แพลนทริปเที่ยวญี่ปุ่น Tokyo – Hokkaido ฉบับมือใหม่ ความงดงามที่ต้องไปเห็นด้วยตาสักครั้ง

แพลนทริปเที่ยวญี่ปุ่น Tokyo – Hokkaido ฉบับมือใหม่ ความงดงามที่ต้องไปเห็นด้วยตาสักครั้ง

แพลนทริปเที่ยวญี่ปุ่น Tokyo – Hokkaido ฉบับมือใหม่ ความงดงามที่ต้องไปเห็นด้วยตาสักครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ญี่ปุ่นประเทศในฝันสำหรับนักเดินทางจากทั่วโลก รวมไปถึงสำหรับชาวไทยเรา หากพูดถึงประเทศที่อยากจะไปเยือนสักครั้ง ชื่อของประเทศญี่ปุ่นจะถูกยกมาเป็นอันดับแรกๆ อยู่เสมอ ซึ่งในช่วงที่โลกของเราได้ประสบกับปัญหาไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดจนการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักลงไป ความคิดถึงประเทศญี่ปุ่นของคนไทยก็มากทวีคูณขึ้นไปด้วย มาจนถึงวันนี้ที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มจะดีขึ้นและโลกของเราได้กลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นจุดหมายแรกที่คนไทยอยากจะกลับไปเยือนมากที่สุด เช่นเดียวกับเราเองที่ที่มีความฝันอยากจะไปญี่ปุ่นให้ได้สักครั้งเช่นกัน อยากจะไปดู ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ล้วนเป็นสิ่งดึงดูดให้นักเดินทางได้มาสัมผัส นั่นจึงเป็นเหตุผลของการออกเดินทางของเราในทริปนี้ กับการสานฝันเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองสักครั้ง และอยากจะพาทุกคนไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่เราเจอ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังอยากจะลองไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งแบบเราครับ

แพลนทริปในครั้งนี้เราจะเที่ยวหลักๆ ด้วยกันสองเมือง คือที่ Tokyo และที่ Hokkaido สำหรับการเดินทางของเราในแต่ละเมืองเป็นอย่างไรบ้างลองมาดูกันครับ

Day 1

Tokyo

เราเริ่มออกเดินทางจากเมืองไทยในช่วงดึกและมาถึงที่ญี่ปุ่นประมาณ 7 โมงเช้าของที่นี่พอดี ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงโดยประมาณ มาลงที่สนาม Haneda ซึ่งเป็นสนามบินที่สามารถเดินทางเข้าเมืองโตเกียวได้ง่ายๆ มาถึงตอนเช้าก็ลุยเที่ยวต่อได้เลย

Shibamata

เริ่มต้นจุดหมายแรกในทริปนี้เราไปเที่ยวที่ย่าน Shibamata ย่านเมืองเก่าในกรุงโตเกียว ที่จะมีร้านค้าร้านอาหาร และอาหารบ้านเรือนที่ดูเก่าแก่ในแบบสมัยโบราณของญี่ปุ่น เอาจริงๆ ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านที่สวยงามและเดินชิลมากๆ แต่ไม่เป็นที่นิยมนักสำหรับคนไทย

ในย่านนี้อดีตเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์ดังของญี่ปุ่นเรื่อง “Otoko wa Tsuraiyo” ซึ่งนั่นทำให้ในย่านนี้มีรูปปั้นของพระเอกซีรี่ส์ที่มีชื่อว่า Torasan อยู่ที่หน้าสถานีด้วย ถือเป็นจุดเช็กอินของย่านนี้เลย

นอกจากนี้ในย่านนี้ยังมีวัดเก่าแก่ Daikyo-ji ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1629 วัดในนิกาย Nichiren หนึ่งในนิกายที่สำคัญของญี่ปุ่น ซึ่งวัดแห่งนี้มีความโด่งดังเรื่องขับไล่สิ่งชั่วร้าย หายป่วย เอาชนะอุปสรรค ด้านหน้าวัดมีขายเครื่องรางสำหรับนักกีฬาที่ใช้เพื่อสร้างกำลังใจก่อนการแข่งขันด้วย

ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับวัดนั่นก็คือ รูปปั้นแกะสลักไม้ของ เทพ Taishakuten เป็นที่เคารพนับถือของชาวญี่ปุ่น หากใครมาเที่ยวย่าน Shibamata อย่าลืมแวะมากราบไหว้ขอพรกันครับ

เดินเที่ยวในย่าน Shibamata กันจนเต็มที่แล้วก็ได้เวลาของอาหารกลางวัน มาญี่ปุ่นทั้งทีเมนูที่เราตั้งใจมาลองเลยนั่นก็คือข้าวหน้าปลาไหล และในย่าน Shibamata นี้ก็มีร้านข้าวหน้าปลาไหลเจ้าดังให้เราได้ลองด้วยร้านนี้มีชื่อว่า Ebisu-ya ร้านนี้เขาบอกกันมาว่าเปิดมาแล้วถึง 230 ปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าจะหาร้านข้าวหน้าปลาไหลแบบออริจินัลกินในโตเกียวก็ต้องมาลองร้านนี้!

ตัวเนื้อปลาไหลย่างไฟมาหอมๆ เนื้อนุ่มละมุน มีกลิ่นหอมถ่านแบบโบราณ ข้าวญี่ปุ่นอุ่นๆ กำลังดี ทานคู่กันแล้วคือเพอร์เฟ็ค เป็นมื้อแรกในญี่ปุ่นที่สร้างความประทับใจตั้งแต่คำแรกเลยอร่อยมากๆ ใครชอบกินข้าวหน้าปลาไหลต้องมาลองให้ได้ครับ

ข้อมูลร้าน Ebisu-ya : http://yebisuya.info/menu/
เวลาเปิด - ปิด : 11:00-18:00
การเดินทาง จากสถานี Keisei-Ueno นั่งรถไฟสาย Keisei ลงที่สถานี Keisei Takasago แล้ว เปลี่ยนสายเป็นสาย Kanamachi ลงที่สถานี Shibamata
ค่ารถไฟ 270 yen ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

SHIBUYA SKY 

หลังจากสัมผัสกับบรรยากาศของเมืองญี่ปุ่นแบบคลาสสิคไปแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่โลกแห่งยุคปัจจุบันที่ Shibuya สถานที่ที่เราตั้งใจว่าต้องมาให้ได้หากมาเที่ยวที่โตเกียว มาสัมผัสกับความเจริญของบ้านเมืองในญี่ปุ่น เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัย และวิถีชีวิตในย่าน Shibuya โดยเราจะพาทุกคนขึ้นไปชมวิวเมืองโตเกียวจากมุมสูงบนจุดชมวิวของตึก SHIBUYA SCRAMBLE SQUARE จุดเช็กอินที่เพิ่งจะเปิดใหม่ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมานี้ จึงทำให้ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนไทยมากนัก แต่บอกเลยว่าหากมีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นต้องไม่พลาดครับ เพราะวิวด้านบนสวยปังอลังการสุดๆ

ด้านบนจะเป็นจุดชมวิวดาดฟ้าชั้น 45 และ 46 ที่มีชื่อว่า SHIBUYA SKY มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้มาโพสต์ท่าหามุมเท่ๆ กันเยอะมาก ฉากด้านหลังเป็นวิวเมืองโตเกียวแบบพาโนรามา ใครเป็นสายถ่ายรูปมาที่นี่คุณจะได้ลั่นชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้งแน่นอน

ข้อมูล SHIBUYA SKY
พิกัด : ชั้น 45 , 46 ตึก SHIBUYA SCRAMBLE SQUARE
เวลาทำการ : 10:00-22:30 น. (เข้าก่อน 21:20 น.)
ค่าเข้าชม : 2,000 yen (ซื้อตั๋วหน้างาน) / 1,800 yen (จองทาง Web)
Website : https://www.shibuya-scramble-square.com/sky/

Miyashita Park

ลงจาก Shibuya Sky มาไปหาจุดเช็กอินกันต่อที่สวนสาธารณะลอยฟ้าใกล้กับแยก Shibuya ที่ Miyashita Park

ที่นี่เพิ่งจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่ใหม่มากๆ โดยจะมีลักษณะคล้ายคอมมูนิตี้มอลล์ มีร้านค้า ร้านอาหาร และสวนสาธารณะลอยฟ้าอยู่ด้านใน โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ชั้น รวมร้านค้าไว้มากถึง 90 ร้านเลย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่ของ Shibuya เลยก็ว่าได้

© Studio Ghibli 

 ซึ่งเมื่อได้ลองเดินเล่นดูเราก็ไปสะดุดกับร้านหนึ่งที่น่ารักมากๆ ที่บริเวณชั้น 3 กับร้าน GBL ซึ่งเป็นร้านที่ขายสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคาแรกเตอร์ ของ Studio Ghibli ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ต่างๆ ล้วนมีลวดลายของคาแรกเตอร์จาก Studio Ghibli ทั้งหมด น่ารักมากๆ ใครเป็นแฟนคลับของ Studio Ghibli จะต้องรักแน่นอน

ด้านบนชั้นดาดฟ้าจะเป็นโซนสวนสาธารณะลอยฟ้า พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ และการทำกิจกรรมแห่งใหม่ในเขต Shibuya ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศด้านบนดีงามมากๆ ทั้งการออกแบบสถาปัตยกรรม ที่เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป และพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งสนามฟุตบอล สนามสเก็ตบอร์ด และโซนปีนผาจำลอง เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่อยากให้มีในเมืองไทยบ้างจริงๆ

มาดูในโซนอาหารของที่นี่กันบ้าง ขอบอกเลยว่าเจ๋งมาก ด้านล่างของอาคารจะเป็นแหล่งรวบรวมอาหารสไตล์ Izakaya จากทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น คุณจะสามารถเลือกทานอาหารจากทุกภูมิภาคได้ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์ Okinawa, Osaka, Hokkaido, Fukushima เป็นต้น ใครชอบทานแนว Izakaya แนะนำเลยครับ

ข้อมูล Miyashita Park
เวลาทำการ : 11:00-21:00 น. (บางร้านค้าอาจมีเวลาเปลี่ยนแปลง)
Website : https://www.miyashita-park.tokyo/

ล่องเรือทานอาหาร “Yakata-bune”

ปิดท้ายวันแรกในโตเกียว เราไปทานอาหารเย็นแบบล่องเรือที่แม่น้ำ Sumida ซึ่งมีบริษัทล่องเรือดินเนอร์หลายเจ้าเลยให้บริการ ในครั้งนี้เราใช้บริการของเรือ Amitatsu ที่จะพาเราล่องไปตามแม่น้ำผ่านวิวเมืองโตเกียวในยามค่ำคืน พร้อมเสิร์ฟอาหารคอร์สแบบญี่ปุ่น ทานอาหารพร้อมชมวิวสองข้างทางแบบฟินๆ ไปจนถึงปากอ่าวโตเกียวเลย  อาหารอร่อยวิวก็ดีปิดท้ายวันนี้ได้อย่างประทับใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่ขึ้นเรือ :
ท่าเรือสะพาน Azuma-bashi (Asakusa)
เวลาในการล่องเรือ : 2 ชั่วโมงครึ่ง
ค่าล่องเรือรวมอาหาร : 11,000 yen ต่อคน (ไม่รวมเครื่องดื่ม)Website : https://www.amitatsu.jp/english/

โรงแรม Ours Inn Hankyu

ค่ำคืนแรกของเราในประเทศญี่ปุ่นเราเข้าพักที่โรงแรม Ours Inn Hankyu ซึ่งต้องบอกเลยว่าโรงแรมนี้โลเคชันดีมากๆ อยู่ใกล้กับย่านร้านค้า ค่อนข้างคึกคักแต่ไม่วุ่นวายเท่าใจกลางเมืองโตเกียว ตัวห้องพักจะมีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางคนเดียว แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้านในห้อง ทั้งห้องน้ำ ที่นอน ทีวี ปลั๊กไฟ ถือว่าสะดวกสบายเลยทีเดียวแนะนำสำหรับคนที่มองหาที่พักในโตเกียวครับ

ข้อมูลโรงแรม
ที่ตั้ง : Ours Inn Hankyu 1-50-5 Ooi, Shinagawa-ku, Tokyo
Website : https://www.hankyu-hotel.com/en/hotel/hh/oursinnh

Day 2

Hokkaido

มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม หลังจากที่เราผ่านคืนแรกกับการเที่ยวโตเกียวกันไปแล้วก็ได้เวลาเดินทางกันต่อไปที่ Hokkaido เมืองที่เรียกได้ว่าสวยงามที่สุดของญี่ปุ่นในเรื่องของธรรมชาติ โดยเราจองสายการบินในประเทศบินจากสนามบิน Haneda ไปลงที่สนามบิน New Chitose ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เท่านั้น แถมราคายังพอๆ กันหรืออาจจะถูกกว่าการนั่งรถไฟจากโตเกียวในบางช่วงด้วย

เมื่อมาถึง Hokkaido เราก็ได้ปะทะกับความหนาวแบบสุดขั้วแบบที่ตั้งใจอยากมาเจอเลย อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -9 ใครวางแพลนจะมาเที่ยว Hokkaido เตรียมอุปกรณ์กันหนาวกันมาให้พร้อมนะครับ

ศาลเจ้า Hokkaido Jingu

สถานที่แรกเมื่อมาถึง Hokkaido เราแวะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลตลอดการเดินทางที่ศาลเจ้า Hokkaido Jingu เป็นศาลเจ้าเก้าแก่ที่มีชื่อเสียงของ Hokkaido สร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1869

บรรยากาศทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้านั้นราวกับเทพนิยายเลย พื้นทางเดินปกคลุมไปด้วยหิมะและมีแนวต้นไม้ทอดยาวไปถึงศาลเจ้า สวยงามมากๆ

ด้านในศาลเจ้าเป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าแห่งการคุ้มครองและพัฒนาเมืองฮอกไกโด 3 องค์ ได้แก่ Ookuni Tama no kami, Oonamuchi no kami และ Sukunahikona no kami และยังมีรูปปั้น Shima Yoshitake ซึ่งเป็นข้าราชการที่ทำหน้าที่การปูพื้นฐานในการสร้างเมือง Sapporo

นอกจากนี้ในบริเวณศาลเจ้ายังมีร้านขนมขึ้นชื่อ Fuku-Kashiwa (คุ๊กกี้รูปทรงใบคาชิวะ) ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย เป็นคุกกี้ที่รสชาติอร่อยและรูปทรงน่ารักมาก หากมาเที่ยวที่ศาลเจ้าต้องมาลองครับ ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าทานคุ๊กกี้นี้แล้วจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองของผู้สืบสกุล เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ใบคาชิวะที่ไม่ผลัดใบจนกว่ายอดอ่อนจะแตกขึ้นมา

ข้อมูลศาลเจ้า Hokkaido Jingu
การเดินทาง: จากสถานีรถไฟใต้ดิน Maruyama-koen (สาย Tozai-line) ทางออกที่ 3 เดิน 15นาที
Website : http://www.hokkaidojingu.or.jp/

ถนนชอปปิ้ง Tanuki-koji shopping street

ใครเป็นสายชอปปิ้งห้ามพลาดกับย่าน ถนนชอปปิ้ง Tanuki-koji shopping street แหล่งรวมสินค้าและร้านอาหารกลางเมือง Sapporo ที่ตั้งอยู่ในร่มใต้หลังคา มีความยาวถึง 900 เมตร มีร้านค้าในย่านนี้ถึง 200 ร้าน!

เราใช้เวลาเดินเล่นชมเมืองหาขนมอร่อยๆ กินที่นี่หลังจากเที่ยวศาลเจ้าเสร็จได้มีโอกาสแวะกดตู้กาชาปองที่ร้าน #C-pla แหล่งรวมตู้กาชาปองกว่า 700 เครื่อง เป็นสถานที่ที่มีกาชาปองเยอะที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาเลยตื่นตาตื่นใจมากๆ สำหรับคนชอบกาชาปองแบบเรา

และอีกร้านหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนไปตามรอยคือที่ร้านกาแฟ RIQ (ริคิว) ร้านนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ที่ใช้นมจากฮอกไกโดซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของคุณภาพ ได้มาลองถึงแหล่งวัตถุดิบแบบนี้บอกเลยว่าอร่อยฟินมาก ไอศกรีมรสชาติเข้มข้นสุดๆ แม้อากาศจะหนาวแค่ไหนก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่การกินไอศกรีมที่อร่อยแบบนี้จริงๆ

Website ร้าน RIQ : https://www.riq-jp.com/

Sapporo Bier Garten

ได้เวลาอาหารเที่ยงสำหรับวันนี้เราเลือกไปทานที่ Garden Grill ใน Sapporo Bier Garten ร้านนี้เป็นร้านปิ้งย่างเนื้อเจงกิสข่าน ฟังชื่อแล้วหลายๆ คนอาจจะงงว่าเนื้อเจงกิสข่านคืออะไร จริงๆ แล้วคือวิธีการกินเนื้อแกะ โดยนำไปทาซอสแล้วนำไปย่างบนกระทะที่ตรงกลางนูนขึ้นมานั่นเอง บรรยากาศภายในร้านสวยงามมากๆ เป็นห้องกระจกที่เห็นวิวหิมะด้านนอก นั่งทานอาหารชมวิวได้แบบเพลินๆ ส่วนเมนูอาหารนั้นรับรองว่าถูกปากคนไทย เนื้อแกะไม่มีกลิ่นสาบเลย แถมยังนุ่มละมุน ทานกับน้ำจิ้มสูตรของทางร้านคือดีงาม อร่อยสุดๆ

ข้อมูลร้าน Garden Grill
เวลาเปิด - ปิด :
11:30-21:00 น.
ราคาอาหาร : “Genghis khan” Lunch  2200 yen  (อาหารเรียกน้ำย่อย, ซุป, เนื้อแกะ grain-fed lamb 3ส่วน, ผัก,ข้าว)

เมื่อจัดเต็มกับเนื้อแกะจนอิ่มแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นที่ Sapporo Bier Garten โรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ของเมือง Sapporo ความโดดเด่นของที่นี่คือสถาปัตยกรรมของตึกทรงยุโรป ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว เป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของคนที่มาเที่ยว Hokkaido เลยก็ว่าได้

Website : https://www.sapporo-bier-garten.jp/hall/garden.html

Snow Walk @ Jozankei

หลังจากมื้อเที่ยงเรามุ่งหน้าออกจากเมือง Sapporo ไปที่เมือง Jozankei เมือง Onsen ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใน Hokkaido ซึ่งคืนนี้เราจะพักผ่อนแช่ Onsen กันที่นี่ด้วย

โดยก่อนจะเข้าที่พักเราแวะไปทำกิจกรรม Snow Walk ที่ ร้าน Friluftsliv ผู้ให้บริการกิจกรรม Snow Walk ในวันนี้

สำหรับเส้นทางที่เราจะเดินไปกันในวันนี้จะเดินผ่านสะพานแดงอันโด่งดังของเมือง Jozankei ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเราจะได้ลองใส่ลองเท้า Snow Shoes ที่ออกแบบมาเพื่อใช้เดินบนหิมะที่หนา วิวระหว่างสองข้างทางในการเดินนั้น Amazing มากๆ เป็นป่าที่ถูกรายล้อมไปด้วยหิมะ เหมือนกับภาพที่เราเคยเห็นในภาพยนต์เลย

โดยเฉพาะเมื่อเดินไปถึงสะพานแดงที่ทอดผ่านลำธาร สีแดงของสะพานตัดกับสีของหิมะ เป็นมุมที่ถ่ายรูปสวยที่สุดของวันนี้เลยก็ว่าได้

เมื่อเดินไปจนถึงสุดทาง ทางเจ้าหน้าที่จะมีชาร้อนที่เตรียมมาชงให้เราทานกันกลางหิมะเลย เท่านั้นยังไม่พอยังมีการก่อไฟเพื่อให้เราได้ปิ้งมาร์ชเมลโล่ทานกันอีก เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากๆ ที่ได้มาใช้ชีวิตกลางป่าหิมะแบบนี้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกิจกรรม Snow Walk
Website ร้าน Friluftsliv : https://www.friluftsliv.website/%E3%82%A2%E3%82%AF%E3%83%86%E3%82%A3%E3%83%93%E3%83%86%E3%82%A3/%E9%87%8E%E3%81%82%E3%81%9D%E3%81%B3/%E3%81%A6%E3%81%8F%E3%81%A6%E3%81%8F%E5%86%AC%E3%81%AE%E6%A3%AE%E6%8E%A2%E6%A4%9C%E3%83%84%E3%82%A2%E3%83%BC/
ราคา : ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 3,000 Yen / เด็ก 2,500 Yen

โรงแรม Grand Blissen Jozankei

ได้เวลาพักผ่อนในคืนที่ 2 ของทริปนี้ เราจองพักที่โรงแรม Grand Blissen Jozankei หนึ่งในโรงแรมที่มีวิวสวยอลังการที่สุดของเมือง Jozankei มองเห็นวิวภูเขาหิมะที่ล้อมรอบจากห้องพักสวยงามตระการตาสุดๆ

รวมถึงได้ทานอาหารเย็นที่โรงแรม ซึ่งราคาอาหารเย็นจะรวมอยู่ในแพ็คเกจของห้องพักแล้วด้วย สะดวกสบายสำหรับคนที่มาพักที่นี่ไม่ต้องออกไปหาอาหารทานข้างนอก แถมอาหารของโรงแรมยังรสชาติอร่อยและใช้วัตถุดิบพรีเมียมอีกด้วย

พลาดไม่ได้หากมาพักที่เมือง Jozankei กับการแช่ Onsen ฟินๆ หลังจากผ่านอากาศที่หนาวเย็นมาตลอดทั้งวัน และนี่ก็คือประสบการณ์ครั้งแรกของเราเหมือนกันกับการได้มาแช่ Onsen ที่ญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมใครๆ ต่างก็ชอบมาแช่ Onsen ที่ญี่ปุ่นกัน เพราะมันสบายเนื้อสบายตัวและผ่อนคลายมากจริงๆ บอกลาคืนนี้ได้อย่างมีความสุข

ข้อมูลโรงแรม Grand Blissen Jozankei
ที่อยู่ : 4 Chome-328 Jozankeionsenhigashi, Minami Ward, Sapporo, Hokkaido
Website : https://www.grandblissen.jp/en/

Day3

เข้าสู่วันที่ 3 ในญี่ปุ่น เราตื่นเช้ามาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ โรงแรม ได้สัมผัสกับบรรยากาศในช่วงหิมะตกเป็นครั้งแรกบอกเลยใจฟูมาก วิวรอบๆ โรงแรมก็สวยล้อมรอบไปด้วยภูเขาสีขาว ไม่ผิดหวังเลยสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในทริปนี้ ดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าอย่างเต็มที่ก่อนจะเช็กเอาท์พร้อมเดินทางต่อ

ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Moiwa

ในเช้าวันนี้เรามีแพลนจะเดินทางกลับสู่ Sapporo และได้แวะเที่ยวที่ภูเขา Moiwa ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 531 เมตร เป็นสถานที่ที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 วิวยามค่ำคืนสวยงามของญี่ปุ่น

การเดินทางสู่ยอดเขา Moiwa นั้น มีบริการกระเช้าลอยฟ้าและเคเบิ้ลคาร์ มุ่งตรงสู่ยอดเขาเลย ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น นั่งชมวิวสวยๆ ระหว่างทางไปเพลินๆ ไปนานก็ถึง เป็นรูทท่องเที่ยวที่ทั้งวิวสวยและเดินทางง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

วิวด้านบนเขา Moiwa นั้นถึงแม้เราจะไม่ได้มาที่นี่ในช่วงกลางคืน แต่ก็ได้มาเห็นภาพของเมือง Sapporo จากมุมสูงแบบ 360 องศาเลย อีกทั้งยังมีวิวลานสกีและภูเขาหิมะที่สวยงามให้ได้ชมอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินห้ามพลาดหากมาเที่ยว Hokkaido

การเดินทางมาที่เขา Moiwa :  จากป้ายรถราง Nishi Yon Chome (西4丁目)  หรือ Sushkino Dentei (すすきの電停) นั่งรถรางประมาณ 20 นาที ลงที่ป้าย Ropeway-iriguchi (ロープウェイ入口) มีรถบัส Shuttle ส่งฟรี (ทุก 15 นาที)
ค่าบริการนั่งกระเช้าและเคเบิ้ลคาร์ : 2,100 Yen (เด็กมัธยมต้นขึ้นไป) 1,050 Yen (เด็กประถม)
เวลาทำการ : เมษายน ถึง พฤศจิกายน 10:30-22:00 (รอบสุดท้าย 21:30) / ธันวาคม ถึง มีนาคม 11:00-22:00 (รอบสุดท้าย 21:30)
Website : https://mt-moiwa.jp/

ตลาดปลา Sapporo Jogai Market

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีหนึ่งในสิ่งที่เราตั้งใจจะต้องมาให้ได้เลยก็คือตลาดปลา เราได้มีโอกาสแวะมาทานข้าวที่ตลาดปลา Sapporo Jogai Market หนึ่งในตลาดปลาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของ Hokkaido ที่นี่จะมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของสดวัตถุดิบจากทะเลญี่ปุ่น ได้เดินดูวัตถุดิบที่แปลกใหม่ เปิดโลกมากๆ

อาหารกลางวันของวันนี้เราไปทานที่ร้าน Kitano Gurume Tei ร้านยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ใช้วัตถุดิบจากทะเลเป็นหลักมาเสิร์ฟให้กับทุกคน ในครั้งนี้เราได้ลองเมนูข้าวหน้าปลาดิบ Kaisen-don รวมปลาดิบ 15 อย่างไว้ในจานเดียวกัน ในราคาประมาณ 3,700 Yen ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่ได้ทาน อร่อยฟินแบบจุกๆ เป็นร้านที่ต้องลองสำหรับใครที่อยากจะมาทานซีฟู้ดสดๆ ที่ Hokkaido

Website : https://www.jyogaishijyo.com/%e3%81%8a%e5%ba%97%e3%81%ae%e7%b4%b9%e4%bb%8b/%e5%8c%97%e3%81%ae%e3%82%b0%e3%83%ab%e3%83%a1%e4%ba%ad
เวลาเปิด - ปิด : 7:00-15:00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Nijyuyonken (สาย Tozai) (二十四軒) ทางออกที่ 5 เดินประมาณ 7นาที หรือจากสถานี JR Souen (桑園) ทางออก West เดินประมาณ 9 นาที

Shiroi Koibito Park

เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยมาเที่ยว Hokkaido คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีกับขนม Shiroi Koibito ยี่ห้อ Ishiya Seika ซึ่งถือเป็นขนมยอดฮิตและเป็นของฝากที่คนไทยชื่นชอบ ในทริปนี้เราได้วางแพลนไปเที่ยวที่ Shiroi Koibito Park ซึ่งเป็นโรงงานผลิตขนม Shiroi Koibito ด้วย มาทั้งทีต้องไปดูถึงต้นทางการผลิตกันไปเลย

โดยภายในนอกจากจะเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตขนมแล้ว ยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ และโซนจัดแสดงสินค้าของ Shiroi Koibito ด้วย มีทั้งโซนที่จัดไฟ Illumination รวมไปถึงคาเฟ่น่ารักๆ ด้านใน และที่ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือโซน Workshop ที่เราสามารถลองทำขนม Shiroi Koibito ด้วยตัวเองได้ด้วย ใครที่เป็นสาวกของขนม Shiroi Koibito จะต้องรักที่นี่แน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม Shiroi Koibito Park
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Miyanosawa (宮の沢) (สาย Tozai) เดินประมาณ 7 นาที
เวลาทำการ : 10:00-17:00 น.
ค่าเข้าชม : 800 Yen (นักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป) / 400 Yen (เด็ก 4 ขวบถึงเด็กมัธยมต้น)
ค่า Workshop ทำขนม : 1,200 Yen
Website: https://www.shiroikoibitopark.jp/th/ 

ชอปปิ้งที่ Sapporo Stellar Palace

ใครเป็นสายชอปปิ้งเราแนะนำที่นี่เลยห้าง Sapporo Stellar Palace แหล่งชอปปิ้งที่รวบรวมเอาแบรนด์เสื้อผ้าและ ของฝากเอาไว้มากมาย ให้ทุกคนได้เลือกซื้อของติดไม้ติดมือกันกลับไป รวมไปถึงมีโซนร้านอาหารไว้ให้บริการอีกด้วย ได้ลองมาเดินเล่นห้างของญี่ปุ่นดูก็เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีครับสำหรับมือใหม่หัดเที่ยวแบบเรา  แถมการเดินทางก็ง่าย เพราะห้างนี้อยู่ติดสถานี JR Sapporo นั่นเอง

Website : http://www.stellarplace.net  

Odori Park

ในช่วงเย็นเราไปเที่ยวกันต่อที่สวน Odori Park กลางเมือง Sapporo ซึ่งเป็นสถานที่ไฮไลท์ของเมือง Sapporo ที่ใครต่อใครก็ต้องมาเช็กอินกัน ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถชมวิว TV Tower หนึ่งในแลนด์มาร์คของ Hokkaido ได้อีกด้วย

และในช่วงที่เราไปนั้นโชคดีมากๆ เพราะทางเมือง Sapporo ได้มีการจัดงาน Sapporo White Illumination ขึ้นพอดี เทศกาลประดับไฟท่ามกลางหิมะ ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับย่านใจกลางเมืองให้สวยงามมากขึ้นอย่างทวีคูณเลย เป็นอีกหนึ่งโมเมนท์ที่น่าประทับใจ

ตรอกราเมน

เมนูมื้อเย็นวันนี้ ได้มานอนในเมือง Sapporo แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะไปที่ตรอกราเมน หรือ Ramen Yokocho ย่านของอร่อยอันเลื่องชื่อของเมือง Hokkaido ที่รวบรวมเอาร้านราเมน หลายแบบ หลายรสชาติ หลายร้าน มาอยู่ในตรอกเดียวกัน เป็นย่านขวัญใจของคนที่มาเที่ยว Sapporo เลย

ซึ่งเราได้ลองทานราเมนที่ร้าน Miso-Gin เพราะว่ามีเมนู Miso Ramen & Butter ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของ Hokkaido ให้ได้ลองทาน เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้ลองเหมือนกันกับน้ำซุปราเมนที่ใส่เนยลงมาด้วย บอกเลยว่าครั้งแรกที่ได้ชิมน้ำซุปอร่อยเกินคาด ตัวเนยที่ใส่ผสมมาไม่ได้ทำให้เลี่ยนแบบที่คิด แต่กลับเพิ่มความหอมมันให้กับน้ำซุป ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ พร้อมกับเส้นราเมนนุ่มๆ คือดีงามสุดๆ อยากให้ทุกคนได้มาลองครับ

ข้อมูลร้าน Miso-Gin

เวลาเปิด - ปิด : 11:00-15:00, 17:00-1:00 น. (จันทร์-พฤหัสบดี)
11:00-15:00, 17:00-2:00 น. (ศุกร์)
11:00-2:00 น. (เสาร์)
11:00-24:00 น. (วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
Website : http://misogin.com/

โรงแรม Mitsui Garden Hotel Sapporo

ค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้เราเข้าพักที่โรงแรม Mistui Garden Hotel Sapporo ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากย่าน Susukino แค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น จะออกไปแฮงค์เอาท์ก็ง่ายดาย ด้านในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆ รวมถึงมี Onsen ไว้ให้บริการด้วย เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่ครบเครื่องสำหรับการพักผ่อน

ที่ตั้ง : 6 Chome-18-3 Kita 5 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido
Website : https://www.gardenhotels.co.jp/sapporo/eng/

และทั้งหมดนี้ก็คือทริป Tokyo-Hokkaido ในเวลา 5 วัน 3 คืน ของเรา อาจจะเป็นรีวิวที่ดูยาวไปเสียหน่อยแต่เราอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้รับสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นของเราอย่างละเอียด ความประทับใจที่เกิดขึ้นมันพิสูจน์คำพูดที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นได้เป็นอย่างดี ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่เราหลงรัก ธรรมชาติ อาหาร ผู้คน ศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ ที่เราได้ลองมาสัมผัส ได้กลายเป็นหนึ่งในหน้าหนังสือแห่งความทรงจำของเราไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงอยากจะมาเที่ยวญี่ปุ่น เป็นทริปสั้นๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกแสนนาน

และต้องขอขอบคุณ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.jnto.or.th/readysetgojapan/

[Advertorial] 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook