"เสาชิงช้า" ทำไมเป็นสีแดง ตั้งอยู่กรุงเทพฯ แต่เกี่ยวกับจังหวัดแพร่ยังไง
อย่างที่ทราบกันดีว่า เสาชิงช้าสีแดง นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุงเทพฯ เสาชิงช้าสีแดงสดใส เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพมหานครมาช้านาน สร้างขึ้นจากไม้สักกลึงกลมขนาดใหญ่ สูงตระหง่าน 21.15 เมตร ตั้งอยู่บนฐานหินสีขาวอันแข็งแรง โครงสร้างทั้งหมดทาด้วยสีแดงชาดที่โดดเด่นสะดุดตา
เสาชิงช้าไม่ได้เป็นเพียงแค่เสาไม้ธรรมดา แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามที่สะท้อนถึงศิลปะและวัฒนธรรมไทย การแกะสลักลวดลายไทยที่ประณีตบนกระจังและหูช้างไม้ ทำให้เสาชิงช้ามีความงดงามยิ่งขึ้น
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ในอดีตเสาชิงช้าถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมปวาย ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่สำคัญ พิธีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูชาพระอิศวรเทพเจ้า และเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อของคนในสมัยนั้น
เสาชิงช้าที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างยาวนาน ในอดีต เสาชิงช้าเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีตรียัมปวาย ซึ่งเป็นพิธีกรรมสำคัญทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยจะมีการจัดพิธีโล้ชิงช้าเป็นประจำทุกปี แต่ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 7 พิธีดังกล่าวจึงต้องยุติลง
แม้ว่าพิธีโล้ชิงช้าจะไม่ได้จัดขึ้นอีก แต่เสาชิงช้าก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพมหานคร และได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเสาชิงช้าเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2492
เนื่องจากเสาชิงช้าคู่เดิมชำรุดลงตามกาลเวลา จึงได้มีการบูรณะและสร้างเสาชิงช้าคู่ใหม่ขึ้นมาแทน โดยใช้ไม้สักทองคุณภาพดีจากจังหวัดแพร่ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มีความร่วมมือกับจังหวัดแพร่ในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมร่วมกัน พิธีสมโภชน์เสาชิงช้าคู่ใหม่ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 11-13 กันยายน 2550
สำหรับเหตุผลที่เสาชิงช้าเป็นสีแดงนั่นเป็นเพราะว่ากันว่าสีแดงของเสาชิงช้าคือสีแดงแห่งรุ่งอรุณ ซึ่งเป็นข้อมูลมาจากกรมศิลปากร คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ