5 ที่เที่ยวไม่เสียเงินค่าเข้า เมื่อเงินในกระเป๋าไปได้แค่หน้าปากซอย!
ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศการเฉลิมฉลองอย่างปีใหม่ หลายคนได้ของขวัญชิ้นโตเป็นวันหยุดยาว (แม้จะหยุดตามปฏิทินก็ตาม) แน่นอนว่าหลายคนก็อยากจะนอนอยู่บ้านพักผ่อนเฉย ๆ หลายคนมุ่งหน้าออกต่างจังหวัด แต่หลายคนที่คาดหวังว่าถนนหนทางในกรุงเทพฯ จะโล่งเดินทางสะดวก ก็เริ่มหาแพลนที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ไปเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ทว่าเมื่อเปิดกระเป๋าสตางค์ส่องดู เงินที่เหลืออยู่กลับไปได้ไกลสุดแค่หน้าปากซอยเท่านั้น! กลายเป็นเรื่องเศร้าฉลองปีใหม่ไปเลย
ในเมื่อมีเศษเงินอยู่ก้นกระเป๋าเพียงน้อยนิด แต่ใจยังอยากไปเที่ยว Tonkit360 จึงมี 5 ที่เที่ยวที่ไม่เสียเงินค่าเข้ามาแนะนำกัน อย่างไรก็ตาม ค่ากินกับค่าเดินทาง ก็ลองคำนวณดูว่าวิธีไหนจะประหยัดที่สุด
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
อาร์ตแกลเลอรีที่เป็นมากกว่าอาร์ตแกลเลอรี การเดินชมงานศิลปะที่นี่จะให้ความรู้สึกเพลิดเพลินใจแบบมินิมอล เดินเข้าไปได้เลยไม่เสียค่าเข้าสักบาท โดดเด่นตั้งแต่สถาปัตยกรรมทรงกระบอกที่สูงถึง 9 ชั้น ทุก ๆ ชั้นมีสิ่งน่าสนใจให้แวะชมตลอดทาง ส่วนห้องนิทรรศการหลักจะอยู่ที่ชั้น 7-9 โดยที่หอศิลป์แห่งนี้คุณสามารถเป็นได้ทั้งศิลปินและผู้เสพงานศิลปะ เพราะนอกจะจัดแสดงแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะระดับนานาชาติที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับศิลปินตัวเล็กตัวน้อยหน้าใหม่ไฟแรงที่อยากแสดงผลงานของตัวเองด้วย ที่นี่จึงจัดเป็นหอศิลปะร่วมสมัย หนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
นับเป็นพิพิธภัณฑ์ไม่กี่แห่งที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี (แต่ถ้าอยากบริจาคเงินอุดหนุนเพื่อทะนุบำรุงสถานที่ดี ๆ แบบนี้ ก็ไม่ขัดศรัทธา) สำหรับความเป็นมาคร่าว ๆ ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็คือเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมความเป็นมาอันเก่าแก่ของชุมชนชาวสยาม-โปรตุเกส ซึ่งมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงปัจจุบัน และเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียนม ประเพณี ภาษา ศาสนา และรากเหง้าของชาวชุมชนกุฎีจีน ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา มีทั้งชาวไทย ชาวจีน มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดสร้างโดยเจ้าของบ้านที่เป็นชาวชุมชนกุฎีจีนดั้งเดิม โดยเป็นเงินทุนส่วนตัว
สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
ช่วงปลายปีที่ลากยาวไปถึงต้นปีหน้าแบบที่เป็นอยู่นี้ เป็นช่วงที่อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไร (แม้แดดจะแรงมากก็ตาม) มีมวลความเย็นและมีลมหนาวพัดผ่าน อากาศแบบนี้อยู่บ้านเฉย ๆ คงเสียดายแย่ ก็ลองออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ เช็กอิน 1 วันที่สวนสาธารณะดูก็ไม่เลว หอบเสื่อกับตะกร้าปิกนิกไปด้วย คือหลายคนอาจจะงงนิดหน่อยว่าไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วมีกิจกรรมอะไรให้ทำ คำตอบก็คือ ไม่ต้องทำอะไร (บ้างก็ได้) เพราะเป้าหมายหลักของการไปปิกนิกที่สวนสาธารณะก็คือการไปหาที่รีแล็กซ์ ใช้ชีวิตชิล ๆ ช้า ๆ ปล่อยใจสบาย ๆ ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมีกิจกรรมอย่างอื่นทำ ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมสำหรับส่งเสริมสุขภาพอยู่เหมือนกัน
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
ถ้ายังติดใจที่เที่ยวสีเขียว มีมุมสงบ ๆ ให้ได้อยู่กับธรรมชาติ อีกสถานที่ที่แนะนำให้ลองไปดูก็คือ ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ที่นี่เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งจัดสร้างโดยสถาบันปลูกป่า ปตท. ตั้งใจพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียวของคนเมือง และเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ป่านิเวศ และปอดแห่งใหม่ให้คนเมือง ด้วยการจำลองป่าขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และแม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเอกชน แต่ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด บอกเลยว่ามีกิจกรรมน่าสนใจให้ทำเพียบ ครอบคลุมความรู้ในทุก ๆ ศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเกษตร, วิทยาศาสตร์, การแพทย์, เทคโนโลยี, ชีวิตและธรรมชาติ ใครที่อยากจะมาเดินเล่นชิล ๆ แต่ได้ความรู้กลับมาด้วยแบบขำ ๆ พร้อมทั้งภาพถ่ายธรรมชาติสวย ๆ ต้องไม่พลาด
ถนนคนเดิน คลองโอ่งอ่าง
เที่ยวช่วงกลางวันมาพอแล้ว หันมาหาสถานที่เที่ยวยามแดดร่มลมตกกันบ้างดีกว่า ขอแนะนำถนนคนเดิน ณ คลองโอ่งอ่าง ที่หลังจากมีการปรับภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่างครั้งใหญ่ ก็ฟื้นชีวิตคลองเก่าตั้งแต่สมัยโบราณให้กลับมาสวยงามจนแทบจำไม่ได้ และสามารถใช้ประโยชน์ในฐานะแลนด์มาร์กยามค่ำคืนแห่งใหม่ของคนกรุงได้เลย ใครอยากจะออกไปแฮงก์เอาต์ชิล ๆ หลังพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วก็ปักหมุดไปเดินเล่นกันเลย มีร้านรวงต่าง ๆ เปิดขายของเพียง แต่ถ้ายังอยากคงคอนเซปต์ที่เที่ยวเข้าฟรี ก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อยเสพบรรยากาศเพลิน ๆ ชมแสงไฟสวย ๆ และถ่ายรูปเล่น ชมการแสดงเปิดหมวก แค่นั้นก็ได้