ภูสอยดาว 2567 ฉบับ 2 วัน 1 คืน ลุยป่าหน้าฝน พิชิตลานสนที่สูงที่สุดของเมืองไทย
รีวิว ภูสอยดาว 2567 หนึ่งในเส้นทางเดินป่าหน้าฝนที่งดงามที่สุดในไทย นักเดินทางต่างหลงใหลในธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ดอกหงอนนาค และการกางเต็นท์ท่ามกลางลานสนที่โอบล้อมด้วยสายหมอก การเดินป่า 2 วัน 1 คืนที่ภูสอยดาวเต็มไปด้วยความประทับใจ เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการผจญภัยและธรรมชาติ
ภูสอยดาว ปิดเดือนไหน 2567
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีกำหนดปิดบริเวณลานสนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2567 เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและหลีกเลี่ยงช่วงไฟป่า
- 10 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567
ภูสอยดาว เปิดช่วงไหน 2567
จากนั้นจะ เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 โดยรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 450 คนต่อวัน ผู้สนใจต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการ ซึ่งรวมถึงการจองพื้นที่กางเต็นท์ เต็นท์ และอุปกรณ์เครื่องนอน พร้อมทั้งกรอกใบลงทะเบียนออนไลน์ ในวันเดินทาง นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนระหว่าง 08.00-13.00 น. เท่านั้น
- ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2567
- รับนักท่องเที่ยวสูงสุด 450 คน/วัน
ภูสอยดาว จังหวัดอะไร
ภูสอยดาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาคเหนือของไทย โดดเด่นด้วยความงามทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ครอบคลุมบางส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ แต่จุดท่องเที่ยวหลักอย่างลานสนตั้งอยู่ในเขตอุตรดิตถ์
นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพงดงาม อากาศเย็นสบาย และความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขา ภูสอยดาวจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักธรรมชาติและการผจญภัย
ขั้นตอนการท่องเที่ยวภูสอยดาว บริเวณลานสน
การเดินทางสู่ภูสอยดาวนั้น อันดับแรกนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องลงทะเบียนจองการเข้าท่องเที่ยวกันก่อน จากนั้นจึงไปรายงานตัวที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โดยในแต่ละวันจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นภูสอยดาวเพียงวันละ 450 คนเท่านั้น จะไม่ได้ปล่อยให้นักท่องเที่ยวขึ้นเยอะเหมือนแต่ก่อน เพราะฉะนั้นหากมาเที่ยวภูสอยดาวในช่วงนี้คุณจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบไม่แออัดแน่นอน
-
จองพื้นที่กางเต็นท์
จองผ่าน nps.dnp.go.th ล่วงหน้าได้สูงสุด 60 วัน จำกัดจำนวน 450 คน/วัน (1 คนต่อ 1 พื้นที่กางเต็นท์) -
จองเต็นท์และอุปกรณ์เครื่องนอน
หลังจากจองพื้นที่กางเต็นท์แล้ว สามารถจองเต็นท์และอุปกรณ์เครื่องนอนได้ที่ nps.dnp.go.th -
ดาวน์โหลดใบลงทะเบียน
กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน -
ลงทะเบียนเวลา 08.00-13.00 น.
หากมาหลังจาก 13.00 น. จะไม่อนุญาตให้ลงทะเบียนขึ้นลานสนทุกกรณี
การจองพักแรมบริเวณลานสน
- ยกเลิกการจองผ่าน App Queq
- ยกเลิกการ Walk In
- เริ่มปล่อยบัตรคิวลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 00.01-12.30 น. รับบัตรคิวได้ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
หลังจากลงทะเบียนและติดต่อเรื่องลูกหาบกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มเดิน โดยระยะทางจากที่ทำการอุทยานไปสู่ลานสนภูสอยดาวนั้นมีระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะทางค่อนข้างชันและลื่นมากในบางจุด โดยเราจะต้องเดินผ่าน 5 เนินอรหันต์ที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน
ทางเดินช่วงแรกๆ นั้นเหมือนเป็นการวอร์มขา ทางเดินมีชันสลับทางราบ เรียบผ่าน น้ำตกภูสอยดาว ไปในแต่ละชั้นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงจะมาถึงของจริงต่อจากนี้ นั่นก็คือเนินแรกที่เราจะได้เจอนั่นเองกับเนินส่งญาติ ที่มีทั้งทางเดินและขั้นบันไดให้เราไต่ขึ้นไป บอกเลยว่ามีแต่ชัน ชัน ชัน และชัน เล่นเอาเหนื่อยหอบกันแต่เริ่มเลย
นั่งพักกันสักครู่ก่อนจะไปต่อกันที่ เนินปราบเซียน ซึ่งจะเป็นทางชันไกลกว่าเนินส่งญาติ บอกเลยว่าหากผ่านเนินนี้ไปได้คุณจะเข้าสู่ครึ่งทางของภูสอยดาวแล้ว แต่กว่าจะผ่านไปนั้นก็รากเลือดพอสมควรเลย
ต่อมากันที่เนินที่สาม เนินป่ากอ ซึ่งสำหรับเราคิดว่าเนินนี้เป็นเนินที่เดินสบายที่สุด เพราะมีทั้งราบค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับ 2 เนินที่ผ่านมา
และเนินที่สี่ ที่แค่ได้ยินชื่อก็น่ากลัวแล้วกับ เนินเสือโคร่ง เนินนี้บอกเลยว่าชันแบบไม่มีปราณี บางช่วงถึงขั้นตั้งใช้มือช่วยในการปีนขึ้นไปเลย แต่ดีหน่อยที่เนินนี้มีระยะทางที่สั้น จึงพอจะรวมแรงฮึบเดียวส่งตัวผ่านไปได้
และเนินสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งถือเป็นปราการด่านสุดท้ายของธรรมชาติที่จะพาเราไปสู่ความงดงามที่ปลายทาง นั่นก็คือ เนินมรณะ แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าโหดแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เนินนี้มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นทางดินสูงชันสลับกับขั้นบันได ซึ่งประกอบกับการที่เราได้เดินใช้แรงผ่านมาแล้ว 4 เนินทำให้พอมาถึงเนินนี้ร่างกายก็เริ่มที่จะอ่อนล้ามากๆ กว่าจะผ่านไปแต่ละขั้น กว่าจะผ่านไปแต่ละโค้ง ทั้งร่างกายและจิตใจต่างอ่อนล้า แต่สิ่งที่พอจะช่วยทำให้ความเหนื่อยล้าพอทุเลาลงบ้าง ก็คงจะเป็นวิวสวยๆ ระหว่างที่ เวลาที่เราหยุดพักและหันหลังมองไปก็จะเห็นวิวภูเขาที่สลับซับซ้อนเขียวขจี เคล้าไปด้วยทะเลหมอกที่ลอยละล่องไปตามลม เป็นบรรยากาศที่งดงามจริงๆ
และเมื่อผ่านจากเนินมรณะมาได้แล้ว ธรรมชาติก็มอบรางวัลให้กับผู้พิชิตในทันที ภาพของลานสนภูสอยดาว ที่เราเคยเห็นแต่ในรูปภาพ ตอนนี้ได้อยู่ตรงหน้าเราแล้ว ป่าสนสองใบที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสายหมอก เป็นบรรยากาศชวนฝันที่เหมือนกับหลุดไปในโลกแห่งเทพนิยายเลย
เมื่อมาถึงแล้วเราก็จัดการกางเต็นท์เตรียมพักผ่อนกันในลานสนคืนนี้ อากาศหนาวเย็น มีหมอกลอยล้อมตัวตลอดเวลา พร้อมกับได้พบกับดอกหงอนนาคสีม่วงสวยงามบริเวณที่พักของเราด้วย สวยงามประทับใจจริงๆ แต่เสียดายที่ในค่ำคืนนั้นเราไม่ได้พบกับดวงดาว เพราะฟ้าปิดหมอกลงจัด แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วต่อความทรงจำสำหรับภูสอยดาว
สำหรับการพักแรมบนลานสนภูสอยดาวนั้น ด้านบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการ เวลาจะอาบน้ำเราต้องนำถังไปตักน้ำที่ลำธารหรือจากถังรองน้ำฝนเพื่อนำไปอาบ เพราะฉะนั้นหากใครจะมาที่นี่แล้วหวังเรื่องความสะดวกสบายขอให้คุณลืมไปได้เลย แต่ด้วยความลำบากนี้ก็ทำให้เราได้ฟีลของการเดินป่าอย่างแท้จริง และเป็นเสน่ห์ที่สำหรับเราแล้วชอบมากๆ เลย กับความดิบแบบนี้
เช้าวันต่อมาเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปชมวิวบริเวณหมุดเขตแดนไทยลาว ซึ่งจะเป็นบริเวณรอยต่อระหว่างเขตประเทศไทยและประเทศลาว บริเวณนี้จะเป็นป่าสนที่ค่อนข้างหนาแน่นอนกว่าตรงโซนกางเต็นท์ และก็เช่นเคยป่าสนถูกห้อมล้อมไปด้วยหมอกหนาสวยงาม
เมื่อเราเดินมาถึงบริเวณหมุดเขตแดน ก็ได้เวลาถ่ายภาพเก็บความประทับใจก่อนนะกลับ แต่ระหว่างนั้นเมื่อเราหันหลังกลับไปก็ต้องพบกับความมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติมอบให้กับเราในเช้าวันนี้
เมื่อสายหมอกที่เคยปกคลุมอยู่ดีๆ ก็เปิดออกเผยให้เห็นป่าสนที่สวยงามพร้อมวิวทิวเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า พร้อมกับมีสายหมอกลอยอยู่ระหว่างเขา เราไม่รอช้ารีบหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพความประทับใจแบบรัวๆ ถ่ายได้แบบไม่มีเบื่อเลย หลังจากได้เห็นภาพนี้เราบอกกับตัวเองเลยว่านี่คือวิวที่คุ้มค่าแล้วกับการที่เราดั้นด้นขึ้นมาถึงยอดภูสอยดาวแบบนี้ มันคุ้มค่ามาก เป็นรางวัลขอนักเดินทางอย่างแท้จริง
เมื่อดื่มด่ำกับความสวยงามของภูสอยดาวจนอิ่มเอมแล้ว ก็ได้เวลาแพ็คกระเป๋าเดินทางกลับ ในระหว่างทางลงนั้นเราเจอฝนตกตลอดทาง ทำให้เส้นทางในขาลงนั้นมีความลื่นกว่าตอนที่ขึ้นมา ต้องระวังเป็นอย่างมากในทุกย่างก้าว ระหว่างทางกลับเราได้แวะถ่ายรูปเล่นและเล่นน้ำที่น้ำตกภูสอยดาว เป็นความสดชื่นระหว่างทางเดินที่ยากลำบาก ที่ช่วยให้หายเหนื่อยได้จริงๆ
จนแล้วจนรอดก็สามารถพาตัวเองกลับมาสู่ที่ทำการอุทยานได้อย่างปลอดภัย การเดินทางสู่ภูสอยดาวของเราในครั้งนี้ได้ถูกบันทึกลงในหนังสือแห่งการเดินทางของความทรงจำ เป็นช่วงเวลาที่เราได้สู้กับจิตใจและร่างกายของตัวเอง เพื่อพาร่างกายไปสัมผัสกับความงดงามด้านบน เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติได้สอนเราหลายๆ อย่างในการเดินทาง กว่าจะได้ชมความสวยงามนั้นแลกมาด้วยความยากลำบาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็คือภาพความทรงจำที่สวยงามที่เราคงจะไม่ลืมไปอีกนาน
ภูสอยดาว ควรไปเดือนไหน
ช่วงที่ดีที่สุด : กรกฎาคม - ธันวาคม
- ชมดอกไม้ป่าและน้ำตก : กรกฎาคม - กันยายน
- สภาพอากาศเย็นสบาย เดินป่า : ตุลาคม - พฤศจิกายน
- ชมดาวและอากาศหนาวเย็น : ธันวาคม
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกช่วงเวลาตามกิจกรรมที่สนใจ และสภาพอากาศที่ต้องการ
ข้อควรระวังสำหรับการมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
- ห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟมและบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเข้าไปในเขตอุทยาน
ข้อมูลเพิ่มเติม ภูสอยดาว 2567
ที่ตั้งภูสอยดาว : ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
พิกัด : https://goo.gl/maps/TQRJ7YbZnKV8yc8r5
ติดต่ออุทยาน : 055-436 793
เวลาทำการ : 8.00 - 16.30 น.
สนใจทริปเดินป่าติดต่อได้ที่ : Movepa
อ่านเพิ่มเติม
อัลบั้มภาพ 90 ภาพ