"ปัญญาคาเฟ่" คาเฟ่ที่อบอุ่นจากความพิเศษ
"ปัญญาคาเฟ่" คาเฟ่สุดพิเศษย่านราชเทวี ที่ที่รวบรวมทุกความพิเศษไว้อย่างกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มจาก บาริสต้าคนพิเศษ โดยน้องๆ บาริสต้าของปัญญาคาเฟ่ คือน้องๆ เด็กพิเศษที่มาจากมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยฯ นั่นเอง
ดร.สมบูรณ์ อาศิรพจน์ ประธานฝ่ายวิชาการมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยฯ ได้เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของปัญญาคาเฟ่ว่า "สังคมปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะดื่มกาแฟเป็นอาหารเช้า การทำอาหารจะสามารถขายได้ทุกวัน ต่างจากที่เราทำเป็นสิ่งของ เมื่อเขาซื้อแล้วเขาก็ไม่มาอีก จึงมองว่าเราน่าจะให้ลูกๆ ของเรามีโอกาสที่จะเข้าสู่สังคมเพื่อที่จะได้เลี้ยงตัวเองได้"
ส่วนเหตุผลที่เลือกทำกาแฟนั้น เป็นเพราะว่าเด็กๆ ของเราชอบไปซื้อน้ำชง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเขียวน้ำแดงมารับประทาน เราก็จับสังเกตว่าเด็กที่ดื่มพวกเครื่องดื่มเหล่านี้ เขาก็คงสนใจว่าเขาจะสามารถทำมันเองได้ไหม เราจึงเริ่มตั้งแต่พวกน้ำชงง่ายๆ ก่อน เพราะว่าเด็กกลุ่มนี้จะเป็นเด็กที่มีความกลัวในสถานการณ์ที่แปลกๆ อย่างเครื่องชงกาแฟมักจะมีเสียงดังหรือเป่าความร้อนออกมา เด็กก็จะไม่กล้าเข้าใกล้ เราก็เริ่มตั้งแต่ว่าอยากจะกินแบบน้ำชงไหมเดี๋ยวครูสอน แล้วก็ตักน้ำแข็งสิลูกตักเอาน้ำแข็งใส่แก้วไม่ต้องเต็ม เรามาดูสิว่าหนูจะกินน้ำแดงโซดาใช่ไหมลูกน้ำแดงหนูต้องใส่แค่นี้โซดาต้องใส่แค่นี้แล้วกวนยังไงเพิ่มยังไง พอหนูใส่เสร็จแล้วหนูใส่ในแก้วหนูต้องกวนในแก้วเพื่อให้ความเย็นในแก้วกับน้ำที่หนูใส่ลงไปมันไปด้วยกัน รู้จักครอบฝา
"ที่สำคัญคือเราต้องดูเรื่องความสะอาด เพราะว่าหลายคนที่มาซื้อบริการด้านเครื่องดื่ม เขาก็อยากที่จะได้เครื่องดื่มที่สะอาดนะคะเราก็เลยเลือกเด็กที่สนใจเรื่องนี้เอาเข้ามาก่อน"
ถามว่าทุกคนมองภาพตรงนี้ดีมากเลยคะ คนพิการก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น สามารถที่จะมีเงินได้ด้วยตัวเอง ผู้ปกครองก็มีความรู้สึกว่าแต่เดิมเคยคิดว่าคนพิการเป็นภาระ ตอนนี้คนพิการกลายเป็นพลังแล้วค่ะ คนพิการสามารถนำเงินเข้ามาช่วยในครอบครัวได้ ครูที่สอนมามีขวัญกำลังใจ ว่าสอนให้ลูกทำอาชีพได้ลูกไปเลี้ยงตัวเองได้แล้ว คนพิการใช่จะไร้ค่าหากเราพัฒนาให้เขาถูกทาง อย่าเห็นว่าลูกพิการแล้วไร้ค่า ลูกคุณสามารถพัฒนาได้ถ้าคุณพยายามส่งเสริมเขาแต่เล็กนะคะ อย่าคิดว่าลูกคนนี้เป็นเด็กพิการแล้วไม่มีคุณค่า เอาลูกไปเปรียบเทียบกับลูกปกติแล้วทำให้รู้สึกว่าแม่ก็หมดกำลังใจ เด็กที่เป็นเด็กพิการก็หมดกำลังใจเหมือนตัวเองไม่มีคุณค่าเลย
คุณแม่ไม่ต้องอายนะคะ เอาลูกเข้ามาสู่สังคมคะ เพราะเมื่อคุณแม่ไม่อยู่แล้วลูกก็ต้องอยู่ในสังคมจริงๆ แล้วคุณจะตายตาหลับถ้าคุณรู้สึกว่าลูกคุณมีที่ยืนในสังคมได้
ไม่มีใครอยากมีลูกพิการไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นคนพิการ ดังนั้นโอกาสที่จะให้กับเขาเหล่านี้ คือการที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมในสังคมชีวิตเราเกิดมา เราเกิดมาครบถ้วนก็จริง แต่เมื่อยามที่เราแก่ตัวลง สมองเราก็จะช้าลงเหมือนกลุ่มเด็กพิการ
"ไม่มีใครอยากจะเป็นภาระกับใครและก็ไม่อยากให้สังคมมองเขาเป็นคนไร้ค่า"
ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษของปัญญาคาเฟ่คือการจัดกิจกรรมแฟนมีตติ้งของศิลปินต่างๆ ภายในร้าน ทำให้บรรดาแฟนคลับของศิลปินที่นอกจากจะได้เครื่องดื่มอร่อยๆแล้ว ยังมีของที่ระลึกสุดพิเศษติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วย
ดร.สมบูรณ์ ได้ขยายความเรื่องนี้ว่า "จุดที่เราเป็นการตลาดก็คือว่าเรารับที่เป็นดารา ดาราที่มาจัดมีตติ้งที่นี่คะ อย่างบางคนเป็นดาราเกาหลีนะคะ หรือดาราไทยบางคนเนี่ยคะก็จะมาใช้สถานที่ตรงนี้คะจัดมีตติ้งก็จะเป็นลูกค้าในการอุดหนุนร้านกาแฟของเรา แล้วเราก็ได้ประชาสัมพันธ์ว่าคนพิการทางด้านสติปัญญาไม่ใช่บุคคลที่น่ากลัว เป็นบุคคลที่เฟรนด์ลี่และพร้อมจะรู้จักกับทุกๆคนนะคะ"
"ในมีตติ้งครั้งหนึ่งก็กำหนดแก้วแล้วเราก็มีสิ่งของจากมีตติ้งเป็นภาพเป็นอะไรอย่างนี้นะคะให้ไป อันนี้ก็เป็นการตลาดของเด็กวัยรุ่นนะคะ จะเห็นว่ามีดาราหลายๆคนที่มาจัดมีตติ้งที่นี่นี่ก็เป็นแผนการตลาดอย่างหนึ่งของเราร้านนี้เราอยู่ติดถนนและอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใช่ไหมคะ ใครที่มามีตติ้งและก็ขึ้นรถไฟฟ้าเดินต่อมาอีกหน่อยก็สามารถที่จะมาร่วมงานตรงนี้"
"ร้านของเราเนี่ย เราใช้คำว่า 'ดื่มอร่อย อิ่มได้บุญ' ได้ดื่มกาแฟด้วย ได้ทำบุญให้กับคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาด้วย"
"ปัญญาคาเฟ่" ตั้งอยู่ ถนนเพชรบุรี 12 หากเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สามารถลงสถานีราชเทวี ทางออก 3 แล้วเดินต่อไปไม่เกิน 300 เมตร