จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง ตอนจบ

จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง ตอนจบ

จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง  ตอนจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หน้าแรกไทยเที่ยวไทย > ท่องเที่ยววันหยุด > จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง : ตอนจบ

จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง  ตอนจบ  วีระ  กิจรัตน์    :   เรื่อง / ภาพ ออนไลน์วันที่ 4  มกราคม  2548 

               เดินทางมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว จากเชียงใหม่สู่ อ.ปาย เริ่มล่องแก่งกันที่บ้านห้วยสันนอก อ.ปางมะผ้า และเมื่อคืนเราก็มานอนพักกันที่แค้มป์กลางป่า หลังจากล่องแก่งมาได้ครึ่งทาง ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการสดชื่นเพราะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ และวันนี้ทุกคนก็นอนหลับพักผ่อนกันอย่างสบายเช่นกัน มองไปสองข้างซึ่งเป็นที่นอนไม้ไผ่แบบง่ายๆ นอนเรียงกันประมาณ 10 คน หลายคนยังคงขดตัวอยู่ในถุงนอน ซึ่งมีมุ้งยาวตลอดความยาวของที่นอนนั่น บางส่วนตื่นขึ้นมารับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้าๆ กับหมอกจางๆ และสิ่งที่เป็นที่สนใจของทุกคนมากก็คือการทักทายลิงน้อยน่ารัก  ซึ่งเป็นลิงที่คนงานเฝ้าแค้มป์พักแห่งนี้นำมาเลี้ยงไว้ มันถูกผูกไว้กับต้นไม้ใกล้กับเรือนนอนนั่นเอง 

ต้องยอมรับความอดทนและขยันขันแข็งของสต๊าฟ ของเรือแต่ละลำมากๆเพราะนอกจากที่เขาจะคอยดูแลเราทุกอย่างตลอดการเดินทางและการพักผ่อนแล้ว ยังต้องรีบตื่นมาเตรียมอาหารเช้าสำหรับลูกทัวร์ทุกคนอีกด้วย นับเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยใจรักอีกงานเช่นกัน และอาหารเช้าพวกเขาเตรียมให้เราวันนี้ก็คือ "ข้าวต้ม" ครับ วันนี้พี่บอย ( เว็บมาสเตอร์ของไทยอินโดไชน่าดอทคอม ) ตื่นขึ้นมาก่อนผมและนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว ข้าวต้มถูกตักไว้รอแล้ว ผมรีบหยิบมาเติมเครื่องปรุงแล้วมานั่งที่โต๊ะรวมกับคนอื่นๆ วันนี้เราจะแบ่งกรุ๊ปการล่องแก่งเป็น 2 กรุ๊ป คือกรุ๊ปชาวต่างชาตินั้นไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก เขาอยากจะออกจากที่นี่สายหน่อย ส่วนกรุ๊ปคนไทย 2 ลำนั้นหลังจากเสร็จการล่องแก่งตอนบ่ายแก่ๆ วันนี้แล้วก็จะออกเดินทางไปที่อื่นๆ ต่อ

 จากการสอบถามแล้วทราบว่าจะไปที่ดอยแม่อูคอ ชมทุ่งดอกบัวตองกันต่อ ส่วนผมและพี่บอย จะต้องไปที่แม่ฮ่องสอน เพื่อเข้าเข้าพักที่ "อิมพีเรียลธารา จังหวัดแม่ฮ่องสอน" เพื่อเที่ยวชมเมืองแม่ฮ่องสอนและจะออกเดินทางไปชมทุ่งดอกบัวตองเช่นกันในวันรุ่งขึ้น เมื่อทำความเข้าใจตรงกันแล้ว ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาซดข้าวต้มกันต่อจนหมดชาม ตามด้วยกล้วยน้ำว้าที่แขวนไว้ที่ขื่ออีกคนละลูกสองลูก ผมแน่ใจว่าข้าวต้มเช้าวันนี้คงจะอยู่ได้ไม่นานนักเพราะว่าจะต้องออกแรงพายเรือกันอีกทั้งวัน

อากาศเมื่อคืนนี้ภายในถุงนอนกำลังเย็นสบายน่านอนมาก แต่ตอนนี้ค่อนข้างจะเย็นไปหน่อยหลังจากตื่นนอนและปรับตัวเข้ากับความเย็นได้สักพัก ที่สำคัญคือเรากำลังจะต้องลงเรือยางเพื่อเดินทางต่อ สต๊าฟบอกว่าเส้นทางหลังจากนี้สายน้ำจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถ้าได้ร่วงน้ำตอนเช้าด้วยล่ะก็รับรองว่าจะต้องตัวสั่นเป็นลูกนกแน่นอน เมื่อสัมภาระถูกขนลงเรื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราลูกเรือ พร้อมพายและหมวกกันน๊อกของแต่ละคน ก็มาพร้อมกันที่สะพานไม้ไผ่เล็กๆที่ใช้เทียบเรือยาง และเริ่มออกเดินทางกันต่อไป...
ออกจากแค้มป์พักได้ประมาณ 1 ชั่วโมงลำน้ำก็พาเรามาบรรจบกับลำน้ำปายซึ่งมองเห็นจากข้างหน้าว่ากระแสน้ำนั้นแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สายน้ำสีขาวใส กระจ่างขึ้นด้วยแสงพระอาทิตย์ยามสาย เสียงน้ำนั้นกระโชกแรงขึ้น ตอนนี้เองที่สต๊าฟเร่งเร้าให้พวกเราตื่นดัวมากขึ้นด้วยคำสั่งที่อาจจะดูดุดันไปสักหน่อยเพราะว่าเกาะแก่งข้างหน้านั้นเริ่มผ่านได้ยากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยากอย่างไร ด้วยความชำนาญของสต๊าฟเหล่านั้นพวกเราก็สามารถผ่านกันไปได้ทุกแก่ง แถมนายท้ายเรือยังพากันแกล้งพวกเราโดยการคัดท้ายให้เรือไปชนก้อนหินที่โผล่อยู่กลางลำน้ำ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้ไม่น้อย ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่กล้าทำอย่างนี้ แต่นี่เป็นปายแอดเว็นเจอร์ซึ่งต้องการให้ลูกทัวร์ประทับใจกลับไปมากกว่า ที่จะกลัวเรือรั่วครับ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวพี่เล็ก ผู้ชายตัวเล็กแต่ใจใหญ่จริงๆครับ
ลำน้ำปายนั้นไหลผ่าน อ.ปางมะผ้า และ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ลำน้ำปายสามารถล่องได้ในช่วงเดือน กรกฏาคม -มกราคม ของทุกปี การล่องจะกินเวลา 2 วัน โดยพักค้างแรมในแค้มป์กลางป่า และพวกเราก็มาสิ้นสุดทริปการล่องแก่งแม่น้ำปายที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ตลอด 2 วัน 1 คืน อันเต็มอิ่มไปด้วยเสียงแห่งธรรมชาติ มิตรภาพ ของปาย แอดเวนเจอร์ และเพื่อนร่วมทริป ทำให้ผมและพี่บอยประทับใจกันสุดๆ และกับ 2 วันที่ผมไม่ได้อาบน้ำเลย ต้องยอมรับครับว่ากลัวความหนาวเย็นจริงๆ และเมื่อมาถึงพวกเราก็ได้อาบน้ำกันที่ห้องน้ำในอุทยานครับ ได้แต่งตัวกันใหม่หลังจากเลอะเทอะมาหลายเพลา ลูกทัวร์ของปายแอดเว็นเจอร์ทั้งหมดนำรถตู้มากันจากกรุงเทพ และนัดให้มารับที่นี่  ส่วนผมกับพี่บอยเรายังจะต้องไปแม่ฮ่องสอนกันต่อโดยมีรถจากปายแอดเว็นเจอร์จะไปส่งให้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว จากอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ไปอำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร กว่าๆ เท่านั้นเอง 

รถของปายแอดเว็นเจอร์มาส่งผมกับพี่บอยที่ โรงแรมอิมพีเรียลธารา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ เที่ยงครึ่ง หลังจากเช็คอินแล้วเราก็ขอตัวนอนพักกันสักครึ่งชั่วโมงก่อน เพราะต่างเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ครับ ประมาณ บ่ายโมงครึ่งรถของทางโรงแรมจะออกไปในตัวเมืองเราจึงขอให้เขาไปส่งที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน และที่นี่เราได้คุยกับคุณอิสเรศ ภู่สาระ (หัวหน้าการศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน) ซึ่งพี่บอยเป็นผู้ติดต่อ ให้ช่วยประสานงานเรื่องการเดินทางของเราในครั้งนี้ด้วย หลังจากแจ้งความประสงค์ในการมาครั้งนี้ให้คุณอิสเรศทราบแล้ว วันพรุ่งนี้คุณอิสเรศจะเป็นคนจัดรถให้พาเราไปยังทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ น้ำตกแม่สุรินทร์ และถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย แต่วันนี้เราจะเที่ยวกันในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนโดยเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ตลาดใกล้ๆกับ สำนักงานศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวนั่นเอง 

ที่แรกที่ผมอยากจะที่สุดในแม่ฮ่องสอนก็คือ พระธาตุดอยกองมู และคิดว่าหลายๆคนก็คงคิดเหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่เข้ามาถึงตัวเมืองก็เห็นพระธาตุอยู่สูงลิบๆโน่นแล้ว ใครช่างสรรหาที่ตั้งพระธาตุได้สะดุดตาจริงๆ และบนพระธาตุก็เป็นจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนที่สวยงามที่สุดอีกด้วย

 เมื่อมองลงมาเห็นทั่วทั้งตัวเมือง ด้านซ้ายมือเป็นสนามบิน มองเห็นหนองจองคำซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดจองคำและวัดจองกลาง อยู่ด้านขวาของตัวเมืองจากมุมนี้ วัดพระธาตุดอยกองมู มีชื่อเรียกแต่เดิมว่าวัดปลายดอน ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนครับ เป็น ปูชนียสถาน คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างโดย"จองต่องสู่" เมื่อ พ.ศ. 2403 ส่วนพระ ธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย "พญาสิงหนาทราชา" เจ้าผู้ครอง แม่ฮ่องสอนคนแรก ปัจจุบันมีถนนลาดยางขึ้น สู่พระธาตุดอยกองมู เป็นระยะทางราว 5 กิโลเมตร วัด นี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษาจะมีการตักบาตร ดาวดึงส์ หรือตักบาตรเทโวด้วยครับ 
วัดจองคำ และวัดจองกลาง  วัดจองคำ ตั้งอยู่บริเวณหนองจองคำ เป็นวัดเก่าแก่ สร้างโดยช่างฝีมือชาวไทยใหญ่ เป็นศิลปะแบบไทย ที่แปลกและ งดงามมาก เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อโต สร้างโดยช่างฝีมือ ชาวพม่า และมีพระพุทธรูป ขนาดใหญ่ จำลองมาจาก พระศรีศากยมุณี วัดสุทัศน์ ประดิษฐานไว้ เป็นพระประธานของวัดครับ วัดจองกลาง ตั้งอยู่ข้างกับวัดจองคำ ภายในวิหารมีแท่นบูชาตั้งพระพุทธสิหิงค์จำลอง ปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ มีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น ตุ๊กตาแกะสลักด้วยไม้เป็นรูปคนและสัตว์เกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก ฝีมือแกะสลักของช่างชาวพม่า ซึ่งนำมาจากพม่าตั้งแต่ พ.ศ. 2400 และบริเวณรอบๆหนองจองคำนี้ยังมีตลาดขายอาหาร และของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวคล้ายกับถนนคนเดินที่เชียงใหม่อีกด้วยครับ แต่เขาบอกว่าต้องเป็นวันเสาร์ และวันอาทิตย์ครับ 
วันรุ่งขึ้นเรามาถึงศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวประมาณ 7 โมงเช้าครับ รถที่คุณอิสเรศจัดไว้ให้เป็นรถคาริเบียน  พร้อมคนขับซึ่งก็เป็นคนพื้นที่และชำนาญทางเป็นอย่างดีครับ จุดหมายแรกที่เราจะไปกันวันนี้คือ ทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ ซึ่งตอนนั้นกำลังบานเต็มที่อยู่ จาก อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ผ่านถนนอันคดเคี้ยวสู่ อ.ขุนยวม ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างทางเข้าถึงดอยแม่อูคอนั้นมีรถขอนักท่องเที่ยวจอดถ่ายรูปกับดอกบัวตองอยู่เป็นระยะ จนถึงตัวดอยแม่อูคอซึ่งทั่วทั้งดอยเต็มไปด้วยสีเหลืองสดใสของดอกบัวตอง 
ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ หลายคนพาครบครัว เพื่อนฝูง มาร่วมกันสัมผัสกับทุ่งดอกบัวตองสักครั้งในชีวิต หลายคนหลงไหลในความงามของดอกบัวตอง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของแต่ละปีเท่านั้นที่จะได้พบเห็น อีกไม่นานดอกบัวตองก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลา หลายคนที่ดั้นด้นมาถึงดอยแม่อูคอแล้วได้เจอแค่ดอกบัวตองเหี่ยวๆ และผิดหวังกลับไป แต่ไม่ต้องเสียใจครับปีหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้ คอยเช็คข้อมูลกับศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้ดีครับ 
น้ำตกแม่สุรินทร์ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ขับรถเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ครับ ทางเข้านั้นเป็นทางลูกรัง ต้องทนฝุ่นเอาหน่อยครับ ความสวยงามของน้ำตกนั้นไม่เสียแรงไปแน่นอน จากจุดชมวิว จะได้เห็นน้ำตกจากทางด้านบน ตระการตามากครับ ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งครับว่า ไม่มีกล้องถ่ายภาพที่ไหนถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีเท่ากับดวงตาของเราหรอกครับ เป็นครั้งแรกครับที่ได้มาถึงน้ำตกแม่สุรินทร์ ซึ่งผมก็เคยเห็นแต่ในภาพถ่าย พอมาเห็นด้วยตาแล้วผมบอกตัวเองเลยว่าสวยกว่าในรูปเสียอีก ความรู้สึกที่ได้มันมากกว่าครับ ยังไงต้องลองมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วหละ และสำหรับการเดินลงไปสัมผัสกับตัวน้ำตกข้างล่างนั้น ต้องใช้เวลาเดินลงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และเวลาเดินกลับอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งกินเวลามากไป ผมเลยไม่ได้ลงไป เพราะจากที่นี่ถึง อ.แม่ลาน้อยที่เป็นจุดหมายต่อไปนั้นกินเวลามาก เราจึงรีบออกจากที่นี่กันก่อน เพื่อมุ่งไปยัง อ.แม่ลาน้อย ที่ตั้งของถ้าแก้วโกมล 
วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล  เดิมเรียกชื่อถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อย ตั้งอยู่บริเวณเขาดอยถ้ำ หมู่ที่ 14 บ้านห้วยมะไฟ ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ล่าน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เดิมเป็นเหมืองแร่ฟลูออไรด์ อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย ถ้ำแก้วโกมลได้ถูกค้นพบโดยวิศวกรเหมืองแร่ ประจำสำนักงานทรัพยากรธรณี จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในถ้ำถูกแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องจะมีชื่อที่คล้องจองกันคือ พระทัยธาร วิมานเมฆ เฉกหิมพานต์ ม่านผาแก้ว เพริดแพร้วมณีบุปผา ถ้ำแก้วโกมลเป็นหนึ่งใน อันซีน II ด้วย จึงมีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมความงานของผลึกแคลไซต์กันมาก การเข้าชมจึงค่อนข้างทำได้ยาก ต้องจัดคิวให้เข้ากับเป็นกลุ่มๆ ภายในถ้ำอากาศจะอบอ้าวเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปเจ้าหน้าที่จะแนะนำเรื่องของการปฏิบัตตัวระหว่างการชมความงามของถ้ำให้ฟัง สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเลยคือห้ามสัมผัสกับผนังถ้ำ เพราะจะทำให้ถ้ำนั้นหยุดการเจริญเติบโต สิ่งที่จะนำติดตัวไปก็คือไฟฉายและกล้องถ่ายภาพ การเดินชมถ้ำนั้นอาจจะต้องเบียดเสียดกันสักหน่อย ช่วงแรกจึงควรเดินชมและฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่อย่างเดียว และขากลับขึ้นมาค่อยถ่ายภาพ จะได้ไม่เกะกะคนที่เดินมาข้างหลัง

 และหลังจากชื่นชมความงานของถ้ำแก้วโกมลซึ่งเป็นที่สุดท้ายในทริปนี้ เราก็ออกจาก อ.แม่ลาน้อย มุ่งสู่ อ.แม่สะเรียงกันประมาณ 5 โมงเย็น ถึง อ.แม่สะเรียงกันประมาณ 6 โมงเย็น รถของศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปส่งเราขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพ 

ตลอดทริปจากเชียงใหม่ถึงแม่สะเรียง ผม วีระ กิจรัตน์ และ พี่บอย ทวีศักดิ์ กาญจนวิวิช ได้รับการอนุเคราะห์จากหลายๆฝ่าย จึงขอขอบพระคุณทุกๆคนที่ให้การช่วยเหลือตลอดเส้นทางเป็นอย่างสูงครับ สิ่งอันใดที่จะเป็นไปเพื่อการเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เราขอนำเสนอเพื่อแทนคำขอบคุณไว้ในโอกาสนี้ครับ

ขอขอบคุณ 

  โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จังหวัด เชียงใหม่    153 ถนน ศรีดอนไชย อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่   โทร. 0-5328-3900  โรงแรมอิมพีเรียล ธารา จังหวัด แม่ฮ่องสอน   149 หมู่ 8 ตำบล ปางหมู อำเภอ เมือง จังหวัด แม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-1021-4  โทรสาร 0-5361-1252  คุณ อิสเรศ ภู่สาระ และ คุณพลอย   ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัด แม่ฮ่องสอน   ถนน ขุนลุมประพาส อำเภอ เมือง จังหวัด แม่ฮ่องสอน   โทร. 0-5361-2982-3  โทรสาร 0-5361-2984   www.travelmaehongson.org   คุณ เล็ก และ คุณ แม้ว   บริษัท Pai Adventure หรือ Northern Green Tour   โทร. 0-5369-9385 , 0-1960-7273    Website :  www.thailandpai.com 

 

          อ่านเรื่องจากตอนที่แล้ว 

จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง ตอนที่ 1 เที่ยววัดดูเวียงที่เชียงใหม่  จากเชียงใหม่สู่แม่สะเรียง ตอนที่ 2  ผจญภัยไปกับ ปายแอดเวนเจอร์

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook