอกว่า ก่อนหน้านี้ร้านเขาก็จะทำหมี่เกี๊ยวหลากหลายชนิด หมี่เกี๊ยวเห็ดเผาะก็ทำมาแล้วทำทุกปีตามฤดูกาล กระทั่งมีโอกาสไปเที่ยวที่บ้านโป่งสามัคคี ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด เห็นชาวบ้านร่วมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจเลี้ยงกบในครัวเรือน และทราบว่าราคากบตกต่ำเพราะกบเยอะล้นตลาด จึงเกิดไอเดียเมนูเกี๊ยวกบและซุปกบ หวังเป็นส่วนหนึ่งช่วยชาวบ้านให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
หลังจากนั้นได้นำเนื้อกบมาทดลองทำ ให้คนในครอบครัวพนักงานในร้านได้ลองชิม ประบสูตรเครื่องปรุงส่วนผสมหลายครั้งจนลงตัวจึงเริ่มทำขาย โดยการันตีว่าเมนูกบที่ร้านไม่มีกลิ่นคาวเพราะกลุ่มวิสาหกิจเลี้ยงกบด้วยความสะอาดและเปลี่ยนน้ำเป็นประจำ
ในแต่ละวันทางร้านจะใช้กบวันละ 20 กิโลกรัม เพื่อแร่เอาเฉพาะเนื้อล้วน ๆ เหลือเพียง 5 กิโลกรัมนำไปทำเกี๊ยว ส่วนชิ้นส่วนที่เหลืออย่างโครงกระดูก จะนำไปทำซุปกบตุ๋นยาจีน / ตีนกบก็จะนำมาชุปแป้งทอด/ ส่วนหนังนั้นก็จะลอกมาทอดเป็นหนังกบทอดกรอบให้ลูกค้าได้เลือกชิมด้วย ซึ่งปีหนึ่งลูกค้าจะได้กินเกี๊ยวกบแค่ 3 เดือน ที่ชาวบ้านเลี้ยงกบในฤดู คือตั้งแต่ปลายเดือนนี้ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2565
นายสุจินต์ แสงแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าเมี่ยง กล่าวว่า ชาวบ้านในตำบลป่าเมี่ยงเลี้ยงกบทั้งหมด 200 ครัวเรือน ประมาณ 10,000 ตัว ก่อนหน้านี้ก็เลี้ยงไว้บริโภคในครัวเรือน และ เริ่มขายในภายหลัง ที่ผ่านมาขายกบในราคากิโลกรัมละ 80- 100 บาท แต่เมื่อกบมีมากขึ้น ทำให้ราคาตก ประกอบกับยังขาดตลาดรองรับที่แน่นอน ดังนั้นเมื่อมีทางร้านรับซื้อกบไปทำเมนูอาหาร และคนชื่นชอบเชื่อว่าจะส่งผลดีกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกบ ซึ่งปกติจะเลี้ยงตามฤดูกาลเท่านั้น แต่หากว่าเมนูนี้ขายดีต้องการกบเพิ่ม ทางกลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงกบจะขยายการเพาะเลี้ยงกบนอกฤดูให้กับชาวบ้าน เพื่อนำกบเหล่านี้มาสร้างรายได้เพิ่มจากการเลี้ยงตามฤดูกาลด้วย
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ