แหล่งน้ำชโลมใจ เที่ยวเขื่อน 6 ภาคในไทย
ว่ากันว่าการหันหน้าไปพึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งน้ำทั้งหลายนั้น สามารถบรรเทาความหนักหน่วงทางใจได้ เพราะแค่ได้เห็น “น้ำ” ปริมาณมหาศาลตรงหน้า ก็รู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง มีความเป็นอิสระขึ้นจากเดิมแล้ว ซึ่งนี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลทางใจที่สนับสนุนให้ใครหลายคนชอบหนีไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเลหรือเก็บข้าวเก็บของพาตัวเองไปตั้งแคมป์ริมน้ำตกในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อขอให้น้ำพัดพาความร้อนรุ่มในใจให้หายไปและนำพาความใจเย็น ความสุขสงบทางใจกลับมากลับมา แหล่งน้ำทางธรรมชาติเหล่านั้นจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นจริง ๆ
แต่…สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งน้ำนั้นไม่ได้มีแค่แหล่งน้ำทางธรรมชาติเสียหน่อย หลายคนเป็นพวกที่ชอบคิดเยอะคิดมาก ไม่สบายใจแต่ละครั้งก็ปักหมุดไปทะเล ไปน้ำตก ไปมาจนจะครบทุกที่อยู่แล้ว ซึ่งบางทีมันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกเบื่อได้เหมือนกัน เพราะจริง ๆ แล้วภาพใหญ่ของทะเลหรือน้ำตกมันก็เหมือนกันทุกที่ จะแตกต่างกันก็แค่รายละเอียดในแต่ละสถานที่เท่านั้น ถ้าหากว่าคุณไปเที่ยวแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างทะเลหรือน้ำตกมาจนเบื่อแล้ว อยากลองเที่ยวแหล่งน้ำในรูปแบบอื่นดูบ้างไหม อย่างพวกแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นจากฝีมือมนุษย์อะไรแบบนี้
การไปเที่ยว “เขื่อน” ที่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภาคในประเทศ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยเนอะ และถ้าหากว่าเขื่อนไม่เคยอยู่ในหัวของคุณเลยว่ามันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจได้ ลองเริ่มต้นจากเขื่อนในแต่ละภาคก่อนก็ได้ แบบว่าเลือกมาสักเขื่อนในแต่ละภาค เลือกไปเลือกมาจะได้ “เที่ยว 6 เขื่อน 6 ภาคในประเทศไทย”
เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่
ขึ้นเหนือไปเที่ยวเขื่อนที่เชียงใหม่กันบ้าง ที่เขื่อนแม่งัด (ที่ชาวบ้านเรียกกัน) ซึ่งตั้งในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เท่าไรนัก เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการชลประทานและแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม ที่นี่ถือเป็นเขื่อนยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมปักหมุดไปเที่ยวกัน กิจกรรมที่น่าสนใจคือการนอนแพลอยน้ำ แลทะเลหมอก พักผ่อนในอ้อมกอดเขียวชอุ่มของขุนเขา สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แถมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนฟื้นฟูสุขภาพจิตจริง ๆ ขนาดวิวเขื่อนจากที่เห็นในภาพถ่ายยังสวยขนาดนี้ ถ้าได้ไปสัมผัสของจริงคงจะฟินจนลืมหายใจ
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี
มือใหม่หัดลองเที่ยวเขื่อน ชื่อแรก ๆ ที่ควรจะอยู่ในลิสต์ก็คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นั่นเอง ซึ่งไฮไลต์เด็ดของที่นี่ คือการนั่งรถไฟเที่ยวด้วยขบวนรถไฟลอยน้ำโคกสลุง ที่เพิ่มความแรร์เข้าไปอีกตรงที่ขบวนรถไฟนำเที่ยวพิเศษนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น และถ้าจะร่วมเดินทางไปกับรถไฟสายนี้ล่ก็ต้องจองตั๋วล่วงหน้าด้วย ซึ่งช่วงที่เปิดให้จองตั๋วและเปิดให้บริการท่องเที่ยวก็ตรงกับช่วงนี้พอดี โดยรถไฟขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเส้นทางกรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ สำหรับในปีนี้ เดินรถช่วงระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 – 29 มกราคม 2566 เท่านั้น ไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ แสงแดดจ้า ๆ ชมวิวน้ำ ป่าไม้ ขุนเขา แบบชิล ๆ ชาร์จพลังให้เต็มสูบกันไปเลย
เขื่อนแม่กลอง จ.กาญจนบุรี
ถ้าถามว่าจังหวัดไหนในประเทศไทยที่มีเขื่อนมากที่สุด คงต้องมอบมงให้กับกาญจนบุรีเขาแล้วแหละ เพราะจังหวัดเดียวมีเขื่อนมากถึง 4 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์ (เขื่อนเจ้าเณร) เขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) เขื่อนท่าทุ่งนา และเขื่อนแม่กลองแห่งนี้ ซึ่งก็มีเหตุผลที่แนะนำที่นี่ นั่นก็คือวิวรอบ ๆ เขื่อนนั่นเองที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมา มันมีความสวยงามบวกกับบรรยากาศร่มรื่น จึงเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอย่างมาก ถนนด้านข้างเขื่อนจะมีพื้นที่ที่ช่วงเย็น ๆ แดดร่มลมตก เหมาะแก่การมาขี่จักรยาน เดินเล่น หรือออกกำลังกายกัน บ้างก็มาชมวิวพระอาทิตย์ตกด้วย เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของเขื่อนเลยก็ว่าได้
เขื่อนคีรีธาร จ.จันทบุรี
ภาคเล็ก ๆ อย่างภาคตะวันออก เกือบกลายเป็นภาคที่ถูกลืมไปเสียแล้ว เพราะแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อเขื่อนต่าง ๆ แล้วตามด้วยจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันออก อย่างไรก็ดี เราก็สามารถเจอเข้ากับเขื่อนคีรีธาร ที่เป็นอีกหนึ่งเขื่อนที่เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากจะเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับกลุ่มนักปั่นจักรยานแล้ว คุณยังสามารถหอบเอาเสบียงของคุณมาตั้งแคมป์ นอนเต็นท์ ปิกนิก นอนกินลมชมวิวริมเขื่อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะเงียบสงบไม่ค่อยมีอะไรรบกวน สาเหตุหนึ่งก็คือเขื่อนนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าไรนัก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ และต้องการความสงบในช่วงเวลาแบบประเดี๋ยวประด๋าว เพราะหลาย ๆ หลบมาชาร์จพลังในช่วงวันหยุด
เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์
ไปทางฝั่งภาคอีสานกันบ้าง พบว่าก็มีเขื่อนอยู่มากมายหลายแห่งทีเดียวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเที่ยวชมได้ แต่จะขอแนะนำที่เขื่อนลำปาว เพราะที่นี่มีสะพานเทพสุดา ซึ่งเป็นสะพานน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ทอดยาวผ่านผิวน้ำไปเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร โดยเริ่มจากแหลมโนนวิเศษต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ ไปจนถึงบริเวณเกาะมหาราช ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี บนสะพานสามารถเดินขึ้นไปชมวิวสวย ๆ สุดลูกหูลูกตา ของขุนเขาและผืนน้ำ รวมถึงรอถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งตอนบ่ายแก่ ๆ ยามที่แสงแดดส่องกระทบผิวน้ำ และตอนที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับผืนน้ำจะกลายเป็นสีส้ม แถมมีเทือกเขาเป็นพื้นหลัง ช่างงดงาม
เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี
หรือชื่อเก่าที่ทุกคนรู้จักกันว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสก ที่นี่นับเป็นอีกเขื่อนที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอันดับต้น ๆ ในเมืองไทย หลายคนถึงกับเปรียบเปรยว่าสวยเหมือนสวรรค์บนดิน แถมยังมีฉายาว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทยอีกต่างหาก ด้วยทิวทัศน์โดยรอบเป็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่สลับทับซ้อนเป็นพื้นหลัง บวกกับผืนน้ำสีเขียวมรกตที่กว้างใหญ่จนสุดสายตา มันเป็นภาพความตระการตาแบบที่ยากจะอธิบายจริง ๆ ถ้าใครอยากเห็นภาพชัด ๆ ว่าสวยงามแค่ไหน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาล่ะก็ ลองเปิดหาภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ตดูก่อนก็ได้ รับรองว่าจะเลิกลังเลทันทีว่าควรจะลองไปเยือนที่นี่ให้ได้สักครั้งหรือเปล่า