อยากเที่ยวต่างประเทศ เริ่มต้นได้จากประเทศเพื่อนบ้าน

การไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้สักครั้งในชีวิต อาจเป็นเป้าหมายหนึ่งในชีวิตของใครหลายคน เพราะการไปต่างประเทศ เราจะได้เห็นในสิ่งที่อาจไม่เคยเห็นในประเทศเรา เช่น ทั้งวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่พื้นเมือง ได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ ชาร์จพลังให้เต็มที่ เพราะได้หลุดจากชีวิตเดิม ๆ ไปช่วงเวลาหนึ่ง กล้าออกไปเผชิญหน้ากับโลกที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง เป็นประสบการณ์ที่แม้ว่าจะต้องจ่ายแพงหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน

ทุกวันนี้ การไปเที่ยวต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากและเพ้อฝันไกลตัวขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว ขอเวลาเก็บเงินสักสี่ซ้าห้าเดือนก็พร้อมเดินทาง ยิ่งคนที่มีสินเชื่อวงเงินเหลือเยอะยิ่งง่ายใหญ่ ใช้เที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาผ่อนจ่ายเอาก็ไหว ถึงอย่างนั้น ก็ต้องบอกว่าสำหรับบางคนมันก็ออกจะเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถไปเที่ยวต่างประเทศแบบที่ไม่ต้องวุ่นวายอะไรมากมันก็คงจะดีไม่น้อย อย่างเช่นการเริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ เราก่อนก็ได้ อย่าทำเป็นเล่นไป! ถ้าลองศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้านเราแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วจะรู้ว่าเพื่อนบ้านเรามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวมากกว่าที่คิด

ดังนั้น สำหรับใครหลายคนที่มีความฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งก็ยังดี อีกทั้งยังมีสถานที่ที่ในใจที่คิดว่าต้องไปให้ได้ก่อนตาย แต่ถ้าอะไร ๆ ไม่ค่อยพร้อม ลองเริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนก็ได้ ให้ฟีลต่างประเทศเหมือนกัน เพราะหาไม่ได้ในประเทศไทย แต่โดยรวมประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า แล้วคุณจะพบว่าบ้านใกล้เมืองเคียงของเรานั้นมีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดมากมายทีเดียว

เมียนมาร์

เริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับไทยทางภาคเหนือและภาคตะวันตกอย่างเมียนมาร์ แม้ว่าในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของบ้านเราอาจจะทำให้ใครหลายคนมีอคติต่อเมียนมาร์ไปในด้านลบอยู่ไม่น้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตและเป็นเรื่องปกติในยุคสมัยนั้น ที่สำคัญเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยังมีความละเอียดซับซ้อนให้ได้ศึกษามากกว่าบทเรียนในหนังสือไม่กี่หน้า เพราะฉะนั้น ใครที่ยังอคติกับเมียนมาร์ด้วยเหตุผลนั้น ก็อยากให้ลองมองต่างมุม ลองมองประเทศเพื่อนบ้านเสียใหม่ แล้วจะพบว่าริง ๆ แล้วเมียนมาร์เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงาม และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

สำหรับแลนด์มาร์กสำคัญของเมียนมาร์ที่จะต้องไปเปิดประสบการณ์ให้ได้ก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองหลวงเก่าอย่างย่างกุ้ง นับเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์ เวลากลางวัน แสงแดดจะทำให้เราเห็นองค์เจดีย์มีสีทองอร่ามงดงาม ส่วนในตอนกลางคืน องค์เจดีย์ก็จะเปิดไฟสว่างไสวสวยงามมากเช่นกัน เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น จึงเป็นทั้งสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมียนมาร์เลยก็ว่าได้

อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดในเมียนมาร์ก็คือ ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม นั่นเอง ที่บอกว่าเป็นทะเลเจดีย์นั้นไม่เกินจริง เพราะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเจดีย์จำนวนมากกว่า 4,000 องค์ เรียงรายละลานตาไปหมด สมมงกับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งภาพความยิ่งใหญ่และสวยงามดังกล่าว เราสามารถเห็นได้ด้วยตาของเราเองจากภาพมุมสูงแบบ 360 องศา โดยการขึ้นบอลลูนทะยานไปบนท้องฟ้าเหนือยอดเจดีย์นั่นเอง

ลาว

พรมแดนอีกฝั่งของไทยคือประเทศ ลาว ซึ่งเป็นพรมแดนที่ส่วนหนึ่งอยู่ติดกับภาคเหนือ และอีกส่วนอยู่ติดกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยไทย-ลาวนั้น เป็นประเทศที่มีลักษณะหลาย ๆ อย่างคล้ายคลึงกัน แม้แต่ภาษาที่ใช้ก็ยังอยู่ในตระกูลภาษาเดียวกันเลย จึงไม่แปลกที่เราจะพอฟังคนลาวพูดออกและอ่านตัวหนังสือลาวได้ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ นั้นเราไม่สามารถฟังออกหรืออ่านออกเลยด้วยซ้ำไป ลาวเป็นประเทศที่สืบสานประเพณีดั้งเดิมมาแต่โบราณ ทุกวันนี้ก็ยังรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ส่วนแหล่งท่องเที่ยวก็โดดเด่นในเรื่องธรรมชาติและวัฒนธรรม

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของลาว คงจะหนีไม่พ้น หลวงพระบาง เมืองเก่าแก่และราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรล้านช้าง โดยหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลก เนื่องจากเป็นเมืองเก่าแก่ มีวัดวาอารามโบราณมากมาย บ้านเรือนก็เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ส่วนตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งจะไหลมาบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม แถมผู้คนชาวหลวงพระบางก็มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าสนใจ สมมงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากเมืองเก่าแก่แล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของลาวก็งดงามไม่แพ้กัน ที่น่าทึ่งสุด ๆ เห็นจะเป็น สี่พันดอน ในแขวงจำปาสัก ซึ่งที่นี่เป็นเพียงหมู่เกาะในแม่น้ำโขง แต่ความสวยงามน่าประทับใจ โดยมีเกาะเล็กเกาะน้อยแตกย่อยออกมามากกว่า 4,000 เกาะ ซึ่งภายในสี่พันดอนจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่อีก 2 แห่ง ได้แก่ น้ำตกหลี่ผี ซึ่งมีลักษณะเป็นแก่งหินสีดำขนาดน้อยใหญ่ขวางลำน้ำโขง เกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง และน้ำตกคอนพะเพ็ง อยู่ทางฝั่งแผ่นดินใหญ่ เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินในลำน้ำโขง เกิดเป็นแก่งหินสีดำน้อยใหญ่ขวางลำน้ำโขงเช่นกัน แต่ความสวยงามของที่นี่คือที่สุด เพราะได้ฉายาว่าไนแองการาแห่งเอเชียเลยทีเดียว

กัมพูชา

มีพรมแดนอยู่ติดกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของประเทศไทย หากใครเคยอ่านตำราประวัติศาสตร์สมัยก่อนที่มนุษยชาติจะรู้จักกับขอบข่ายความเป็นชาติหรือประเทศ สมัยที่ยังเป็นอาณาจักรต่าง ๆ ก็จะพอทราบว่าในอดีต ดินแดนส่วนใหญ่บริเวณประเทศกัมพูชาในปัจจุบันเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ มาก่อนช่วงเวลาหนึ่ง ยกตัวอย่างที่สมัยอาณาจักรขอม ซึ่งเคยมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ทุกวันนี้ยังหลงเหลือหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตอยู่เลย พวกปราสาทหินต่าง ๆ นั่นไง อยากบอกว่ามันเป็นอะไรที่ต้องลองไปเห็นด้วยตาตัวเองดูสักครั้ง

ด้วยความที่กัมพูชาโดดเด่นมากเรื่องปราสาทหินโบราณ ดังที่ปรากฏบนธงชาติกัมพูชา การไปเยี่ยมชม อังกอร์วัด ก็น่าจะทำให้ภาพทุกอย่างชัดเจนขึ้น ที่นี่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหลักฐานปรากฏว่าสร้างขึ้นในปีพ.ศ.1650 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 หรือเป็นเวลานานกว่า 900 ปีแล้ว ตัวเทวสถานเป็นสถาปัตยกรรมเขมรคลาสสิกที่ถ้าได้เห็นกับตาแล้วจะต้องอุทานว่าสุดยอดจริง ๆ สมกับคำพูดของ Arnold Joseph Toynbee ที่บอกว่า “See Angkor and Die” ปัจจุบัน ที่นี่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว 

เมืองกำปอต เป็นเมืองทางตอนใต้ของกัมพูชาที่ว่ากันว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าเที่ยวสุด ๆ ประวัติศาสตร์เล่าว่าครั้งหนึ่งเมืองนี้เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญก่อนที่เมืองพระสีหนุจะตั้งขึ้น ทำให้ครั้งหนึ่งเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากเลยทีเดียว เพราะตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแพรกตึกชู แม่น้ำสายนี้จะไหลลงสู่อ่าวไทย ทำให้สามารถเที่ยวทะเลก็ได้ เที่ยวสองฝั่งแม่น้ำก็ปัง ที่สำคัญในปัจจุบันก็เมืองนี้ก็ยังเป็นแหล่งส่งออกพริกไทย น้ำปลา และทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกต่างหาก และด้วยความที่กำปอตเคยอยู่ภายใต้กรปกครองของฝรั่งเศส ทำให้สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในเมืองนี้เป็นการสร้างตามสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ทำให้บรรยากาศคล้ายกับยุโรปไม่น้อย

มาเลเซีย

ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางใต้ของไทย มาเลเซียเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะแตกต่างจาก 3 ประเทศก่อนหน้า ทั้งความเป็นประเทศพหุชาติพันธุ์และพหุวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย การเที่ยวมาเลเซียจึงจะให้บรรยากาศในอีกรูปแบบที่ไม่เหมือนกับเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา เพราะดูจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจและมีแสงสีใกล้เคียงกับไทย ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราไม่ควรจะไปเที่ยวที่มาเลเซียเสียหน่อย เพราะที่เที่ยวที่น่าสนใจของมาเลเซียไม่ได้มีแค่ตึกแฝดเปโตรนาสในกัวลาลัมเปอร์ที่เป็นเมืองหลวง และเมืองศูนย์กลางของประเทศ แต่ที่เที่ยวธรรมชาติก็สุดจะยอดเยี่ยมเช่นกัน

เกาะบอร์เนียว เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย อย่างไรก็ดี เกาะเกาะเดียวแต่มีประเทศถึง 3 ประเทศอยู่บนเกาะ คือ มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย ในส่วนที่เป็นของมาเลเซียนั้น มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวสายโหด คือ ที่ภูเขาคินาบาลู ใน อุทยานแห่งชาติคีนาบาลู ที่ที่นักเดินเขาอยากจะพิชิตยอดเขาโคตาคินาบาลูให้จงได้ ด้วยความสูงประมาณ 4,095 เมตรจากระดับน้ำทะเล บอกเลยว่าเส้นทางโหดใช้ได้ เพราะทริปเดินทางไปยอดเขานั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน และระยะทางไป-กลับร่วม ๆ 18 กิโลเมตรเห็นจะได้ ไม่ธรรมดาจริง ๆ

หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินสถานที่ที่มีชื่อว่า ช่องแคบมะละกากันมาบ้าง บริเวณนี้เป็นร่องน้ำที่อยู่ระหว่างคาบสมุทรมลายู (ประเทศมาเลเซียตะวันตก) กับเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ชื่อช่องแคบมะละกาตั้งตามรัฐสุลต่านมะละกาที่เคยปกครองเหนือกลุ่มเกาะ และบนฝั่งของมาเลเซียก็มีเมืองมะละกา ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองท่าสำคัญที่เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั่นเอง ทุกวันนี้มะละกาเป็นเมืองที่ทางการมาเลเซียอนุรักษ์ไว้ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว ทำให้มะละกาเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่าเที่ยวในมาเลเซียที่มีเสน่ห์และความน่าสนใจมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าแวะที่เราสามารถเดินเท้าเที่ยวได้