|
กลางป่าริมปาย ภายในแค้มป์กลางป่าเป็นลานโล่งอยู่เหนือริมน้ำ มีเพิงพักปลูกสร้างอย่างง่ายๆ ด้วยไม้ไผ่ แยกส่วนระหว่างโรงครัว และเรือนพักนอนสะอาดเป็นสัดส่วน มีห้องน้ำและลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ความสงบเงียบและเยือกเย็นจากละอองฝนของค่ำคืนทำให้พวกเราได้มานั่งสรวลเสกันอย่างสำราญใจ ถึงเรื่องราวตื่นเต้นในสายน้ำที่พึ่งผ่านไปเมื่อช่วงกลางวัน |
|
นอกจากจะโต๊ะแล้ว ยังมีเพื่อนๆ ชาวมูเซออีกหลายคนที่รับหน้าที่นายท้ายเรือยาง และพ่อครัวฝีมือเด็ดไปด้วยในตัว ซึ่งเพื่อนๆ กลุ่มนี้ล้วนทำงานให้กับ บริษัทปายแอดเวนเจอร์ อันมีพี่เล็กเป็นหัวเรือใหญ่ใจดี พาพวกเราล่องลำน้ำสำรวจแก่งแม่น้ำปายเป็นทริปแรกๆ ของปี |
|
ยี่สิบปีที่ผ่านมา จะโต๊ะ ได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองด้วยการมาเป็น คนถ่อแพ ให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสกับกลิ่นอายบริสุทธิ์ของสายน้ำปาย ที่ไหลพาดผ่านคดเคี้ยวมาจากอำเภอปางมะผ้า ผ่านอำเภอปาย จนไปถึงตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ความคล่องแคล่วอย่างรู้เท่าทันสายน้ำนี้จึงไม่ยากเกินกว่าประสบการณ์ที่จะโต๊ะได้พบผ่านมา ถึงแม้คำพูดบางคำของแก อาจจะทำให้ผมฟังแล้วต้องตีความอีกครั้งท่ามกลางกระแสน้ำรุนแรง ที่เราทุกคนต้องระมัดระวังตัว แต่นั่นก็คือเสน่ห์ให้ชวนหัวเราะทุกครั้งที่แกได้พูดออกมา |
การล่องแก่งกับการเชื่อฟังนายท้ายเป็นเรื่องที่สำคัญ อันจะพาพวกเราทุกคนในเรือฟันฝ่าสายน้ำและแก่งหินตรงหน้าให้รอดพ้นไปได้ นายท้ายคือผู้ออกคำสั่งให้ซ้ายจะพาย หรือขวาจะทวน ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางกระแสน้ำเชี่ยวเวลานั้น ถึงแม้ทุกคนในเรือจะสนุกสนานตื่นเต้นขนาดไหน แต่หูของพวกเรานั้นต่างทำงานตลอด |
|
|
แม่น้ำปายสายนี้มีทัศนียภาพงดงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ ภูมิประเทศที่ยากต่อการเข้าถึงจากมนุษย์ จะโต๊ะ เล่าว่าในสมัยก่อนตลอดเส้นทางของลำน้ำปาย ช่วงอำเภอปางมะผ้า และอำเภอปาย จะมีสัตว์ป่าลงมากินน้ำอยู่มากมาย บ่อยครั้งที่จะโต๊ะ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้พบเห็น ประกอบกับลำน้ำปายนี้มีบางจุดที่มีความต่างระดับ จึงก่อเกิดเป็นแก่งหิน และคลื่นลูกโต ซึ่งเป็นที่มาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ในรูปแบบการล่องแก่ง |
|
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดในช่วงหลายปีก่อนนั้นจะเป็นฝรั่งต่างชาติ ที่เดินทางมาจากเชียงใหม่โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนดินแดนที่ไกลโพ้นห่างไกลความเจริญทั้งปวง และเป็นดินแดนที่มากด้วยอารยธรรมเก่าแก่ของชาวไทยภูเขาหลากหลายชาติพันธ์ ที่สำคัญคือสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็น และภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนอุดมสมบูรณ์สวยงาม |
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆ สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยของเรา ได้ถูกบุกเบิกด้วยชาวต่างชาติผู้มีกำลังทรัพย์ กำลังเวลา และกำลังใจที่หาญกล้า แพ็คกระเป๋าเดินทางเสาะหาสถานที่สงบสวยงามเพื่อการพักผ่อน จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในเป้าหมายของนักเดินทางชาวต่างชาติในยุคบุกเบิก
จากเชียงใหม่ถึงเมืองสามหมอก ด้วยระยะทางที่ยาวไกลจากเมืองท่าเชียงใหม่สู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายเก่าคือ ทางหลวงหมายเลข 108 จากเชียงใหม่ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด แม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม เข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางแล้วก็ประมาณ 349 กิโลเมตร
หรือเส้นทางสายใหม่แต่ใช่ว่าจะใกล้กว่าเดิมนัก คือ ทางหลวงหมายเลข 1095 ที่เริ่มจากเชียงใหม่ ผ่านอำเภอแม่แตง ปาย ปางมะผ้า แล้วเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งรวมระยะทางแล้วประมาณ 245 กิโลเมตร
ทั้งสองเส้นทางนี้ต้องผ่านภูเขาที่สูงชันคดโค้งไปมาน่าเวียนหัว แต่ในระยะหลังเส้นทางที่สองคือ ทางหลวงหมายเลข 1095 ดูจะได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีระยะทางที่สั้นกว่า และผ่านจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งโด่งดังเรื่องทะเลหมอกยามเช้าและอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
|
|
และตัวอำเภอปาย เมืองเล็กๆ แต่น่าอยู่ที่สำคัญเป็นจุดพักครึ่งทางของผู้ที่เดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้พอดิบพอดี และนี่คือต้นกำเนิดของเมืองปาย ที่ถูกนำไปบอกเล่ากันแบบปากต่อปากโดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือน |
|
|
นอกจากอำเภอปายจะเป็นจุดแวะพักของนักเดินทางแบบแบ็คแพ็คเกอร์แล้ว ภายในตัวอำเภอซึ่งเป็นชุมชนเล็ก ยังประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กระจายตัวอยู่โดยรอบ อาทิ โป่งน้ำร้อนท่าปาย ที่ระอุน้ำร้อนจากใต้ดินขึ้นมาน่าพิศวง วัดพระธาตุแม่เย็น จุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพอำเภอปายได้ทั้งหมด |
|
|
หรือจะเป็นวัดน้ำฮู วัดที่ประดิษฐานพระอุ่นเมือง พระคู่บ้านของชาวปายซึ่งสันนิษฐานว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงได้สร้างไว้เมื่อครั้งเสด็จผ่านมา กองแลง หรือ กองแลน มีลักษณะเป็นดินภูเขาที่ทรุดตัวลงตามการเปลี่ยนแปลงของธรณี คล้ายๆ กับบริเวณแพะเมืองผีของจังหวัดแพร่ หรือ ละลุในจังหวัดสระแก้วตามที่เราเคยรู้จักกันดี |
|
|
ความรุนแรงของสายน้ำ แต่ในการเดินทางครั้งนี้ผมเริ่มการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่สู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยรถยนต์ถึงอำเภอปาย พักผ่อนสบายๆ ในที่พักริมแม่น้ำปายหนึ่งคืน และวันรุ่งขึ้นเราล่องเรือยางจากอำเภอปาย เข้าสู่ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน การเดินทางครั้งนี้จึงไม่เหมือนทุกครั้งที่ผมได้สัมผัสมา ถือเป็นการเดินทางที่ครบเครื่องหากนับรวมการเดินทางจากรุงเทพฯ มาจังหวัดเชียงใหม่โดยเครื่องบิน |
ระยะทางการล่องแก่งแม่น้ำปายจากอำเภอปาย โดยมีจุดเริ่มอยู่ที่บ้านเมืองแปง เข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นรวมระยะทางได้ 70 กิโลเมตร ทั่วไปๆ แล้วตามโปรแกรมจะนิยมพักค้างแรมในป่า 1 คืน โดยผู้ประกอบการธุรกิจล่องแก่งในอำเภอปาย จะทำแค้มป์ที่พักแบบง่ายๆ กลมกลืนกับธรรมชาติไว้ในที่สะดวกปลอดภัยริมสายน้ำ การบริการของแต่ละรายจะคล้ายคลึงกัน เพราะเนื่องจากในอำเภอปายนี้จะมีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อการพัฒนาและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งนี้รวมไปถึงมาตรฐานความปลอดภัยและความคุ้มค่าของนักท่องเที่ยวด้วย |
|
|
จะโต๊ะ เล่าว่า แม่น้ำปายมีถิ่นกำเนิดจากทิวเขาแดนลาว และทิวเขาถนนธงชัยทางทิศเหนือในเขตอำเภอปาย แล้วไหลลงสู่ทิศใต้ นั่นก็คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากแค้มป์พักแรมของเรา ซึ่งถือเป็นช่วงกึ่งกลางของเส้นทางที่พวกเราใช้ล่องแก่งเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่สองของการล่องลำน้ำเราจะต้องพบกับระยะทางที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง คือประมาณ 30 กิโลเมตร และตจญภัยกับสายน้ำเชี่ยวกราดมากกว่าวันแรก ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของการเดินทาง |
แม่น้ำของ ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ แต่ฟังดูแล้วตลกดี แม่น้ำของ ของใครล่ะ? ชื่อเขามาแค่นั้นจริงๆ ครับ แม่น้ำของสายนี้สำคัญนัก เพราะหากมองไปถึงที่มานั้น แม่น้ำของไหลมาจาก ถ้ำน้ำลอด ในอำเภอปางมะผ้า และไหลเรื่อยมาระหว่างทางก็จะมีลำธารสายเล็กไหลมาสมทบเพิ่มเติม มาจนถึงจุดบรรจบกับแม่น้ำปาย บริเวณจุดน้ำพุร้อน เมื่อถึงบริเวณนี้สายน้ำสองสายทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว |
|
|
บางจุดเป็นน้ำวนจนเห็นได้ชัด บางจุดปะทะกันเป็นคลื่นสูง (Wave) ตรงนี้แหละครับที่นักท่องเที่ยวชอบกันนักชอบกันหนา จะโต๊ะ บอกพวกเราว่า ไฮไลท์ของการล่องแม่น้ำปาย ก็อยู่ตรงนี้แหละ ในช่วงเวลานั้นผมเองรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น ถึงแม้ประสบการณ์การล่องแก่งจะมีมาหลายต่อหลายแห่งแล้วก็ตาม แต่สายน้ำปายในเวลานี้สร้างความตื่นเต้น และตื่นตระหนกให้กับผมได้ทุกลมหายใจเข้าออกทีเดียว |
สายตาของเราพวกเราทุกคนจับอยู่ที่การเคลื่อนไหวของสายน้ำ ความแรงของน้ำปะทะก้อนหินน้อยใหญ่กลางลำน้ำเป็นคลื่นสูงลูกแล้วลูกเล่า นั่นน่ะหรือที่เราต้องผ่านไป สายฝนเริ่มโปรยลงมาอีกครั้ง ใบหน้าที่ซีดเผือดไร้เหงื่อแต่เต็มไปด้วยเม็ดฝนไหลเป็นทาง พวกเราและเรือยางอีกหลายลำเตรียมความพร้อมอยู่ใต้ต้นไม้ริมสายน้ำ |
|
ความเงียบและเกร็งเข้าปกคลุมทุกๆ คนในเรือ แม้ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนเพื่อเตรียมความพร้อมก็ตาม ผมพยายามจะบอกกับตัวเองดังๆ ว่า ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเราก็ต้องผ่านไปได้เหมือนๆ กับทุกๆ แก่งที่ผ่านมา เรานัดแนะเตรียมความพร้อม จะโต๊ะ ซักซ้อมความเข้าใจ พี่วินัย หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจล่องแก่งในอำเภอปาย พยายามปลอบใจพวกเราด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า ผ่านแก่งนี้ไปก็ถึงแล้ว สาวๆ ร่วมทริปบางคนผู้ไม่เคยล่องแก่งที่ไหนมาก่อน เริ่มมีอาการเงียบงันไม่พูดจา บางครั้งก็พยายามเบือนหน้าหนีเจ้าคลื่นสูงนั่น |
|
เรือลำสีเหลือง บรรทุกฝรั่งต่างชาติ สี่ห้าคนที่ร่วมทริปมากับเรา ออกจากจุดพักไปก่อนพร้อมเสียงตะโกนคำว่า Go Go Go อย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนพายพร้อมกันเป็นจังหวะ กระแสน้ำช่วยให้เรือไหลไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเรือสีเหลืองก็ไปอยู่กลางสายน้ำเชี่ยวนั่น |
เรือลำของผมออกตามพร้อมเสียงของ จะโต๊ะ สั่ง ขวาซ้าย พาย พาย พาย ผมนั่งตรงส่วนหัวเรือพร้อมยัดปลายเท้าเข้ากับลูกบวบ เรือของเราเมื่อเจอคลื่นด้วยแรงน้ำส่งให้เรือทะยานหัวขึ้นสูง แล้วท้องเรือกระแทกลงสู่ผิวน้ำอีกครั้ง ผมพยายามหันไปดูเพื่อนๆ ในเรือด้วยความเป็นห่วง แต่คำสั่งพาย พาย พาย จากชายชาวมูเซอผู้เจนจัดในสายน้ำดังก้องตามมาอีกครั้ง หกฝีพายลูกเรือต่างเร่งทำตามคำสั่งแม้เรี่ยวแรงตอนนี้จะอ่อนล้าก็ตาม |
|
คลื่นลูกแล้วลูกเร่าต่างถาโถมเข้าหน้าเข้าเรือของเรา ผมคงไม่มีภาพช่วงนี้มาฝากกันเพราะนอกจากกระแสน้ำรุนแรงที่เราต้องช่วยกันฝ่าออกไปแล้ว สายฝนยังกระหน่ำลงมาอีกระลอก
ไม่นานเราตามมาเกือบทันเรือฝรั่ง จะโต๊ะ พยายามประวิงเวลาด้วยคำสั่งให้ซ้ายขวา ทวน ๆ เพราะไม่ต้องการให้เรือของพวกเราเขาไปชนเรือฝรั่งเข้ากลางลำ เรือฝรั่งแล่นต่อไปด้วยความเร็วพร้อมๆ กับต้องเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่ตรงหน้า พวกเรามองกันตาค้างกับคลื่นลูกนี้
มันเป็นเหมือนภาพสโลว์ ที่จำติดตาผมเลยทีเดียว เรือสีเหลืองของกลุ่มฝรั่งสี่ห้าคนทยานขึ้นคลื่นสูงลูกนั้น แต่คนในเรือผมไม่แน่ใจว่าจะด้วยความตื่นตระหนก หรือพลาดท่ากันยังไง น้ำหนักของคนทั้งหมดถูกไปรวมอยู่ที่บวบข้างซ้าย ทำให้เรือข้างซ้ายนั้นเอียงมากกว่าที่ทะยานตัดคลื่นต่อไปได้ แล้ววินาทีต่อมาฝรั่งทุกคนต่างก็ไปลอยตุ๊บป่องอยู่รอบๆ เรือ พวกเราพยายามเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนนักท่องเที่ยวด้วยกัน แต่ฝรั่งกลุ่มนี้ทุกคนต่างว่องไว และมีสติ เกาะเรือของตนเองได้ทุกคน โดยมีนายท้ายช่วยเหลือในการดึงตัวขึ้นเรือได้อย่างรวดเร็ว
การล่องแก่งนี้มีคนเคยบอกว่า ถ้าไม่ตกเรือก็ไม่สนุก ผมเห็นจริงกับความเห็นนี้ครับ เพราะผมเองก็เคยมาแล้วเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทด้วย อย่างแรกเลยคืออุปกรณ์ เสื้อชูชีพ หมวกกันน๊อค นี่สำคัญมาก ห้ามถอดเด็ดขาดเมื่อลงเรือ แต่ทั้งนี้ถ้าเรารักษาตัวเองให้อยู่บนเรือยางได้ ไม่ว่าคลื่นกระแสน้ำจะแรงขนาดไหน เราก็จะผ่านพ้นไปได้สบาย (ยกเว้นเรือพลิกคว่ำนะครับ)
|
|
ในที่สุดของที่สุด เราก็ผ่านพ้นความรุนแรงของแม่น้ำปาย และแม่น้ำของ มาได้ด้วยความประทับใจ เพื่อนๆ หลายคนในเรือต่างจับมือ ตบหลังกัน ที่สำคัญพวกเราทุกคนกล่าวขอบคุณ จะโต๊ะ นายท้ายเรือผู้ที่นำพาพวกเรามาส่งถึงจุดสิ้นสุดการล่องแก่งในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
พี่เล็ก แห่งปายแอดเวนเจอร์ จะโต๊ะ และเพื่อนๆ นายท้ายเรือลำอื่นๆ ปล่อยลมออกจากเรือยาง พร้อมพับเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วยกขึ้นรถกระบะบรรทุกย้อนกลับไปสู่อำเภอปาย เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปายแอดเวนเจอร์ และ จะโต๊ะ เสร็จสิ้นภารกิจในการพานักท่องเที่ยวเดินทางฝ่าฟันกระแสน้ำ และพาชมทัศนียภาพงดงาม ของอำเภอปาย อำเภอที่อยู่บนยอดปลายความคิดของหลายๆ คน ที่ต้องการจะเดินทางไปตามความฝันของตนเอง |
|
ผม และ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ยังมีภารกิจต่อในตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เราจึงต้องขอโบกมืออำลาเพื่อนใหม่ที่พบกันในป่าปาย ไว้ ณ ริมสายน้ำปาย สายน้ำที่ท้าทายนักผจญภัยอย่างพวกเรา
"นุ บางบ่อ"
เที่ยวผจญภัย
|