ภูสอยดาว (ตอนจบ)

ภูสอยดาว (ตอนจบ)

ภูสอยดาว (ตอนจบ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 หยาดฝน ลานสน บนภูสูง (ตอนจบ) 25 กรกฏาคม 2546

นุ บางบ่อ , นายบี ... เรื่อง นุ บางบ่อ , นายบี ... ภาพ

สายลมและหมอกหนาเดินทางมาถึงลานสนก่อนความเหน็บหนาว วันนี้พวกเราเดินสำรวจลานสนกันทีละจุดเป็นวงรอบ และเลยเข้าไปหาสัญญาณในเขตลาว

รุ่งอรุณบนยอดภู 5 ก.ค. 46 เมื่อคืนพระพิรุณแสดงอิทธิฤทธิ์ทั้งคืน ผมนอนฝันอยู่หลายเรื่องจนกว่าจะถึงเวลาเช้า คงเกิดจากความอ่อนล้าจากการเดินมาทั้งวัน เช้าหนี้สายหมอกหนาปกคลุมทั่วลานสน ผมมองออกไปได้ไม่ไกลนัก นายก๊อตเริ่มก่อไปเพื่อหุงข้าวอีกครั้ง นายบีเตรียมทำกับข้าว ผมพอจะเดาออกว่าวันนี้พ่อครัวใหญ่มีเมนูเด็ดอะไร

อย่างแรกก็คือ ต้มมาม่า อุ่นหมูทอดที่เหลือจากเมื่อวาน และก็ต้มน้ำเพื่อนำมาผสมกับ Campermill อาหารสำเร็จรูปของนักเดินทาง โธ่เสียชื่อพ่อครัวใหญ่หมด...อาหารพื้นๆ ทั้งนั้นเลย และ หลังจากนั้นผมก็ต้องกลายเป็นคนก่อไฟ เพื่อชดใช้กรรม ที่ปากเสียแต่เช้า

นายบีหัวเราะรับอย่างอารมณ์ดี ก่อนสบถตามมาว่า แล้วจะกินมะ...? ตกลงทริปนี้เราทั้งสามได้ปะทังชีวิตจากฝีมือพ่อครัวใหญ่ด้วยเมนูซ้ำๆ ซากๆ อย่างนี้ตลอดรายการ อ้อ...ยังมีน้ำพริกตาแดงมาเพิ่มรสชาติด้วยอีกอย่าง ถึงแม้จะอยู่บนยอดภูอย่างน้อยในมื้อแรกๆ เราก็ได้กินต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง กันแหละ ฝีมือใช้ได้เลยนะ ต้มน้ำร้อนผสม Campermill เนี่ย ผมกวนต่อ แล้วก็รีบก้มหน้ากินๆ ต่อไป ก่อนที่จะหมดโอกาส

บนลานสนมีอะไร เนื้อที่ 2 ตร.กม. ของลานสน หากเป็นวันที่ฟ้าเปิด อากาศแจ่มใสก็สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ได้ถนัดชัดเจน หลังมื้อเช้าผ่านไปอากาศเริ่มสดใสขึ้น เราเตรียมตัวออกเดินสำรวจโดยได้วางแผนการเดินเป็นวงรอบ เริ่มจากทิศตะวันออก ต่อไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก ซึ่งมีลักษณะการเดินแบบทวนเข็มนาฬิกา

วันนี้ผมเปลี่ยนรองเท้าเป็นร้องเท้าเดินไพร ซึ่งสามารถเป็นรองเท้ากันทากไปในตัว มีซิปเปิดด้านหน้า และเชือกสำหรับผูกรัดน่องอยู่ด้านบน คล้ายกับรองเท้าบูทแต่มีน้ำหนักเบากว่ามาก เหมาะที่จะใช้เดินป่าหน้าฝน ผมใช้มาสองภูแล้ว (ภูกระดึง ภูสอยดาว) เดินป่าสบายใจเรื่องทากขึ้นเยอะครับ หากเพื่อนๆ สนใจลองโทรไปสอบถามได้ตามที่ผมลงขอบคุณอยู่ด้านล่างได้เลยครับ

จากบ้านพักเจ้าหน้าที่เราเดินออกทางหลังบ้าน บนพื้นที่เปียกแฉะเราข้ามลำห้วยเล็กๆ ที่เป็นต้นน้ำพาย ก่อนที่จะไหลไปรวมกับลำน้ำปาด สิ่งแรกที่เราได้พบและสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราก็คือ

ศาลเพียงตา เป็นศาลไม้เก่าๆ พอจะคาดเดาได้ว่าสร้างมานานหลายปีแล้ว ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนที่รายรอบ ในกาศที่หนาวเย็น ประจันหน้าผมอยู่ตรงหน้าขณะนี้ ทำให้ขนลุกขึ้นได้ไม่ยาก ภายหลังจากการเดินสำรวจผมจึงทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า ศาลเพียงตานี้ สร้างขึ้นตามความเชื่อดั้งเดิมที่สร้างไว้เพื่อเป็นที่อยู่ของวิญญาณผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลัง หรือญาติมิตรได้ระลึกถึง
ณ ที่แห่งนี้ ลานสน เคยมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้างประจำของกรมป่าไม้ ชื่อ แสงเดือน ถึงแม้จะมีตำแหน่งเพียงน้อยนิด แต่คุณแสงเดือน ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็งเสมอมา และเป็นเพื่อนที่รักของของนักท่องเที่ยวที่ได้พบปะพูดคุย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณแสงเดือน ได้ป่วยลงอย่างกระทันหัน และต้องทำการผ่าตัดสมอง หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงได้ไม่ถึง 7 วัน คุณแสงเดือน ฝืนสภาพร่างกายที่กำลังต้องการพักผ่อน เดินขึ้นภูสอยดาวแห่งนี้ ประกอบกับช่วงนั้นสภาพอากาศหนาวจัด ผู้ป่วยที่พึ่งผ่าตัดสมองมาหมาดๆ จึงเกิดอากาศช็อก และเสียชีวิตลงบนลานสน ลานที่คุณแสงเดือน รักและห่วงใย เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดลง ราวกับเป็นการไว้อาลัย หากเพื่อนๆ ได้มีโอกาสขึ้นไป อย่าลืมแวะรำลึกถึงดวงวิญญาณ ของผู้บุกเบิกป่าภูสอยดาวแห่งนี้ด้วย
จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น - ยอดดอยที่อยู่ในฝั่งลาว ถัดจากศาลเพียงตา มาทางทิศตะวันออก มีเนินที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า และป่าสน ทางเดินเล็กๆ เป็นร่องแหวกไปในพงหญ้า เช้านี้อากาศชื้น เมฆหมอกลอยสูงเพียงยอดไม้ มองไกลออกไปอีกทางตะวันออก เป็นภูสูง และนั่นคือ จุดสูงสุดของภูสอยดาว ซึ่งมีความสูง 2,102 ม. ตั้งอยู่ในเขตของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ผมไม่อยากจะคิดถึงการเดินต่อเพื่อพิชิตจุดสูงสุดนี้ เพราะเป็นไปได้ยากมากนอกจากสภาพที่สูงชันแล้ว ยังตั้งอยู่ในเขตลาวอีก การอนุญาตเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย บริเวณตรงกลางภู ผมเห็นสายน้ำที่ตกลงมาเป็นสายยาว เป็นน้ำตกที่งดงามยิ่งใหญ่ ยังคงไว้ซึ่งปริศนา ไม่มีใครเคยเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่บอกกับผมว่า "เป็นน้ำตกที่ไม่มีชื่อ หรือ บางคนเรียกว่าน้ำตกนิรนาม"
เมื่อหลายปีก่อนคงยังจำได้ถึงเรื่องราวการสู้รบ เพื่อยืนยันเขตแดนที่เป็นปัญหาการถือสิทธิการเป็นเจ้าของ บ้านร่มเกล้า ตลอดยาวขึ้นมาจนถึงภูสอยดาวที่เงียบสงบ มวลหมู่ดอกไม้ที่งดงามมิวายต้องขวัญหายด้วยเสียงปืน และควันไฟ ปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยบังเกอร์ และหลุมหลบภัยที่มีอยู่หลายหลุมในบริเวณรอบๆ ลานสน ในสมัยนั้นคงเกิดเรื่องราวหลายอย่างขึ้นที่นี่
หลักเขตแดน - สัญญาณโทรศัพท์ อยู่ถัดมาจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศเหนือ เป็นหลักเขตแดนแบ่งเขตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีลักษณะคล้ายหลักกิโลตามทางหลวง แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า มีอักษรของทั้งสองประเทศเขียนบอกเขตชัดเจน
จากหลักเขตหากใครเดินเข้าไปในเขตลาวสัก 20 30 ม. (ระวังทหารลาวจะจับด้วยนะ) บริเวณนั้นจะมีสัญญาณโทรศัพท์ประมาณ 1 2 ขีด เป็นสัญญาณของระบบ Gsm บนลานสนเท่าที่ผมลองเดินหาดูก็เห็นมีบริเวณนี้แหละที่มีสัญญาณ หากเพื่อนๆ จะใช้โทรศัพท์ก็ควรชาร์จแบตฯ ไปจากข้างล่างให้เต็มเสียก่อน เพราะข้างบนไม่มีไฟฟ้าครับ
น้ำตกมอส จุดต่อไปที่เราเดินผ่าน คือลานจอดเครื่องบินฮอลิคอปเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำไว้เพื่อใช้ในการส่งเสบียง หรือภาระกิจที่เร่งด่วน ถัดไปอีกประมาณ 100 เมตร จะเป็นจุดที่ลงไปสู่น้ำตกมอส น้ำตกมอส เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การเดินทางไปชมต้องทำเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศก่อน และในการเดินทางต้องเดินผ่านป่าทึบถึงสองช่วง เป็นน้ำตกที่อยู่ในหุบเขา จากปัญหาดังกล่าว เราทั้งสามจึงไม่ได้เดินทางไป
จุดสูงสุดบนลานสน เป็นจุดที่สูงที่สุดบนลานสน โดยมีความสูง 1,640 ม. จากระดับน้ำทะเล มีลักษณะเป็นแหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ มีที่นั่งชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ หากใครจะใช้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกก็ได้งดงามไม่แพ้กัน
จุดชมพระอาทิตย์ตก อยู่ถัดมาจากจุดสูงสุดบนลานสน เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งรอคอยชมแสงสุดท้ายของวัน ที่กำลังค่อยๆ เคลื่อนเลือนหายไปหลังสันเขา สำหรับในฤดูหนาวแล้ว การชมพระอาทิตย์ตกที่ภูสอยดาวนี้ งดงามไม่แพ้ที่ภูกระดึงเหมือนกัน
น้ำตกสายทิพย์ เป็นธารน้ำตกที่อยู่บนลานสน ในฤดูฝนและหนาวจะมีพืชจำพวกมอสปกคลุมก้อนหินกระจายไปทั่วบริเวณ เป็นสายธารที่ใสสะอาด เพราะเนื่องจากเป็นลำธารต้นน้ำ หากสังเกตุจะเห็นต้นเมเปิลขึ้นอยู่ระหว่างทางลง ธรรมชาติโดยรวมยังคงความสมบูรณ์ ให้ความชุ่มชื้นได้เกือบตลอดปี เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม

พันธุ์ไม้บนลานสน เรื่องพันธุ์ไม้นั้น นายบี จะมีความถนัดมากกว่าผม การเดินสำรวจในครั้งนี้นายบี จะสนใจเรื่องพันธุ์ไม้เป็นพิเศษ งานนี้ผมต้องขอให้นายบี ช่วยเขียนมาให้ความรู้เพิ่มเติม ลองอ่านดูนะครับมีประโยชน์มากทีเดียว

เที่ยวภูชมพันธุ์ไม้ ณ. อุทยานภูสอยดาว

นายบี...เรื่อง นายบี...ภาพ

ยามที่พิรุณโรยโปรยมา เป็นเวลาเริ่มของการเปิดอุทยานภูสอยดาว ที่ตั้งอยู่ในอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประมาณ 150,000 ไร่ ติดพรมแดนไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยอดภูสอยดาวมีระดับความสูงประมาณ 2,100 เมตร ส่วนลานสนสามใบมีระดับความสูง 1,633 เมตร เส้นทางเดินขึ้นภูเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มากมายของป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างชื้น ที่นี่คุณจะได้สัมผัสไอดิน ไอหมอก ละอองฝน และลมหนาว ครบทุกรสชาติ

ลานสนสามใบภูสอยดาว ลานสนสามใบภูสอยดาว บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นหงอนนาคที่ขึ้นอยู่ทั่วไป นอกจากดอกหงอนนาคแล้วบริเวณลานสนยังมี ต้นกระดุมเงิน และดอกไม้อีกหลายชนิดรวมทั้งเห็ดชนิดต่างๆ ขึ้นปะปนกันอยู่เป็นธรรมชาติที่น่าชมมาก แถมรอบๆ บริเวณยังมองเห็นทิวเขาสลับซ้อนกันเป็นชั้นงดงามยิ่ง

ทุ่งดอกหงอนนาค สนสามใบภูสอยดาว พร่างพราวดอกหงอนนาค ม่วงชมพูดูสวยงาม เบ่งบานกลางพงไพร

ดอกหงอนนาคพืชคลุมดินที่ขึ้นอยู่ทั่วไปบนลานสนสามใบ ดอกของต้นหงอนนาคจะเริ่มบานในช่วงหน้าฝนถึงต้นหน้าหนาว ระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึงเดือนธันวาคม ด้วยความสวยงามของช่อดอกสีชมพูอมม่วง เมื่อเวลาบานพร้อมกันจะทำให้ลานสนเป็นสีม่วงทั้งลาน

รองเท้านารีอินทนนท์ พันธุ์กล้วยไม้ที่ดึงดูดผู้คนให้ต้องมาชมคือ กล้วยไม้ดินที่ชื่อ รองเท้านารี สำหรับภูสอยดาวรองเท้านารีที่พบมากที่สุดคือ รองเท้านารีอินทนนท์ หรือ ชื่อพื้นเมืองว่า รองเท้านารีคอลาย ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Paphiopedilum villosum เป็นพันธุ์กล้วยไม้ที่พบเมื่อ พ.ศ. 2396 มีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณแถบที่มีอากาศชื้นและอุณหภูมิต่ำ เช่น ดอยอินทนนท์ ภูกระดึง และภูเขาสูงทางภาคเหนือ ลักษณะของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีใบสีเขียวสม่ำเสมอทั้งใบ ไม่มีลาย โคนใบส่วนใกล้กับเหง้ามีจุดสีม่วงประปราย และค่อยๆ จางหายตรงส่วนปลายใบ ใบยาวบางและอ่อน เป็นรองเท้านารีที่มีเกสรตัวผู้ต่างจากชนิดอื่นคือ เกสรตัวผู้จับตัวรวมเป็นก้อนแข็งค่อนข้างใส มีสีเหลืองไม่เป็นยางเหนียว

เอื้องแซะ พิศพรรณรุกชาติที่เชิงผา ดาษดาดอกดวงพวงผล เห็นกล้วยไม้ใกล้ทางเสด็จดล ดอกโรยร่วงหล่นบนทราย (พระราชนิพนธ์ในรัชการที่ 2)

เป็นกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ทั่วไปบนภู เอื้องแซะ เรียกอีกอย่างว่า เอื้องแซะหอม หรือ เอื้องแซะหลวง หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Dendrobium scabrilingue Lindl. สมัยก่อนเคยใช้เป็นเครื่องบรรณาการ ระหว่างแม่ฮ่องสอน กับ เมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อผู้ครองนคร และยังเป็นกล้วยไม้ที่มีอาถรรพ์สำหรับสาวเมืองเหนือ เอื้องแซะจะออกดอก ช่วงพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์

ปุด ปุด หรือ จะปูจะซา เป็นต้นไม้ตระกูลขิง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Achasma macrocheilos Griff ลำต้นมีเหง้าอยู่ใต้ดิน ต้นสูง 1.5-3 เมตร จากพื้นดิน ใบคล้ายใบกล้วย ปลายแคบเป็นติ่งแหลม โคนมนหลังใบมีสีน้ำตาลก้านใบยาว และโคนก้านใบจะแผ่ออกเป็นกาบหุ้มลำต้น ดอกจะแทงขึ้นมาจากเหง้า ออกดอกในช่วงฤดูฝน พบมากตามป่าดิบชื้นทั่วทุกภาค หน่อ และดอกอ่อนใช้ต้มกินได้
เห็ดนานาชนิด เนื่องจากพื้นที่ของป่าส่วนใหญ่มีความชุ่มชื้น และอับทึบ จึงมีเห็ดหลากชนิดให้เราได้เห็นทั่วไปตลอดเส้นทางที่เดินขึ้นภู แม้แต่บนภูเองก็มีขึ้นทั่วไป เห็ดจัดอันดับเป็นพืชชั้นต่ำจำพวกเดียวกับรา ไม่มีสารสีเขียวสำหรับสังเคราะห์อาหารด้วยแสง ไม่มีใบ ดอก ผล และเมล็ดเหมือนกับพืชทั่วๆ ไป

อาศัยการย่อยสลายซากอื่นๆตามพื้นที่ป่า พืชชนิดนี้มีลำต้นเล็กๆ ที่โผล่พ้นพื้นดินเพื่อชูดอกที่มีลักษณะคล้ายร่ม หรือ หมวก มีสีสันมากมาย

หากไร้เห็ดราย่อยสลาย ซากความตายในโลกคงดาษดื่น จงรักษาสมดุลให้ยั่งยืน จักช่วยคืนคุณค่าสู่ฝืนดิน

("โถแก้ว" อสท. ตุลาคม 41)

ต้นเข้าพรรษา ต้นเข้าพรรษา หรือ หงส์เหิร หรือ พะเด็งโง (ภาษาพม่า) เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย ชื่อ Specie (winitti) ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พระยาวินิจวนันดร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Globba winitii เป็นต้นไม้ในวงศ์ขิงข่า (Family Zingiberaceae) จัดอยู่ในสกุล Globba มีอยู่ด้วยกันประมาณ 70 ชนิด เป็นไม้ที่มีเหง้าอยู่ใต้ดินออกดอกในช่วงต้นหน้าฝน พอสิ้นฤดูฝนก็จะทิ้งใบหมด เหลือแต่เหง้าอยู่ใต้ดิน เพื่อรองอกใหม่ในฤดูฝนปีต่อไป ดอกของต้นเข้าพรรษาที่พบเห็นทั่วไปมี2สี คือสีขาวดังรูปและสีชมพูออกม่วง เหตุที่มันมีชื่อเข้าพรรษาเพราะดอกจะออกและบานในช่วงเข้าพรรษาของทุกปี ในอดีตดอกเข้าพรรษาเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในการใส่บาตร ในเทศกาลทำบุญตักบาตรดอกไม้ของจังหวัดสระบุรีด้วยนะ

หยิบยกกลอนนี้มาฝาก อยากจะได้สักต้นหวังยลโฉม เพื่อน้าวโน้มหัวใจใกล้พรรษา น้อมนำจิตพิศธรรมย้ำอีกครา ได้เวลาจำศีลถิ่นแดนธรรม

(แต่งโดย : กุหลาบเวียงพิงค์)

งามเจ้า "เข้าพรรษา" เหลืองระย้าเวลานี้ ดุจหงส์ทรงลาลี เริ่มพรรษาคราสู่ธรรม.

(แต่งโดย : ดอกสารภี)

ต้นช้างร้อง Neesia เป็นไม้ที่อยู่ในจำพวกหมามุ่ย เมื่อโดนแล้วจะปวดแสบปวดร้อน เจ็บๆ ปวดๆ เป็นที่สุด พิษของมันเกิดจากขนตามใบ และลำต้น หากสัมผัสกับผิวกาย ขนนั้นจะเกาะติดกับผิว หลังจากนั้นมันเกิดปฏิกิริยากับผิวเราทำให้มีอาการอย่างที่ว่า

วิธีรักษา ห้ามเก่าหรือขยี้ เด็ดขาดเพราะจะทำให้ขนพิษฝัง ควรใช้มีดขูดบนผิวตามแนวขน เพื่อให้ขนมันหลุดออกมา อย่าขูดย้อนเพราะจะทำให้ขนพิษยิ่งเข้าลึก หลังจากนั้นก็ให้ใช้คารามาย หรือ ยาหม่องทา มันไม่หายปวดแต่ก็ช่วยบรรเทาได้นิดหน่อย แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเวลาจะช่วยให้หายไปเอง แต่นานหน่อย

นอกจากดอกไม้และพันธุ์ไม้ที่กล่าวมา ที่อุทยานภูสอยดาวยังมีพันธุ์ไม้ป่าอื่นๆ อีกมากมายให้ได้ศึกษา และเลือกชม อาทิ กล้วยป่า ไผ่หก ต้นไผ่ที่มีลำปล้องใหญ่ที่สุดในบรรดาไผ่ทุกชนิด ขนุนดินที่มีมากมายตามทางเดิน

บทส่งท้าย ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่า เขียนมาได้ยังไงตั้งยาวเหยียดขนาดนี้ ปกติแล้วแต่ละเรื่องที่เขียนก็ไม่เคยยืดยาว อาจเป็นเพราะความประทับใจในการเดินทาง และธรรมชาติรอบข้างที่ได้พบเจอ เมื่อปีที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกของการเปิดภูกระดึง ผม ลุงจิ๊บ และบอยสบาย ก็เดินขึ้นๆ ลงๆ กันอยู่หลายรอบไม่รู้จักเบื่อทั้งที่เห็นเหนื่อยกับเส้นทาง มาวันนี้ภูสอยดาวเราก็ขึ้นเปิดเส้นทางเป็นทีมแรกของปีอีกเช่นกัน ผมประทับใจกับธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์พึ่งผลิบานเมื่อยามรับฝน มันเป็นความบริสุทธิ์ที่ยากอธิบาย

ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากจะอธิบายภาพที่เห็นให้เป็นตัวอักษร แต่มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน ท้ายนี้ผมขอเพียงว่า หากเพื่อนๆ มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวชมกัน ก็ขอให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด ไม่มีอะไรมากและไม่ยากเกินกว่าที่เราจะปฏิบัติได้หรอกครับ หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเราไปคุยกันต่อที่ Post ท้ายเรื่องนี้กันดีกว่าครับ

นุ บางบ่อ

ขอขอบคุณ ส.ต.อ. ยินดี มั่นใหญ่ (นายดี) ส.ต.อ. ชาญชัย จิตตเมตากุล (นายก๊อต) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ทุกท่าน รองเท้าเดินไพร (รองเท้ากันทาก) โทร. 0-1682-1615 , 0-1809-8928 Campermill อาหารสำเร็จรูปของนักเดินทาง กล้องดิจิตอล Canon

ข้อมูลเพิ่มเติม อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ 149,375 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอบ้านโคก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี 2537 ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย - ลาว มียอดภูสอยดาวสูงที่สุด 2,102 เมตร จากระดับทะเล สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุม เป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้าและป่าสน เช่น ป่าสนสามใบ อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีดอกไม้ป่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ดอกหงอนนาค ดอกไม้ดินต่างๆ ขึ้นอยู่กลางป่าสน ติดต่อ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110 โทร.0-5541-9234-5

ทุ่งดอกหงอนนาค หากนักท่องเที่ยวอยากดูดอกไม้สีสวยๆ และความงดงามบนลานสน โดยเฉพาะทุ่งดอกหงอนนาค ควรไปในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม ช่วงนั้นดอกไม้จะบานสะพรั่งงดงามเต็มลานสน (ช่วงนี้ก็เริ่มขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากเท่าไหร่)

การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว จากจังหวัดพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าสู่ อ.นครไทย และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1143 มุ่งหน้าสู่ อ.ชาติตระการ จาก อ.ชาติตระการต้องขับรถต่อไป อุทยานฯ ภูสอยดาว อีก 70 กม. เส้นทางจะคดโค้ง บางช่วงจะสูงชัน ณ ที่ทำการอุทยานฯ จะมีบริการรับฝากรถ

รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ ใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทพิษณุโลกยานยนต์ รถออกชั่วโมงละ 1 คัน เที่ยวสุดท้ายออกเวลา 22.00 น. ค่ารถ 232 บาท เมื่อถึงศูนย์รถ บขส. จ.พิษณุโลกแล้ว ต้องต่อรถไปยัง อ.ชาติตระการ ซึ่งมีวันละ 3 4 เที่ยวเท่านั้น ค่ารถสำหรับรถ ปอ.2 ราคา 70 บาท หรือนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง อ.นครไทย ก่อนแล้วจึงเดินทางต่อไปยัง อ.ชาติตระการ อีกต่อหนึ่งด้วยรถสองแถวได้ จาก อ.ชาติตระการ จะมีรถประจำทางไป อุทยานฯ ภูสอยดาว เพียงวันละ 2 เที่ยว เที่ยวแรกออกประมาณ 9.00 น. ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะถึงอุทยานฯ หรือสามารถเช่าเหมาได้ราคาประมาณ 600 700 บาท ต่อ เที่ยว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook