ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชมใบไม้เปลี่ยนสี และเทศกาลสำคัญ
ใครกำลังวางแผน ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไปสัมผัสกับความสวยงาม ของช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีแดง ไล่สีสวยงาม ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เย็นสบาย พร้อมวิวทิวทัศน์ที่ตระการตาของธรรมชาติ มาดูกันว่าจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วง มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
จุดเด่นของการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น
-
ชมใบไม้เปลี่ยนสีของใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ได้ตามสถานที่ท่องเที่ยว ทั่วประเทศญี่ปุ่น
-
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้อากาศนั้นเย็นสบาย เป็นฤดูที่เหมาะแก่การมาเที่ยวสำหรับสายคู่รัก สุดโรแมนติก
-
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็สามารถเดินทางชมความสวยงามของ ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การเที่ยวช่วงฤดูใบ้ไม้ร่วง ได้เช็คลิสต์นี้
ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ตรงกับช่วงเวลาไหน
ช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนที่ปกติจะให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับความเขียวชอุ่มของธรรมชาติ เปลี่ยนผ่านมาสู่ ฤดูใบไม้ร่วง อากาศในญี่ปุ่นจะเริ่มมีความเย็นลงมากขึ้น เหมาะมากในการทำกิจกรรมนอกบ้าน อาทิ เดินเล่นสวนสาธารณะ ปิกนิก เที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญขึ้นชื่อ เป็นต้น
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในญี่ปุ่น จะตรงกับเดือนกันยายน ตุลาคม และปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้ต้นไม้ทั้งหลายในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง โดยเฉพาะต้นเมเปิ้ล ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้ไปเพลิดเพลินกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีนี้โดยเฉพาะ
เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่ดีที่สุด
ช่วงฤดูของใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นถือเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศที่เหมาะแก่การจัดนิทรรศการต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ในญี่ปุ่น และคุณจะได้สัมผัสกับประเพณีท้องถิ่นมากมาย ตามแต่ละเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะท่องเที่ยวที่เมืองไหน รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเทศการ จุดชมวิว ที่สวยงามมากมายช่วงนี้
1 ในเทศกาลในฤดูใบไม้ร่วงที่พลาดไม่ได้ นั่นก็คือ "เทศกาลนางาซากิคุนจิ" (Nagasaki Kunchi) จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลนี้จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคม จัดขึ้นเป็นเวลาถึง 3 วัน ตั้งเเต่วันที่ 7 ตุลาคม ในเทศกาลนี้คุณจะได้พบกับ อาหารประจำเทศกาลซึ่งได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย การแสดงจากกลุ่มต่างๆ ในนางาซากิ การเต้นระบำญี่ปุ่นพื้นเมืองและการเชิดมังกรตามแบบจีน ซึ่งน่ามาดูด้วยตัวเองมากๆ
วิธีการเดินทาง :
-
จากสถานีนางาซากิ ให้นั่งรถรางไปยังป้ายรถรางสุวะจินจะ แล้วเดินเท้าต่ออีกไม่ไกลก็จะถึงบริเวณศาลเจ้า
มาต่อกันที่เมือง "เกียวโต (Kyoto)"
ในช่วงเวลาช่วงปลายเดือนตุลาคม ชาวเมืองเกียวโต (Kyoto) จะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลจิไดมัตสึริ (Jidai Matsuri) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเทศกาลที่สำคัญของเมือง จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งศาลเจ้าเฮอันจิงงุ โดยในเทศกาลคุณจะได้พบกับ ขบวนแห่เกี้ยวศาลเจ้ามิโกชิ (Mikoshi) ชาวบ้านทุกคนจะใส่ชุดซามูไร ต่อด้วยการแสดงดนตรีพื้นบ้าน ขบวนนี้จะแห่สิ้นสุดที่ ศาลเจ้าเฮอันจิงงุ
วิธีการเดินทาง :
-
คุณสามารถเดินทางมายังเส้นทางที่ขบวนพาเหรดจิไดมัตสึริผ่านได้โดยรถไฟ รถบัส แท็กซี่ หรือเดินเท้าจากสถานีเกียวโต
เทศกาลที่สำคัญในเมืองอื่นๆ รอทุกคนไปเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมของแต่ละเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น งานฤดูใบไม้ร่วงกินซ่า ในโตเกียว และเทศกาลโคมไฟนิฮงมัตสึ (Nihonmatsu) ในฟุกุชิมะ (Fukushima)
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ที่เหมาะแก่การเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง หรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
มหานครโตเกียว
เมื่อใกล้จะสิ้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีเหลืองมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาชม ณ ที่เมืองแห่งนี้ ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบาย ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านหรือปิกนิก ในตัวเมืองเกียวโต ก็มีสวนสาธารณะที่เหมาะแก่การผักผ่อนหย่อนใจมากๆ ใครไปเที่ยวช่วงเวลานี้ ก็ห้ามพลาดที่จะไปพักผ่อนกันที่นี่
ไฮไลท์ที่พลาดไปไม่ได้ กับจุดชมวิวของใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่สุด แห่งเมืองโตเกียว ต้องที่นี่ "สวนนิคุกิเอน" หรือ "สวนพฤกษศาสตร์โคอิชิคาวะ" โดยในกลางคืนตามต้นเมเปิ้ล จะถูกประดับตกแต่งด้วยไฟต่างๆ ทำให้เห็นวิวของใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนเป็นสีแดง และต้นไม้ ใบไม้ที่ร่วงโรยรายตามช่วงฤดู สวยงามมากๆ
วิธีการเดินทาง :
-
สถานีที่อยู่ใกล้สวนริคุกิเอ็นมากที่สุดคือสถานีโคมาโกเมะ (Komagome) ของรถไฟ JR สายยามาโนะเตะ (Yamanote Line) ทางออกทิศใต้ (South Exit) หรือรถไฟโตเกียวเมโทร (Tokyo Metro) สายนัมโบคุ (Namboku Line) ทางออก 2 เดินไปยังประตูหน้าของสวน 7 นาที
-
หรือใช้สถานีเซ็งโกคุ (Sengoku) ของรถไฟโทเอ (Toei) สายมิตะ (Mita Line) เดินประมาณ 10 นาที
Klook recommend:
-
เดินทางเที่ยวเมืองโตเกียวแบบสุดคุ้ม จองเลย ที่นี่
-
Klook Pass โตเกียว จองเลย ที่นี่
-
บัตรโดยสารรถไฟสกายไลเนอร์และรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบคอมโบ จองเลย ที่นี่
เมืองเกียวโต ในภูมิภาคคันไซ
วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทอง (Kinkaku-Ji)
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-Ji) หรือ วัดทอง (Golden Pavilion) เป็นวัดเก่าแก่ที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งเมื่อก่อนสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่พักตากอากาศของ โชกุน โยชิมิสึ แห่งตระกูลอาชิคางะ จากภาพยนต์อนิเมะชื่อดังเรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง การ์ตูนเรื่องโปรดสมัยเราเด็กๆ เลย
สิ่งที่พลาดไม่ได้ของวัดแห่งนี้ คือ การมาท่องเที่ยวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตัวอาคารที่มีสีทองรับกับแสงแดด พร้อมรายล้อมไปด้วยต้นไม้ ที่มีใบไม้แดงอย่างเพอร์เฟกซ์ ยิ่งไปกว่านั้นภาพตัววัดที่สะท้อนลงบนผิวน้ำ ก็ถือเป็นอีกจุดฮิตที่ต้องถ่ายรูปเก็บความประทับใจไว้ ซึ่งที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ. 1994
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/oXKEn8w1GJA2NzyGA
วัดเอคันโดะ (Eikan-do Temple) เมืองเกียวโต
วัดเอคันโดะ (Eikando Temple) หรือ วัดเซ็นรินจิ (Zenrinji Temple) แห่งนี้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกียวโต ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวเกียวโต ต้องแวะที่นี่ให้ได้ เพราะเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามอีกแห่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เวลาทำการ:
-
ตอนกลางวัน: 9:00 – 17:00 น. (เข้าก่อน 16:00 น.)
-
ตอนกลางคืน: 17:30 – 21:00 น. (เข้าก่อน 20:30 น.)
วิธีการเดินทาง :
-
รถไฟใต้ดินสาย Tozai Line เดินประมาณ 15 นาที เดินทางจากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย Karasuma Line มาที่สถานี Karasuma Oike แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Tozai Line มาลงที่สถานี Keage
นอกจากนี้ยังมี สวนโฮโจ (Hojo) ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และจะมีความสวยงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย เพราะทางวัดจะจัดแสดงไฟในตอนกลางคืนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมนั่นเอง
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/z8sXxtqyASWnoRgm7
วัดบิชามอนโด (Bishamon-do Temple) เกียวโต
วัดบิชามอนโด (Bishamon-do Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในแถบยามาชินะ (Yamashina) ของเกียวโต เป็นวัดที่ใช้สักการะ 1 ใน 7 ของ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ คือ เทพเจ้า Bishamonten ทำให้มีผู้คนแวะวเวียนมาไม่ขาดสาย มีความเชื่อที่ว่าถ้าได้มาสักการะหรือขอพรที่นี่ จะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ และครอบครัวมีความสุขปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ
และที่สำคัญที่ วัดบิชามอนโด มีชื่อเสียงในสถานที่เหมาะแก่การมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/myFpG4aGM1GoqbX59
จังหวัดอาโอโมริ ภูมิภาคโทโฮคุ
จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ภูมิภาคโทโฮคุ ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะฮอนชูซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น และจังหวัดอโอโมรินั้นจะเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม โดยจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมทั้งใบไม้ก็จะมีการเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดง เป็นสีเหลือง ทุกคนสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีแดง ที่สวยงามได้ทีนี่
นอกจากนี้ฤดูใบไม้เปลี่ยนสียังเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลอีกด้วย เริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเที่ยวเก็บผลแอปเปิ้ลตามสวนที่อยู่ทั่วเมืองอะโอโมริ ต่อด้วย "อนเซ็นแอปเปิ้ล" ดื่มด่ำไปกับการแช่ในบ่อน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยผลแอปเปิ้ล
สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของจังหวัดอะโอโมริ (Aomori) ได้แก่
-
ลำธารโออิระเซะ (Oirase Stream)
-
ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada)
-
ภูเขาฮักโคดะ (Mt. Hakkoda)
-
สวนสาธารณะฮิโระซะกิ (Hirosaki Park)
-
เทือกเขาชิระคะมิซันจิ (Shirakami-sanchi Mountain Range)
-
อนเซ็นซุคายุ (Sukayu Onsen)
-
ภูเขานากาโนะ โมมิจิ (Nakano Momiji Mountain)
เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) , ฮิโรชิม่า
ท่องเที่ยวที่ "สวนโมมิจิดานิ"เกาะมิยาจิมะ
เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) เกาะนี้ได้รับสมญานามให้เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเกาะมิยาจิมะนั้นแปลตรงตัวว่า เกาะศาลเจ้า ที่นี่มี เสาโทริอิ ตั้งอยู่กลางทะเล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก อีกด้วย เป็นสถานที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ น่าให้มาเที่ยวชมมากๆ เที่ยวชมใบไม้แดง ใบไม้เปลี่ยนสี
แต่สำหรับฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ พลาดไม่ได้ที่จะเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นที่ สวนโมมิจิดานิ (Momijidani) หรือที่หลายคนเรียกว่า หุบเขาเมเปิ้ล หรือ หุบเขาใบไม้แดง เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องถูกใจวิวที่สวยงาม ณ ที่แห่งนี้ แน่นอน
พิกัดที่ตั้ง :https://goo.gl/maps/pYLp2LdK59deyc4n7
โมมิจิ ไคโร (Momiji Kairo) อุโมงค์ใบเมเปิ้ล ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
โมมิจิ ไคโร (Momiji Kairo) อุโมงค์ใบเมเปิ้ล หรือ ทางเดินสายต้นเมเปิล ที่ตั้งอยู่ในบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงของสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้แดงที่สวยที่สุดโรแมนติดแห่งหนึ่ง พร้อมเเบล็กกราวน์ดเป็นภูเขาฟูจิ ทำให้ที่นี่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวสวยงามแบบขั้นสุด! ต้องมาให้ได้
วิธีการเดินทาง : กรุงโตเกียว - ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
-
นั่งรถไฟสาย LTD. Express ที่ สถานี Shinjuku และแวะไปเปลี่ยนสายที่ สถานี Otsuki เพื่อขึ้นรถไฟขบวน Fujikyu Railway ไปยัง สถานี Kawaguchiko
-
สำหรับใครที่จะเดินทางด้วยรถบัส ให้ไปขึ้น Highway Bus ที่วิ่งระหว่างโตเกียว - คาวากูจิโกะ ที่ สถานี Shinjuku Expressway Bus Terminal ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที แนะนำให้ดูตารางเวลาก่อนออกเดินทาง
เมืองนิกโก้ (Nikko)
นิกโก้ (Nikko) ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ภูมิภาคคันโต (Kanto Region) ทางทิศตะวันตกของ ประเทศญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างมาก
และยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศญี่ปุ่น และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 12 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในนิกโก้จะแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนมรดกโลก และ โซนธรรมชาติ
ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Chūzenjiko) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดโทชิกิ ตั้งอยู่ตรงตีนเขาของ ภูเขานันตาอิ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 200,000 ก่อนจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นไม้ทั่วทั้งเขาแห่งนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีสันโทนอบอุ่นสลับกับสีเขียว นักท่องเที่ยวสวนใหญ่จะนิยมไปพายเรือชมวิวที่ทะเลสาบ และท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทาง 25 กิโลเมตรรอบๆ ทะเล
เมืองโอซาก้า
เมืองโอซาก้า เมื่องยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคนไทย และยังเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในภูมิภาคคันไซของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยช่วงที่พีคที่สุดของช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เหมาะแก่การเป็นจุดชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดแห่งนี้ ที่โอซาก้า คือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคมมองไปทางก็จะเห็นแต่ใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสีเหลือง ส้ม แดง สลับกันไปมาสวยงามมาก
ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะจะเป็นจุดชมใบไม้แดง มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
Klook recommend :
-
ทัวร์เดินเที่ยวโอซาก้าครึ่งวันหรือเต็มวันแบบส่วนตัว จองเลย ที่นี่
-
ทัวร์เที่ยวกลางคืนสุดพิเศษในโอซาก้า จองเลย ที่นี่
-
ทัวร์เต็มวันชมปราสาทโอซาก้า, ตลาดคุโรมง, โดทงโบริ และพิพิธภัณฑ์บ้านและความเป็นอยู่ จองเลย ที่นี่
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
จุดชมใบไม้แดง ที่เมืองโอซาก้า ที่ควรมา นั่นก็คือ ปราสาทโอซาก้า จุดแลนด์มาร์คอันดับหนึ่งที่ใครมาที่นี่แล้วไม่มาเช็คอินที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วง ตัวปราสาทที่ว่ายิ่งใหญ่อลังการแล้ว พอมาอยู่ในฉากที่มีต้นแปะก๊วยและเมเปิ้ลสีเหลืองสลับแดงล้อมรอบ ก็ยิ่งดูสวยงามขึ้นไปอีก ถ่ายรูปยังไงก็สวย วิวสวยงามมากๆ
วิธีการเดินทาง :
-
นั่งรถไฟมาลงสถานี Osakajo-koen หรือ สถานี Tanimachi Yonchome แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/TfNUGNFVZurqFkLq8
อุทยานโฮชิดะ (Hoshida Park)
มาต่อกันที่ อุทยานแห่งชาติโฮชิดะ รายล้อมด้วยหุบเขาและป่าอุดมสมบูรณ์ ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ จุดแลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้ นั่นก็คือ "สะพานแขวน โฮชิ โนะ บุรังโกะ" (Hoshi no Buranko) โดยมีความยาวกว่า 280 เมตร สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เมตร ตั้งผ่านหุบเขา ให้เราได้เดินสูดอากาศบริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กับดื่มด่ำความสวยงามของทะเลใบไม้สีส้มแดงรอบๆ แบบ 360 องศา
วิธีการเดินทาง :
-
นั่งรถไฟ Keihan สาย Katanosen มาลงที่สถานี Kisaichi แล้วเดินทะลุเส้นทางเดินป่าเข้ามาอีกประมาณ 40 นาที
-
นั่งรถไฟ JR สาย Gakkentoshisen มาลงที่สถานี Hoshida Station แล้วเดินทะลุเส้นทางเดินป่าเข้ามาอีกประมาณ 70 นาที
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/YXxbywfNS6hCTZq2A
สวนสาธารณะไดเซ็น (Daisen Park)
สวนสาธารณะไดเซ็น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในโอซาก้า ที่เต็มไปด้วยความสำคัญทางประวัติศาสต์ พร้อมรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผนวกกับความสวยงามของการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งสวน คุณจะได้เห็นใบไม้หลากสี สีสันสวยงามมากๆ
วิธีการเดินทาง :
-
นั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Mozu แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
Klook recommend :
-
บัตร JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) จองเลย ที่นี่
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/ctbxUjghaxSJh2z47
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ