เปิด 5 ที่เที่ยวส่งท้ายปี ฮิตสุด ฟินสุด ในเอเชีย

เปิด 5 ที่เที่ยวส่งท้ายปี ฮิตสุด ฟินสุด ในเอเชีย

เปิด 5 ที่เที่ยวส่งท้ายปี ฮิตสุด ฟินสุด ในเอเชีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาเตรียมพร้อมสำหรับทริปสิ้นปีกัน! ใครที่วันลาพร้อมแต่ยังไม่รู้จะใช้เวลาช่วงสิ้นปีไปเที่ยวที่ไหนให้คุ้มค่าที่สุดก่อนรับปี 2024 ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะเราขอแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่เลือกมาแล้วว่าเหมาะกับการเที่ยวส่งท้ายปี 2023 ที่สุด มาเริ่มต้นการผจญภัยสุดหรรษากันได้เลย!

World of Frozen, Hong Kong Disneyland


ลองจินตนาการว่าเราจะได้ต้อนรับปีใหม่ไปกับอันนา เอลซ่า และผองเพื่อนจากโฟรเซ่นที่เมืองเอเรนเดลล์ (Arendelle) ดูสิ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราขอเลือก เวิลด์ ออฟ โฟรเซ่น (World of Frozen) ณ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรก เพราะนี่คือดินแดนธีมโฟรเซ่นแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของโลกที่จะพาทุกคนเดินทางไปยังเอเรนเดลล์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของราชินีอันนา และ เอลซ่านั่นเอง

ออกสำรวจทุกซอกมุมของเมืองเอเรนเดลล์ราวกับกำลังก้าวเข้าสู่เรื่องราวของโฟรเซ่นพร้อมสนุกไปกับแลนด์มาร์กสุดไอคอนนิคอย่าง ภูเขาทางเหนือ (North Mountain) ปราสาทน้ำแข็ง (Ice Palace) หอนาฬิกา (Clock Tower) และเบย์ไซด์ วอร์ฟ (Bayside Wharf) รวมไปถึงวิวอันตราตรึงใจของปราสาทเอเรนเดลล์ (Arendelle Castle)

สัมผัสกับวัฒนธรรม Nordic ไปพร้อมๆ กับเครื่องเล่นแสนสนุกและน่าตื่นตาตื่นใจ อย่าง โฟรเซ่น เอเวอร์ อาฟเตอร์ (Frozen Ever After) ที่จะพาคุณล่องเรือไปยังภูเขาทางเหนือ (North Mountain) และพาคุณไปเยือนปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่า!

พาคุณดำดิ่งไปสู่ความหัศจรรย์ของเวิลด์ ออฟ โฟรเซ่นพร้อมทักทายตัวละครจากโฟรเซ่นที่คุณรัก หรือจะสนุกไปกับเครื่องเล่น แวนเดอริ่ง โอคเค่นส์ สไลดิ้ง สเลส์ (Wandering Oaken’s Sliding Sleighs) ที่จะพาคุณเหาะเหินข้ามเนินเขาและลัดเลาะผ่านถ้ำ แห่งป่าเอเรนเดลล์ (Arendelle Forest)

ใครหิวมาทางนี้ แวะเติมพลังกันที่ โกลเด้น ครอคัส อินน์ (Golden Crocus Inn) ร้านอาหารที่ตั้งชื่อตามดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ ของเมืองที่คัดสรรอาหารตำรับชาวสแกนดิเนเวียมาเสิร์ฟ สายหวานไม่ควรพลาด ต้องแวะไปที่ ร้านขนมหวาน นอร์ทเทิร์น ดีไลท์ (Northern Delights) ที่มีเมนูของกินเล่นและขนมน่ารักๆ เหมาะกับการถ่ายรูปสุดๆ

ห้ามพลาดไฮไลท์ที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ นั่นคือ "Momentous มหัศจรรย์เเสงสีเเห่งราตรี" การแสดงพลุที่ผสมผสานทั้งไพโรเทคนิค พร้อมแอฟเฟค แสงสีเสียงสุดอลังการ พบกับเหล่าตัวละครดิสนีย์ที่คุณรักชวนกันมาโลดแล่นราวมีชีวิตบนตัวปราสาท ด้วยพลังแห่งเอฟเฟกต์ นานาชนิดที่จะปลุกทุกประสาทสัมผัสของคุณ ด้วยการแสดงพลุที่สวยงามชวนตะลึง  นี่แหละการเริ่มต้นปี 2024 ด้วยการเฉลิมฉลองที่น่าหลงใหลในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์!

Taipei 101 

ไต้หวัน จุดหมายปลายทางที่ใครไปเยือนก็ตกหลุมรัก เพราะนอกจากอาหารถูกปากแล้ว อากาศดีๆ ยังทำให้ที่นี่น่าดึงดูดใจขึ้นอีกด้วย แม้จะมีฝนโปรยปรายเกือบทุกเดือนแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนชอบเที่ยวในการสำรวจสถานที่ที่น่าทึ่งนี้ได้ หนึ่งในจุดหมายที่คนอยากมาไต้หวันช่วงสิ้นปีคือการได้มาเห็นการจุดพลุเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ตึกไทเป 101 ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ทำให้ตึกไทเป 101 เป็นเหมือนนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกแห่งในโลก จนติด 1 ใน 10 เมืองของเอเชีย ที่คนอยากมาเคาน์ดาวน์มากที่สุด

การแสดงพลุส่งท้ายปี 2022 ต้อนรับปี 2023 ที่ผ่านมา จัดแบบ 360 องศา มีความยาว 300 วินาที สามารถมองเห็นได้จาก 4 ทิศทางของตัวอาคาร ภายใต้ธีม “ห่วงใยโลก เปล่งประกายแห่งความฝัน” โดยพลุที่ใช้จุดส่วนหนึ่งนำเข้าจากสเปน และอีกส่วนหนึ่งเป็นพลุที่ผลิตในไต้หวัน ผสมผสานกับแสงสีเสียง โดยนำเอาดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มามิกซ์กับดนตรีป๊อป และเสียงร้องของวาฬ

นอกจากการแสดงไฟอันตระการตาแล้ว ทุกปีจะมีจุดสำคัญ 2 จุดคือ หน้าอาคาร  Taipei City Hall มีคอนเสิร์ตและกิจกรรมการแสดงตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงเคาน์ดาวน์ และการแสดงพลุที่ตึกไทเป 101 นอกจากไฮไลท์ที่จะได้เห็นพร้อมกันในวันส่งท้ายปี ตลอดเดือนธันวาคมตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในเมืองไทเป ก็พร้อมใจกันตกแต่งประดับประดาไฟเฉลิมฉลอง พร้อมกิจกรรมสนุกๆ มากมายอีกด้วย

วัดชิออนอิน (Chion-in Temple)

มีใครที่อยากหลบหลีกความวุ่นวายของเทศกาล มองหาความสงบเย็นใจละทิ้งความว้าวุ่นใจช่วงปลายปีมั้ย? แนะนำให้ลัดฟ้าไปปักหมุดที่ ‘เกียวโต’ เหมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากมาย

ชวนหนีไปฮีลใจที่วัดชิออนอิน วัดที่สงบเงียบและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 800 ปี เป็นวัดเอกของนิกายโจโด-ชู หนึ่งในนิกายสุขาวดีของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนิกายที่มีผู้นับถือเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่แสวงบุญที่เต็มไปด้วยศาสนิกชนตลอดทั้งปี

วัดชิออนอิน สร้างขึ้นในยุคสมัยซามุไร เมื่อ ค.ศ. 1234 และได้รับการทำนุบำรุงและอุปถัมภ์โดยตระกูลโชกุนโทกุงาวะ สถาปัตยกรรมและการออกแบบจึงค่อนข้างเรียบง่าย ภายในวัดมีหนึ่งในประตูที่ทำด้วยไม้ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูง 24 เมตร และกว้าง 50 เมตร ใช้กระเบื้องประมาณ 70,000 แผ่นในการมุงหลังคา ประตูวัดขนาดใหญ่สองชั้น ช่วยกำหนดขอบเขตและขนาดของอาคารภายในบริเวณวัดชิออนอินให้เหมาะสม  

นอกจากนี้ยังมีสวนโฮโจที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยงามแห่งชาติ หากขึ้นบันไดทางด้านหลังของสวนจะพบกับสวนซันเท ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของเมืองเกียวโตได้ ปัจจุบันวัดชิออนอินเป็นที่เก็บรักษาสมบัติของชาติหลายรายการ เช่น มิเออิโดและไดโชโร (หอระฆังใหญ่) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งระฆังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ระฆังมีความสูง 3.3 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 70 ตัน เหล่าพระสงฆ์ ได้รับมอบหมายให้ตีระฆังนี้ในวันก่อนขึ้นปีใหม่ ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ปีใหม่แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่ควรพลาดที่นี่เด็ดขาด ปัจจุบัน วัดชิออนอินยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างแรมได้ด้วย

โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower)  

คนมีคู่ที่อยากได้ฟีลซีรีส์เกาหลี ถ้าตัดสินใจบินมาแดนกิมจิแล้วล่ะก็ ต้องห้ามพลาดมาเยือน โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower) หรือ นัมซาน โซล ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานนัมซานพาร์ค อีกหนึ่งสถานที่สุดโรแมนติกที่คู่รักเกาหลีมาใช้เวลาช่วงคริสต์มาสและส่งท้ายปีกันที่นี่ เพราะทุกปี โซลทาวเวอร์ จะประดับไฟบนต้นไม้แห่งความรักที่มีชื่อเสียง กลายเป็นต้นคริสต์มาสที่คิวท์และโรแมนติกสุดๆ อากาศเย็นๆ กิ่งก้านของต้นไม้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะกลายเป็นภาพที่งดงามมากๆ

หรือถ้าจะเข้าไปในตัวอาคารก็โรแมนติกอีกแบบ เนื่องจากตัวอาคารตั้งอยู่บนยอดเขานัมซัง จึงเป็นหอคอยเมืองที่สูงที่สุดติดอันดับ 1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดของโลก สูงจนสามารถมองเห็นวิวเมืองโซลและบริเวณรอบเมืองได้แบบพาโนรามา ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทาวน์เวอร์ที่มีวิวสวยที่สุดในเอเชียอีกด้วย ภายในหอคอยมีร้านอาหารที่สามารถหมุนไปรอบๆ โดยจะครบรอบทุกๆ 48 นาที หรือจะเลือกไปดูดาว ชมละครเวที คล้องกุญแจแห่งความรัก หรือนั่งชิลล์ที่ ร้านกาแฟ Sky Coffee ก็ยังได้   

แนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจะมองเห็นวิวแม่น้ำฮันกังที่ไหลผ่านใจกลางของกรุงโซล รายรอบด้วยตึกรามบ้านช่องที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงทิวเขาบุกฮันซานและเทือกเขาอินวังซาน ในขณะที่ยามค่ำคืน จะได้เห็นกรุงโซลที่ถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟจากอาคารต่างๆ ส่วนบนหอคอยจะเปิดไฟตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงเวลา 23:00 น. ยกเว้นฤดูหนาวจะเปิดไฟถึงเวลา 22:00 น. เท่านั้น

โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City)

จุดหมายสุดท้ายน่าจะตอบโจทย์นักเดินทางที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมของประเทศบ้านพี่เมืองน้องอย่าง ‘เวียดนาม’ ว่ากันว่าเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่เหมาะจะเที่ยวเวียดนามที่สุด โดยเฉพาะ ‘โฮจิมินห์ เพราะเป็นเมืองที่มีการจัดงานฉลองมากมายในช่วงปีใหม่ มีกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ซึ่งเป็นบรรยากาศความสุขและสนุกของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว และด้วยความที่เคยเป็นเมืองอาณานิคมของตะวันตกในอดีต ทำให้โฮจิมินห์มีการฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ผสมผสานวัฒนธรรมได้อย่างมีเอกลักษณ์

อาทิ ‘เหงียนเว้ วอล์คกิ้ง สตรีท’ ศูนย์กลางเพื่อการฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทุกปีจะมีการจัดแสดงแสงสีเสียงสุดอลังการ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน เสียงดนตรีจะดังกระหึ่มและแสงไฟจะสาดส่องไปทั่วทั้งนครแห่งนี้

หรือจะเลือกชมพลุดอกไม้ไฟที่อาคารแลนด์มาร์ก 81 อาคารที่สูงที่สุดในเวียดนาม และสูงเป็นอันดับ 13 ของโลก ห้ามพลาด การแสดงดอกไม้ไฟริมแม่น้ำไซง่อน สัมผัสบรรยากาศสีสันที่สวยงาม ดอกไม้ไฟอันระยิบระยับ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายยามค่ำคืน ส่วนใครที่เลือกไปเคาน์ดาวน์ที่ Ba Na hill สถานที่ที่สวยติดอันดับในเวียดนาม รับรองว่าแทบจะไม่ต่างอะไรกับที่ยุโรปเลย

ไม่ว่าคุณจะเลือกไปที่ไหนใน 5 สถานที่ที่เราแนะนำ รับประกันเลยว่าจะสนุกและมีความสุขส่งท้ายปีอย่างแน่นอน 

[Crafted with Hong Kong Disneyland]

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook