7 อันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก 2025 จาก Skytrax

Skytrax ได้ประกาศรายชื่อ 7 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ประสบการณ์การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบายและน่าประทับใจ มาดูกันว่า 7 สนามบินที่ดีทีสุดในโลก 2025 ได้รับการจัดอันดับสูงสุดมีที่ไหนบ้าง
7 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก 2025
1. สนามบินชางงี สิงคโปร์ (Changi Airport - SIN)
สนามบินชางงีถือเป็นสนามบินที่สวยงามและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยและมีเอกลักษณ์ เช่น สวนในร่มและน้ำตกที่สูงที่สุดในโลกภายในอาคาร Jewel Changi Airport สิ่งอำนวยความสะดวกของสนามบินนี้มีครบครัน ตั้งแต่ร้านค้า ร้านอาหาร ไปจนถึงโรงภาพยนตร์ สระว่ายน้ำบนดาดฟ้า และสวนผีเสื้อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนระหว่างรอเที่ยวบิน
อีกจุดเด่นที่สำคัญคือระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สนามบินมีป้ายบอกทางชัดเจน พนักงานคอยช่วยเหลือ และบริการ Wi-Fi ฟรีให้ใช้งานตลอดเวลา รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้มผ่าน QR Code เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง
2. สนามบินนานาชาติฮาหมัด กาตาร์ (Hamad International Airport - DOH)
สนามบินฮาหมัดขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือระดับ โดยมีเลานจ์สุดพรีเมียม เช่น Al Mourjan Business Lounge และ Al Safwa First Lounge ที่ให้บริการอาหารระดับภัตตาคาร สปา และห้องพักส่วนตัว
อีกจุดเด่นของสนามบินนี้คือคอลเลกชันงานศิลปะที่กระจายอยู่ทั่วสนามบิน ทั้งงานประติมากรรมถาวรกว่า 20 ชิ้น และนิทรรศการหมุนเวียนที่นำเสนอผลงานของศิลปินระดับโลก นอกจากนี้ สนามบินยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ และเครื่องเช็กอินด้วยตนเองที่ช่วยลดเวลารอคอยของผู้โดยสาร
3. สนามบินนานาชาติโตเกียว ฮาเนดะ (Tokyo International Airport - HND)
สนามบินฮาเนดะเป็นสนามบินที่มีระบบจัดการดีที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น จุดเช็กอินอัตโนมัติ และระบบขนถ่ายสัมภาระที่รวดเร็ว สนามบินแห่งนี้ยังมีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่าง เช่น ออนเซ็น (บ่อน้ำร้อนญี่ปุ่น) ให้ผู้โดยสารได้ผ่อนคลายก่อนเดินทาง
อีกหนึ่งจุดเด่นคือทำเลที่ตั้งของสนามบิน ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงโตเกียวเพียง 14 กิโลเมตร ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้าเมือง
4. สนามบินนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ (Incheon International Airport - ICN)
สนามบินอินชอนได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ด้วยอาคารผู้โดยสารที่กว้างขวาง โปร่งสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Wi-Fi ฟรี จุดชาร์จอุปกรณ์ และพื้นที่นั่งพักที่สะดวกสบาย
สนามบินแห่งนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และเลานจ์ให้บริการ รวมถึงโรงแรมภายในสนามบินสำหรับผู้ที่มีเวลาแวะพักนาน นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากสัมภาระ และระบบขนส่งที่เอื้อต่อการเดินทาง สนามบินอินชอนยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และศูนย์การแพทย์ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
5. สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ฝรั่งเศส (Paris Charles de Gaulle Airport - CDG)
สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในสนามบินที่คึกคักที่สุดในยุโรป โดยได้มีการปรับปรุงและขยายอาคารผู้โดยสารให้ทันสมัยมากขึ้น จุดเด่นของสนามบินนี้คือร้านค้าและร้านอาหารที่หลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด นอกจากนี้ยังมีเลานจ์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารระดับพรีเมียม
สนามบินแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะของฝรั่งเศสอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเดินทางไปยังกรุงปารีสและเมืองใหญ่ในยุโรปได้อย่างสะดวก
6. สนามบินอิสตันบูล ตุรกี (Istanbul Airport - IST)
สนามบินอิสตันบูลเป็นหนึ่งในสนามบินที่ใหม่ที่สุดในโลก โดยเปิดให้บริการในปี 2018 แต่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นสนามบินระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 76.5 ล้านตารางเมตร และรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 200 ล้านคนต่อปี
แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ แต่สนามบินแห่งนี้ถูกออกแบบให้เดินทางได้ง่าย มีป้ายบอกทางที่ชัดเจน และระบบช่วยนำทางอัจฉริยะ อีกหนึ่งจุดเด่นคือบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม พนักงานให้บริการอย่างเป็นมิตรและมืออาชีพ สนามบินยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น โรงแรมภายในสนามบิน มัสยิด และเลานจ์สำหรับนักเดินทางทุกระดับ
7. สนามบินมิวนิก เยอรมนี (Munich Airport - MUC)
สนามบินมิวนิกเป็นสนามบินที่โดดเด่นด้านการออกแบบและเทคโนโลยี ด้วยอาคารผู้โดยสารที่ทันสมัย และระบบเช็กอินอัตโนมัติที่ช่วยลดเวลารอคอย สนามบินแห่งนี้มีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมถึงพื้นที่พักผ่อนที่เหมาะสำหรับทุกวัย เช่น สปา เลานจ์ และโซนสำหรับเด็ก
อีกหนึ่งจุดแข็งของสนามบินมิวนิกคือความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้พลังงานหมุนเวียน ลดขยะ และมีมาตรการประหยัดน้ำ ทำให้เป็นสนามบินแรกของโลกที่ได้รับสถานะ "คาร์บอนเป็นศูนย์"