หลังจากทำการเก็บข้าวของเข้าบ้านพักเรียบร้อย เราก็ได้เดินทางไปยังพิมายค่ะพอก้าวเข้าไปเราก็จะเจอกับไกด์ตัวน้อย ๆ ของเรา ซึ่งก็เป็นเด็กนักเรียนจากพิมายเนี้ยแหล่ะค่ะ คอยต้อนรับให้คำอธิบายเกี่ยวกับการงานพิมายที่จัดขึ้นค่ะ แล้วก็ยังมีคนแก่คนเฒ่า มาผูกข้อไม้ข้อมือ เพื่อรับขวัญพวกเราค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปชมการแสดง มินิไลท์ แอนด์ ซาวด์ ที่ทาง พิมายจัดไว้ให้เราชม ชุดแรกที่นำออกมาแสดงคือ รำบายศรีสู่ขวัญ ค่ะ ซึ่งถ้าเรานั่งมองจากข้างนอกจะได้บรรยากาศเหมือนเราเข้ามาอยู่ในเมืองเขมรหรือว่าเข้ามาอยู่ในเมืองแบบโบราณค่ะ เพราะมีการสาดแสงเข้าไปในตัวปราสาทพิมายทำให้เกิดความสวยงามค่ะ ทำได้เยี่ยมมาก สมกับคำขวัญของ ททท. จริงๆที่ว่า เที่ยวเมืองไทยไม่ ไปไม่รู้ คำนี้ใครยังไม่ได้สัมผัสก็ไม่เป็นไรค่ะแต่ถ้าใครได้มางานนี้แน่นอนคำนี้ จะต้องเข้าไปอยู่ในหัวแบบไม่ต้องแงะออกมาเลยละคะ เวอร์ไปเปล่าคะ อิอิ และในงานนี้ยังมีสินค้า OTOP ให้เราได้เลือกชม เลือกซื้อกันค่ะ
หลังจากดูการแสดง มินิไลท์ แอนด์ ซาวด์ เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านพัก ที่เราได้ทำการจับจองไว้แล้วว่าใครจะนอนบ้านใครคะ หลังจากนั้นก็ทำการเข้านอน อากาศที่โคราช ตอนกลางคืนเหมือนจะไม่หนาวมากค่ะ แต่พอนอนๆ ไปสัก ตีสองตีสาม นี่แทบจะรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียวกับผ้าห่มเลยละคะ
**********************************
เช้าของวันที่ 26 อันสดใสเริ่มขึ้นอีกหนึ่งวันหลังจากได้ทำการอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว แม่บัวก็จัดแจงหากาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ เตรียมไว้ให้ เป็นไงละคะ สบายจริงๆ ใช่ไหม หลังจากทานกาแฟ ยังไม่ทันจะหมดแม่บัวก็บอกว่าให้ไปยกอาหารเช้ามาทาน แม่บัวให้ลูกสาวมาทำไว้ให้ทานคะ เราก็ว่าทำไม ช่วง 06.00 มันมีกลิ่นกระเทียมเจียวลอยมารำไร ไม่งั้นก็ไม่ตื่นหรอก (ตระกะไปเปล่าคะ) ทานข้าวเช้าแล้ว แม่บัวของเราก็กลัวเราจะไม่อิ่มค่ะ ไปหามะพร้าวน้ำหอมมาให้เราอีกสองลูก หามีดมาให้เสร็จสรรพ แล้วบอกว่าทานซะลูก เดี๋ยวจะหิว ไอ้ เราก็นะ ท้องจะแตกแล้วคะ เลยบอกว่าไม่ทานแล้วคะ แม่บัวยังมีการบอกว่า เอาใส่ถุงไปทานบนรถไหมลูก โอ้ๆๆๆ แม่บัวของเราทำไมช่างห่วงใย เราเหลือเกิน เป็นความประทับใจที่ขอบอกว่าจะต้องกลับไปอีกแน่นอนครั้งที่สอง และอาจจะมีครั้งต่อๆ ไปคะ
หลังจากทำอะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็มาขึ้นรถและร่ำราแม่บัวและชาวบ้านปราสา เพื่อออกเดินทางไปชมนกที่แหล่งดูนก ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ค่ะ ถึงที่หมายซะทีมาถึงที่นี่ ได้มีท่านรองผู้ว่าบุรีรัมย์ ท่านศุภกิจ มาต้อนรับเรา และให้ความรู้เกี่ยวกับการชมนก ยังได้ร่วมเดินทางไปกับเราค่ะ ช่วงนี้เห็นท่านวิทยากรบอกว่า นกยังไม่ค่อยเห็นหรอกค่ะ เพราะเราไปสาย เหอะๆๆ แต่ยังไงเราก็ยังได้ดูแหล่ะค่ะ สถานที่ชมนกที่นี่เปิดมานานแล้วค่ะ ซึ่งถ้าใครอยากที่จะดูนก ชมธรรมชาติ ต้องมาที่นี่ค่ะ ได้ดูนก ทั้ง 149 ชนิดที่หาดูได้ยาก แถมที่นี่ยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ อีกด้วยคะ อ้อลืมบอกไปคะ ที่นี่มีเนื้อที่ในการดูนก 3,568 ไร่เชียวนะคะ ใครที่ชอบนก สนใจนก จริงๆ มาได้เลยค่ะที่นี่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯมากนัก ได้ชมนก ดูธรรมชาติ แล้วจะบอกว่าคุ้มค่ากับการเดินทางค่ะ
หลังจากเราชมนก ชมไม้ เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ออกเดินทางไปยังปราสาทหินเมืองต่ำ ที่นี่เองเราได้รับการต้อนรับจากคณะดนตรีพื้นบ้านภาคอีสานตอนใต้ค่ะ มีการแสดงต่างๆ มากมายให้เราได้ชมกัน งานนี้ยังมี การจัด โฮปบาย ละเงี่ย ไว้ต้อนรับเราด้วยค่ะและขอบอกว่างานนี้นะคะ จัดเป็นปีแรกค่ะ สงสัยกันไหมคะว่า คำว่า โฮปบาย ละเงี่ย เนี้ยแปลว่าอะไร จากการสอบถาม พี่รุ่งทิพย์ ที่มากับคณะเรานะคะ ได้คำตอบว่า โฮปบาย ละเงี่ย เนี้ย แปลว่า การเชิญชวนมาทานข้าวเย็นค่ะ เป็นพิธีแบบโบราณค่ะ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาแห่งการย่อยค่ะ เดินชมปราสาทหินเมืองต่ำ ซึ่งมีความสวยงามมาก เป็นอีกที่นึง ซึ่งพวกเราจะต้องอนุรักษ์ เก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานของพวกเราได้มาศึกษาหาความรู้กันคะ และที่นี่เราได้รับเกียติรจากไกด์ซึ่งได้รับรางวัลไกด์ดีเด่นค่ะ หลังจากดูปราสาทเมืองต่ำเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางไปยังที่สุดท้ายของเรา นั่นคือ ปราสาทเขาพนมรุ้งที่ยิ่งใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ.เฉลิมพรเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ที่นี่มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากค่ะ และ มีศิลปกรรมที่น่าสนใจปรากฎอยู่อีกมากมายเลยค่ะ
|