ล่องแก่งล้านนาในแดนว้าเดือด

ล่องแก่งล้านนาในแดนว้าเดือด

ล่องแก่งล้านนาในแดนว้าเดือด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ล่องแก่ง > น้ำว้า > นุ บางบ่อ > นาน

ล่องแก่งล้านนา ในแดนว้าเดือด

15 ตุลาคม 2546

NariTa ...เรื่อง จะเด็ด , เพชร ...ภาพ นุ บางบ่อ ...ไปเที่ยวเล่น และ ผสานงานนิดหน่อย

การล่องแก่งที่น้ำว้าตอนกลาง ที่จังหวัดน่าน เราเคยได้ยินคำร่ำลือถึงความโหดของกระแสน้ำ, การรอนแรมในป่า และความสนุกสนาน กันมาแล้ว เมือต้นเดือนที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเยือนเพราะเพื่อนชวนไป แล้วมีหรือที่ผมจะพลาดการได้ไปสัมผัสน้ำว้า ตามคำร่ำลือ ว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า ?

คืนวันที่ 3 ต.ค 46 (กรุงเทพฯ น่าน) ว่าแล้วเราก็นัดเจอกันกับเพื่อน ๆ ซึ่งมีเด็ด และเพชร ที่หมอชิตกันเวลา 2 ทุ่ม เพราะเราจองตั๋วรถได้ตอน 21.30 น. ซึ่งเป็นรถเสริม เนื่องจากตัดสินใจช้าไปหน่อย ตั๋วเลยหมด เราไม่ได้มาเยือนหมดชิตมาประมาณ 4-5 ปีเห็นจะได้ ในวันนี้ดูเหมือนว่ามีการจัดการดีกว่าแต่ก่อน แต่คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม . พอได้เวลา 21.20 น. ก็เดินไปที่ชานชลาเพื่อขึ้นรถกัน แต่เรากลับหารถกันไม่เจอครับ ก็เลยไปถามนายตั๋ว จึงรู้ว่ารถไม่จอดอยู่ในป้ายเพราะด้วยเป็นรถเสริม ต้องเดินออกไปขึ้น ข้าง ๆ ชานชลาที่เขียนไว้บนตั๋ว (พึ่งรู้เหมือนกันครับว่า รถเสริมไม่จอดในชานชลา เกือบตกรถซะแล้วเรา)

วันที่ 4 ต.ค 46 (สวัสดี เมืองน่าน) รถทัวร์มาถึง จ.น่าน ประมาณ 6 โมงเช้าพอดี ก็พบพี่สงกรานต์ แห่ง www.nantouring.com มารอรับพวกเราอยู่ที่สถานนีขนส่ง จ.น่าน ตั้งแต่เช้าเลย. พูดถึง จ.น่าน น่านเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบมากเมืองหนึ่งเลยแหละ ตามถนนหรือป้ายบอกชื่อทางต่าง ๆ จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวมังกร หรือหัวพญานาค อันนี้ก็ไม่แน่ใจต้องรอถามผู้รู้อีกทีนึง อีกอย่างที่ขึ้นชื่อก็คือ ต้นชมภูภูคา แห่งดอยภูคาครับ

พอเจอกับพี่สงกรานต์ และเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันอีก 3 คนคือ ต็อกแต็ก, ปอน้อย และ ณุ รวมพวกเราด้วยแล้วเป็น 6 คน พี่กรานต์ ก็พาเราขึ้นรถกระบะสุดเท่ห์ ไปยังที่พักผ่อน ระหว่างทางเรา แวะที่ โรงแรมน่านฟ้า (โรงแรมที่มีบรรยากาศคลาสสิคน่าพักที่สุด) เพื่อเจอกับ พี่นุ บางบ่อ และเพื่อน ๆ (พี่อิฐ, พี่หนู, พี่เอี้ยง) ซึ่งมารอเรากันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว (สบาย จิง ๆ ให้เรานั่งรถทัวร์มา ตัวเองขับรถมา)

จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปที่กองบัญชาการของ Crazy Rapids เพื่อที่จะเตรียมตัว และพักทานของว่างกัน ที่นี่เราพบกับผู้ที่จะร่วมเดินทางไปกับเราในครั้งนี้อีก ซึ่งมาจากโรงพยาบาลดำเนินสะดวก และที่อื่นๆ คือ พี่แอ๊ว , พี่นา , พี่เพ็ญ , พี่ทับ , พี่เดช , พี่เล็ก , พี่มณชัย และทีมงาน Staff ที่จะมาเป็นนายท้ายของเราคือ พี่เสือ (หัวหน้า Trip ในครั้งนี้ และเป็นนายท้ายลำของผมด้วย), พี่หลั่น และ พี่น้อย พร้อมกับทีมงานอีก 4-5 คน ที่จะพาเราไปล่องแก่งว้าเดือดในครั้งนี้

และที่นี่ทาง Staff จะแจกถุงกันน้ำพร้อมถุงนอนให้กับพวกเรา และแนะนำเราในการจัดสัมภาระใส่ไปในถุง นั่นคือ เราจะต้องจัดสัมภาระเราใหม่นั่นเอง (อุตสาห์จัดมาจากกรุงเทพแล้วเชียว) นำไปแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ชุดนอน 1 ชุด (ส่วนชุดที่ล่องแก่งเราแต่งไปเลย) และของใช้จำเป็นอื่น ๆ ส่วนเรื่องอาหาร, น้ำ, อาหารว่าง, เต็นท์ ทางทีมงานจะจัดการให้เราเรียบร้อยเลย เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราต้องเดินทางจากจุดนี้ไปอีก ราว ๆ 3 ชั่วโมง (ขึ้น ๆ ลง ๆ เขา) แต่ก่อนจะไปเราก็แวะทานข้าวเช้ากันก่อน กว่าจะเริ่มเดินทางจริง ๆ ก็ราว ๆ 9.30 น. ระหว่างเดินทาง 3 ชั่วโมงหา เกมไปเล่นด้วยก็ดีนะครับ จะได้ไม่ง่วง

ประมาณ 12.00 น. พวกเราก็มาถึงจุดที่เราจะลงแพกันคือ บ้านห้วยล้อม แต่ก่อนที่จะลงแพกันพวกเราก็ทานอาหารที่ทาง Staff จัดไว้ให้ก่อนเป็น ข้าวเหนียว, ไก่ย่าง , แค็ปหมู , น้ำพริกหนุ่ม อร่อยสุดๆ

เรือยางที่เราจะไปล่องกันในคราวนี้มีทั้งหมด 3 ลำ. ก่อนลงเรือทาง Staff ก็จะสอนวิธีการสวมใส่อุปกรณ์ชูชีพต่าง ๆ และอธิบายเทคนิคต่าง ๆ ที่ต้องใช้เช่น วิธีการจับพาย, การปฏิบัติตัวเมื่อตกเรือ การช่วยเหลือเพื่อน การใช้ Throw Bag ช่วยผู้ที่ตกน้ำ และอีกเพียบครับ อันนี้ต้องไปฟังเอาเอง. หลังจากที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ประมาณ 13.30 น. เราเริ่มต้นด้วยการ ลงในแม่น้ำว้าโดยใช้ตัวล่องไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะดูว่าใครกลัวน้ำหรือ ตกใจเมื่อลงไปในน้ำหรือเปล่า เมื่อ ล่องไปได้ประมาณ 500 เมตร เราก็จะเจอเรือพร้อมกับสัมภาระที่ Pack เรียบร้อยแล้วจอดรอเราอยู่

ตอนนี้ ก็ต้องมาปีนขึ้นเรือกันแหละครับ ยากเหมือนกันการขึ้นเรือจากในน้ำเนี่ย เมื่อทุกคน ขึ้นเรือครบทุกคนแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางที่ล่องมาก็จะเจอกับแก่งต่าง ๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่มากมาย ซึ่งลำน้าว้าในเวลานี้ ค่อนข้างที่จะใสทีเดียว ทำให้มีแต่ฟองของน้ำสีขาวทั้งนั้นเลย เวลาที่ผ่านแก่งต่าง ๆ ซึ่ง 2 ข้างทางที่เราล่องผ่านมาก็จะลัดเลาะหุบเขาไปเรื่อย ๆ มีแต่ป่าทึบตลอด 2 ข้างทาง มีผีเสื้อ และนก บินมาทักทายเราเป็นครั้งคราว ระหว่างที่ไม่มีแก่งเราลองหลับตา ก็จะได้ยินแต่เสียงนก และสายน้ำที่ไหลไปเรื่อย เหมือนกับเราได้ปล่อยความสับสนในเมืองกรุงให้ไหลไปกับกระแสน้ำที่เยือกเย็น

ขณะที่พวกเรากำลังเพลินเพลินกับทิวทัศน์ของป่า ก็ได้ยินเสียงน้ำครืน ๆ มาแต่ไกล แสดงว่าแก่งที่เราจะเจอนี่ใหญ่ ๆ แน่ ๆ เลย พี่เสือที่เป็นนายท้ายก็บอกให้เตรียมตัวล็อกขาให้ดี ๆ (แก่งที่ผ่าน ๆ มาไม่เห็นต้องบอกให้ ล็อกขากับแพขนาดนี้เลย สงสัยจะโหดแน่ ๆ เลยแก่งนี้) แก่งที่เราจะเจอนี่เป็น แก่งเสือเต้นสบมาง พวกเราก็ฟังคำสั่งพี่เสือของเรา พายกันอย่างเต็มที่เพื่อที่ฝ่าแก่งออกไปให้ได้ สมแลัวครับที่ชื่อว่าเสือเต้น เล่น เอาพวกเรากระเด็นกระดอนกันเป็นที่สนุกสนานเฮฮา

ชักเริ่มสนุกแล้วสิ พอพายไปได้อีกสักพักก็พบกับ แก่งใหญ่อีกแล้ว ชื่อว่า Hight Jump แค่ชื่อก็รู้แล้วว่ามันต้องสูงแน่ ๆ เลย แล้วก็สูตรเดิมครับ พี่เสือบอกเตรียมตัวให้พร้อมล็อกขาแน่น ๆ เราจะลุยเข้าไปในฟองน้ำขาว ๆ นั่นแหละ ทุกคนก็จ้วงพายกันอย่างเต็ที่เหมือนกัน ลำเราผ่านไปได้อย่างสวยงาม อีก 2 ลำที่เหลือก็เหมือนกัน ลำที่ผ่านมาก่อนก็จะมาคอยลุ้นเรือลำหลังเราว่าจะเป็นยังไงบ้างน้อ

ต่อไปข้างหน้าคือ สบห้วยปึง แก่งนี้ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลย พอหมดแก่งนี้พายเรือตามกระแสน้ำมาเรื่อย ๆ เราก็จะมาถึงที่พักของเรานั่นคือ Camp 1 (ห้วยลอย) ประมาณ 16.00 น. พวกเราจอดเรือทั้ง 3 ลำ เข้าเทียบฝั่งแล้วขนสัมภาระต่าง ๆ ลงจากเรือ ช่วยกันกางเต็นท์ และทำอาหารทานกันแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ พ่อครัวของเราคือพี่เสือนั่นเองครับ ทำอาหารได้อร่อยเลยครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผัดผักกับต้มยำ เราทานข้าวกันแบบบุฟเฟต์ ท่ามกลางหุบเขาที่มีผืนป่าล้อมรอบ และสายน้ำว้าที่ไหลอยู่ข้างๆ บรรยากาศการเดินทางในวันนี้ ทำให้เราอยากจะให้วันเวลาผ่านไปช้า ๆ .

เมื่อทุกคนทานข้าว, และทำธุระต่าง เสร็จแล้ว ก็มานั่งคุยกันท่ามกลางแสงเทียนเป็นที่สนุกสนาน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามเต็นท์เพื่อพักผ่อนเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ ผม และ จะเด็ด ,เพชร, พี่นุ หนีมาผูกเปลนอนกันริมน้ำว้า เราหลับไปพร้อมกับเสียงสายน้ำว้า และ เสียงลมที่พัดเอื่อย ๆ เฮ้อ...มีความสุขจัง แต่ตอนตี 4 เราก็ต้องมานั่งเป็นนกกระจอก เพราะเปลพวกเราถูกฝนกระหน่ำ...เฮ้อ..คืนนี้อดนอนอีกแล้ว...ฮ่าๆๆ

วันที่ 5 ต.ค (อรุณสวัสดิ์....น้ำว้า) 7.00 น. พร้อมกับสายหมอกจาง ๆ บนยอดเขาอากาศในเช้านี้กำลังดีมากเลย มองขึ้นไปทาง Camp ทาง Staff เริ่มก่อไฟทำอาหาร เพื่อน ๆ ที่เหลือก็ช่วยกรองน้ำใส่ขวดเพื่อนำไปดื่มระหว่างทาง และเก็บขยะ รอบ ๆ ที่พัก เพราะทาง Crazy Rapids จะเน้นเรื่องปัญหาขยะโดยจะไม่ทิ้งไว้ที่นี่เลย จะต้องนำออกไปทิ้งข้างนอก ทาง Staff ก็จะจัดการ Pack ของใส่ในเรือ ซึ่งผู้ที่ Pack ต้องมีความชำนาญมาก มิเช่นนั้นอาจทำให้เรือคว่ำได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแก่ง ระหว่างที่รอ ผม และเพื่อนร่วม Trip เดินทาง ก็มาออกกำลังกายกัน ในวันนี้ร่างกายต้องพร้อม เพราะเราจะพายกันทั้งวัน !!!

ก่อนลงเรือพี่เสือก็จะอธิบายการเดินทางคร่าว ๆ ของวันนี้ให้ฟัง หลังจากนั้นเรือทั้ง 3 ลำออกเดินทางจาก Camp 1 ล่องตามลำน้ำว้าไปเพียง 100 เมตร เราก็เจอแก่ง ให้สนุกสนานกันแล้ว ไม่นานเพื่อน ๆ บนเรือทั้ง 3 ลำก็ตัวเปียกกันหมด ระหว่างทางที่พายผ่านมาเราจะพบกับน้ำตกเล็ก ๆ มากมาย พอผ่านแก่ง น้อย ใหญ่ เล่น Wave กันมาได้สักพักก็มาถึง แก่งสบห้วยเดื่อ แก่งนี้เป็นแก่งใหญ่มาก ที่มีระดับความยาก 4 - 5 เลยทีเดียว

พี่เสือ,พี่หลั่น และพี่น้อย คนคัดท้ายเรือทั้ง 3 ลำ จอดเรือเพื่อลงมาดูร่องน้ำกันว่า จะลงช่องไหนดี ส่วนพวกเราก็ลงจากเรือมาตั้งกล้องถ่ายภาพ และ มาดูความรุนแรงของกระแสน้ำ น้ำในตอนที่เรามาแม้ไม่เยอะมากแต่ก็พอทำให้พวกเราเริ่มรู้สึกตื่นเต้นได้เลยทีเดียว หลังจากที่พายลงแก่งมาเราจะต้องพายเรือหนีออกไปทางซ้ายทันที เพราะกระแสน้ำอาจจะพัดเราไปชนกับหินทางด้านขวาได้ พอตกลงกันได้แล้วว่าจะลงทางไหน ทุกคนก็กลับไปบนเรือเตรียมพายเรือกระโจนลงสู่แก่งห้วยเดื่อทันที..

ลำแรกคือลำพี่น้อย ลงมาก่อน ผ่านไปได้อย่างสวยงาม ส่วนลำพี่หลั่นที่ตามลงมากระแสน้ำพัดเรือไปติดหินทางด้านขวาพอได้เสียวกัน ก่อนที่จะพายหนีหลุดอออกมาได้ และลำที่ 3 ก็ผ่านมาได้อย่างสวยงามเหมือนกัน หลังจากลงจากแก่งมาเราก็จะตีพายกัน เพื่อความสะใจว่าเราสามารถผ่านแก่งที่โหด มาได้แล้ว (มาล่องน้ำว้านี่ พวกเราจะได้ตีพายกันหลายรอบมากเนื่องจากแก่งเยอะ มาก )

แก่งใหญ่ที่เราจะเจอข้างหน้าคือ แก่งผีป่า แก่งนี้เป็นแก่งระดับ 4 - 5 ถ้าน้ำเยอะมาก ๆ ต้องลากเรือลง ไม่สามารถพายลงได้. แต่วันนี้น้ำไม่เยอะมากเราสามารถที่จะพายลงได้(ขนาดไม่เยอะยังน่ากลัวเลย) แก่งนี้พี่เสือจอดเรือ ทั้ง 3 ลำเพื่อดูร่องน้ำที่จะล่องลงมา. แก่งผีป่าเป็นแก่งที่น้ำไหลลงมา ถึง 3 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมี Hydro (หลุมน้ำวน) ดักอยู่เยอะมากเราต้องพายแรง ๆ เพื่อให้หลุดจากแก่งนี้ไปให้ได้

เมื่อตกลงกันถึงร่องน้ำที่จะลงได้แล้ว เรือของเราผ่านแก่งนี้มาได้โดยไม่มีใครตกน้ำหรือคว่ำ แต่พอมองกลับมาจากเรือ เพื่อดูเรือที่ตามลงมา จะเห็นว่าเรือที่ลงตามลงมานั้น เรือจะจมลงไปในน้ำเห็นแต่เพื่อน ๆ ที่อยู่บนเรือกำลังช่วยกันพายอย่างหนักเพื่อที่จะให้หลุดจากแก่งผีป่านี้มาให้ได้ แก่งนี้พวกเราผ่านมาได้โดยไม่คว่ำเลย

ต่อไป ในช่วงบ่ายนี้ เราเจอแก่งที่โหด และสนุกอีกหลายแก่ง เช่น แก่งขอน, แก่งครก แก่งครกนี่เป็นลักษณะน้ำที่ต่างระดับกันขนาดที่ว่า เรือลำที่พายอยู่ข้างหน้าเราลงไปมองไม่เป็นเรือ สักพักจะเห็นเรือกระดอนขึ้นมาตามน้ำ เหมือนกับตกหลุมลงไปนั่นเองแล้วหลุดออกไปจากแก่งก็จะเป็น Wave ลูกใหญ่ ๆ ให้เล่นกัน ถัดจากแก่งครกก็จะมาเจอกับ แก่งผาขี้นกหนึ่ง และผาขี้นกสอง สองแก่งนี้ Staff ต้องจอดเรือกันก่อน เพื่อดูร่องน้ำที่จะลงเนื่อง จากทางน้ำเปลี่ยนไปจากอาทิตย์ก่อน แก่งนี้จะเป็นแก่งต่างระดับกันชั้นเดียว แต่ เป็นเหมือนกับโค้งซ้ายทำให้เวลาลงถ้าตั้งลำไม่ดีหรือพายไม่ดี จะถูกน้ำพัดไปกระแทกกับหินทางขวามือ ซึ่งจะทำให้เรือคว่ำได้ ในส่วนของด้านบนของแก่งจะมีน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ มองไปสวยงามมากแต่ก็คู่ไปกับความตื่นเต้น แล้วเรือทั้ง 3 ลำก็ผ่านแก่งนี้มาได้

แก่งที่เป็นสุดยอดของช่วงบ่ายวันนี้ที่พวกเราเจอก็คือ แก่งผารถเมล์ ลักษณะเป็นแก่งต่างระดับที่มีความสูงมาก และมีหิน พร้อมกับ Hydro ดักอยู่ สองฝั่งของลำน้ำเป็นหน้าผาสูง พวกพี่เสือจอดเรือ และเดินลงไปดู พวกเราก็ลงไปดูด้วยเหมือน มันเป็นเหมือนกับแก่งที่น้ำเดือดพล่านอยู่ เนื่องจากฟองน้ำที่เกิดจากน้ำไหลไปกระแทกหิน ทำให้ขาวไปหมดทั่วทั้งผารถเมล์

เราจะต้องพายอย่างหนักเพื่อให้หลุดจาก Hydro และหลบโขดหินให้ได้ กว่าเรือทั้ง 3 ลำจะหลุดมาจากแก่งนี้มาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัยทั้ง 3 ลำ พอผ่านผารถเมล์มาได้ ก็จะถึง แก่งสองแคว (ซึ่งตอนที่เราไปเหลือแควเดียวแล้ว เนื่องจากน้ำป่าพัดเอาเศษดินมาปิดทางน้ำอีกเส้นนึงไว้) แก่งนี้จะมี Wave ให้พวกเราเล่นหลายลูก ก่อนที่เราจะถึงที่พักซึ่งเป็น Camp 2 (ห้วยคู่)

Camp 2 นี้จะอยู่ติดกับน้ำตกสายเล็ก ๆ ซึ่งเราสามารถที่จะอาบน้ำที่น้ำตก หรือลงไปอาบที่น้ำว้าก็ได้ แล้วแต่สะดวก (แต่ส่วนใหญ่อาบน้ำตก เพราะแช่น้ำว้ามาทั้งวันแล้ว) เราและเพื่อน ๆ ลงไปอาบน้ำว้ากัน 4 คน ระหว่างที่อาบน้ำเราก็ไปนั่นเล่นอยู่บนแพ เรารู้สึกเหมือนกับว่าระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมา ทำให้เรามีความผูกพันกับ แพและสายน้ำนี้มากมาย แพลำนี้ และสายน้ำเส้นนี้ พาเราผ่านหุบเขา ป่าไม้ ซึ่งเป็นต้นน้ำเกรด เอ จึงมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติสูงมาก เราได้เรียนรู้อะไรมากมายการพายเรือ การดูร่องน้ำ และอีกหลาย ๆ อย่างที่เราไม่สามารถหาได้ที่ไหน

คืนนี้พวกเราคุยกันดึกกว่าเมื่อคืนก่อน เพราะคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วในการเดินทาง พรุ่งนี้ช่วงบ่าย ๆ เราก็จะขึ้นฝั่งกันแล้ว. ทุกคนนั่งล้อมวงคุยกันที่โต๊ะไม้ไผ่ที่ทำขึ้นมาแบบเรียบง่าย นั่งมองพระจันทร์กัน ทำไมพระจันทร์ที่นี่สวยกว่าที่เราเห็นที่กรุงเทพฯ อีกเน้อ.. พอได้เวลาสัก 4 ทุ่มกว่า ๆ เราก็หนีไปมุดเต็นท์นอน ปล่อยให้พี่ ๆ ที่เหลือนั่งคุยกันต่อไป ส่วนเราไม่ไหวแล้วไปนอนดีกว่า

วันที่ 6 ต.ค. 46 (Bye Bye น้ำว้า) วันนี้พวกเราตื่นกันตั้งแต่เช้ามาสูดอากาศ นั่งดื่มกาแฟ และถ่ายรูปเล่นกันสักพัก ทางพี่เสือก็เรียกให้ไปทานอาหารเช้ากัน เสร็จแล้วก็เก็บของต่าง ๆ Pack ลงถุงกันน้ำ เพื่อเตรียมเดินทางกันต่อ วันนี้พี่เสือไม่ต้องทำอาหารกลางวันไปทาน เพราะเราจะไปถึงปลายทางกันประมาณตอนเที่ยง.

วันนี้เราได้เจอแก่ง ติด ๆ กันหลายแก่ง มี Wave ให้เล่นกันตลอดทาง แก่งใหญ่ ๆ ที่เราเจอในวันนี้ก็จะเป็นแก่งเสือเต้น, แก่งใหม่ แก่งนี้เป็นแก่งที่ใหญ่ และน่าตื่นเต้นมาเพราะ น้ำจะลดระดับลงมาหลายชั้น มี Hydro และ Wave เต็มแก่งไปหมด และพอหลุดออกมาต้องพายเรือหลบหินที่ขวางทางอยู่ข้างหน้าอีก แก่งนี้ ๆ ตอนที่เรือลำแรกลงมาโดนคลื่นกระแทกเรือทำให้ Throw Bag กระเด็นหลุดตกน้ำไป แต่โชคดีที่ เรือไม่คว่ำ ส่วนเรือลำที่สอง และสามก็ติดอยู่ใน Hydro แต่ก็ช่วยกันพายจนหลุดออกมาได้ เล่นเอาเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย

ส่วนแก่งถัด ๆ มาก็จะเป็น แก่งสร้อย แก่งนี้เป็นแก่งรูปตัว S เราต้องบังคับเรือให้เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายตลอด จึงจะหลุดออกมาได้ ถัดมาอีกก็จะเป็น แก่งยาว แก่งนี้จะมี Wave สูง มาก ๆ ถ้าเข้าไม่ดีอาจคว่ำเรือได้เหมือนกัน พอหลุดจากแก่งยาวมาได้ ก็โดดน้ำเล่นพักผ่อนกัน เราจะปล่อยให้กระแสน้ำพาเราไปที่ แก่งสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้คือ แก่งวังลุน แก่งนี้เป็นแก่งเล็ก ธรรมดาที่ไม่อันตราย เราจะใช้วิธี ลอยตัวผ่านแก่งนี้ไป โดยนอนหงายแล้วเหยียดขาไปข้างหน้า(วิธีเดียวกับการลอยตัวเมื่อตกเรือ) แก่งนี้เราต่อตัวกันเป็นรถไฟยาว ๆ แล้วลอยตัวผ่านแก่งนี้ไป เรากินน้ำไป 2-3 อึก เนื่องจากมัวแต่หันไปมองเพื่อน ๆ เล่นกัน

บนฝั่งก็เจอกับพี่ตุ๊กแห่ง Crazy Rapids เตรียมรถและของว่าง เพื่อมารอรับพวกเรากลับเข้าเมืองน่าน. และขนสัมภาระขึ้นรถไถ เพื่อเข้าไปที่ อ.แม่จริม ก็ราว ๆ 11.30 น. การเดินทางโดยรถไถใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็จะถึงที่ อ.แม่จริม ระหว่างทางที่นั่งรถไถขึ้นลงเขาไปเรื่อย ๆ จะสังเกตเห็นลำน้ำว้าทอดตัวผ่านหุบเขาต่อไปเรื่อย ๆ (Bye Bye น้ำว้า เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน)

หลังจากที่นั่งรถไถขึ้นลงเขามาสักพักก็ มาแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ที่แม่จริม ก่อนที่เราจะเปลี่ยนจากรถไถเป็นรถ 6 ล้อ เพื่อกลับเข้าสู่ตัวเมืองน่าน กลับเข้าสู่กองบัญชาการของ Crazy Rapids พอทุกคนอาบน้ำเสร็จหมดแล้ว พี่กรานต์ และ พี่ตุ๊ก ก็พาขับรถไป เที่ยววัดพระธาตุแช่แห้ง แล้วประมาณ 17.00 น. ก็กลับมาทานอาหารเย็นแบบขันโตก ในบรรยากาศแบบล้านนา ก่อนที่จะพาพวกเราไปส่งขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯกัน ระหว่างทางกลับบ้าน ผมยังหลับตาเห็นภาพความสนุกของสามวันที่ผ่านมา ในป่าเมืองน่าน ล้านนา ว้าเดือด.. ผมจะจดจำมันไปอีกนานแสนนาน

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณสงกรานตร์  จาก Nantouring.Com  โทร. 0 5475 0939 , 0 1961 - 7711

 

ทุกภาพมันส์ๆ สามารถคลิกขยาย เพื่อชมภาพใหญ่ได้เลยครับ
ขอขอบคุณ

คุณตุ๊ก จาก Crazy Rapids  Nantouring.Com โทร. 0 5475 0939 , 0 1961 - 7711 คุณสงกรานต์ , คุณคมสัน , พี่เสือ และพี่ๆ Staff ทุกคน เพื่อนๆ ชาว Hyperventure.Com และเพื่อนๆ ร่วมทริปทุกคน ที่ทำให้ทริปนี้มีชีวิตชีวา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook