ผจญกวางมหาภัยบนเขาใหญ่
เพื่อนเก่า และเพื่อนใหม่บนเขาใหญ่ โดย...นุ บางบ่อ ห่างหายกันไปพักใหญ่เลยนะครับสำหรับหน้าผจญภัยกับนุ บางบ่อ ด้วยเหตุที่ว่าสองสามเดือนนี้ ได้แต่นั่งเพ่ง Monitor อยู่ภายในบริษัท ไม่อาจขยับร่างไปเที่ยวเตร็ดเตร่ หาธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงามได้เลย แต่กระนั้นก้นบึ้งของสมองก็ยังมิวายจิตนาการไปต่างๆ นานา ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัว อยากจะให้เก้าอี้สีเขียวเป็นต้นไม้ ให้โต๊ะตัวใหญ่เป็นก้อนหิน ให้ฝ้าเพดานสีขาวเป็นทะเลหมอกที่ล่องลอยอยู่เบื้องหน้า ให้เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะเป็นเสียงของนกหลากสี และให้ชั้น9 ที่นั่งอยู่นี้เป็นยอดเขาสูง มันคงจะมีความสุขมากกับการปล่อยให้จิตที่วุ่นวายได้ล่องลอยออกไป ช่วงสายของวันหนึ่งกลางเดือนกันยายน 44 เสียงนกบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เมื่อจับมาฟังข้างหู ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงของเพื่อนที่ห่างหายกันไปสักสิบปีเห็นจะได้ ทักทายกันอยู่พักใหญ่ตามประสาเพื่อนที่จากกันไปนาน บางช่วงสนทนาผมก็ไม่ได้สนใจรายละเอียดมากนัก เพราะเป็นการคุยไปแล้วก็ทำงานไปด้วย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมตอบตกลงไปเขาใหญ่พร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคนไปเรียบร้อยแล้ว (ไม่รู้ตัวจริงๆ.) เออ..ออ..ห่อหมก ไปเสียอย่างแน่นหนาอย่างนั้น จะปฏิเสธว่างานยุ่งก็ดูกระไรอยู่.เอ้าเขาใหญ่ ก็เขาใหญ่ ดูอาจจะไม่ตื่นเต้นมากนักสำหรับหลายคน แต่ผมก็เชื่อว่า ที่นี่ยังมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย และนานมากแล้วที่ผมไม่ได้ไปแวะเยี่ยมเยียนเลยคิดถึง สองวันถัดมาผมและเพื่อนอีกสามคน ออกเดินทางสู่เขาใหญ่ โดยใช้รถกระบะสีแดง เราใช้เส้นทาง สระบุรี มวกเหล็ก ปากช่อง ที่เลือกใช้เส้นทางนี้ก็เพราะต้องการทราบว่า เส้นทางช่วง ปากช่อง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะพอจะทราบมาว่าเมื่อปลายปี43 เส้นทางสายนี้กำลังซ่อมแซมกันอยู่ เมื่อไปแล้วก็พบกับถนนลาดยางที่พึ่งเสร็จใหม่ๆ เรียบตลอด แต่ความกว้างเท่าเดิม เวลามีรถสวนมาต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อย ส่วนทิวทัศน์ข้างทางนั้นยังเขียวสดงดงามเหมือนเดิม ระหว่างการเดินทางสู่เขาใหญ่นั้น เป็นเส้นทางที่คดเคี้ยว และเป็นทางขึ้นเขาสูงตลอด ฝนตกตลอดเวลา ผมได้แต่เฝ้าคิดถึงว่าคืนนี้ผม และเพื่อนๆ คงจะลำบากกันน่าดู เพราะเราไม่ได้จองที่พักที่เป็นบ้าน มีเพียงเต็นท์นอนมาสองหลัง และถุงนอนมาเท่านั้นเอง เป็นไงล่ะ ริเที่ยวป่าหน้าฝน บอกให้ไปทะเลกัน ก็ไม่เชื่อ เอ็ดดี้ ผู้ที่นั่งทางในเป็นเพื่อนคนขับมาตลอดทางเอ่ยเมื่อตื่นมาเจอฝน เอาน่า.มาแล้วน่า ฝนตกได้ก็ต้องหยุดได้ ทร ผู้เป็นสารถีพูดตัดบทออกไป ส่วนผม และ ตรี (เพื่อนอีกคนหนึ่งที่มีอาการเมารถมาตลอดทาง) ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่หวังว่าฝนคงไม่ทำร้ายเราทั้งคืน ผมหันไปหาตรี พร้อมยื่นของให้สิ่งหนึ่ง ตรี นายลองเอาเทนโซพาส ปิดตรงสะดือ ของนายดูซิ อาจจะดีขึ้นก็ได้นะ เราเคยอ่านเจอจากนิตยสารทางการแพทย์น่ะ ผมอ้างอย่างหวังให้เพื่อนที่ป่วยอยู่เชื่อซึ่งจริงๆแล้ว เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าจะได้ผล เพราะความจริงผมเคยฟังมาจากนักเลงสุราได้ร่ายให้ฟังเท่านั้นเมื่อมีโอกาสดีอย่างนี้ เลยใช้เพื่อนนี่แหละเป็นหนูทดลองเสียเลย ตรี เป็นเพื่อนที่ซื่อ ทำตัวง่ายๆ ใช้ชีวิตสมถะ จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่เทนโซพาส จะไปปิดอยู่บนสะดือ ลองใช้วิจารณญาณกันดูนะครับว่าจะได้ผล หรือเปล่า ก็ตั้งแต่ ตรี ปฏิบัติตามผมก็แอบชำเรืองสังเกตดูอาการอย่างเป็นห่วง และลุ้น อยู่ว่าจะได้ผลเปล่าน๊อ.แต่ ตรี ก็บอกว่าดีขึ้นนะครับ ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อนัก ได้แต่คิดว่า ต้องหาหนูทดลองอีกสักรายถ้าได้ผลหายเมาคราวนี้ถึงจะเชื่อแน่ว่าได้ผลยังไงถ้าใครไปลองทำดู แล้วได้ผลช่วยเมล์มาบอกกันนะครับ ถ้าไม่ได้ผลไม่ต้องเมล์มาก็ได้ เพราะจะลำบากเปล่าๆ ครับ :) เรามาถึงที่ทำการอุทยานฯ เขาใหญ่ บริเวณผากล้วยไม้ ตอนใกล้ 18.00 น. ฝนหยุดตกต้อนรับกลุ่มของเราพอดี ผมรีบติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อกางเต็นท์ 2 หลัง โดยชำระค่าธรรมเนียมไปหลังละ 20 บาท และเช่าเตาถ่านสำหรับทำอาหาร ที่เราได้แวะซื้อมาจากตลาดปากช่อง ค่าเช่าเตา 15 บาท ตะแกรงย่าง 10 บาท ถ่านถุงละ 15 บาท กลับมาที่รถอีกทีเพื่อนๆ 3 คน กำลังยุ่งอยู่กับการกางเต็นท์ ใต้ต้นไม้ใหญ่ วันนั้นเราพบเต็นท์ของนักท่องเที่ยวที่มาพักบริเวณนี้ ประมาณ 7 8 หลัง ด้วยกัน แต่ละเต็นท์ เตรียมเข้านอนกันหมดแล้ว เพราะไม่สะดวกในการมานั่งคุยหน้าเต็นท์ หรือทำกิจกรรมใดๆ เนื่องจากฝน เป็นผู้ทำลายบรรยากาศ เต็นท์สองหลังถูกกางอย่างตึงเรียบร้อย ตรงนี้ทำเลดีนะ ทำไมไม่มีใครมากางเต็นท์ ทร เอ่ยอย่างสงสัย นั่นซี ใต้ต้นไม้ ฝนตกมาอย่างน้อยก็ช่วยบังไว้ได้ตั้งเยอะ เอ็ดดี้ เสริมอย่างภูมิใจที่เป็นคนเลือกชัยภูมิได้อย่างดีเยี่ยม สัก 5 นาทีต่อมาเห็นจะได้ ผมเริ่มก่อเตาไฟพอจะติดถ่านก้อนเล็กๆ บ้างแล้ว ด้วยความหวังว่าจะโชว์ฝีมือการทำอาหารสักหน่อย ฮึ๊ยทากเกาะ... เสียง เอ็ดดี้ร้องตกใจเล็กน้อย พร้อมกับดึงหางของทากที่เกาะอยู่ให้มันยืดตัวเข้าออก ราวกับดึงหนังสะติ๊กเล่นอย่างงั้น ผมขอบอกตรงๆ เลยครับ ถึงแม้ตัวทากจะนุ่มนิ่ม การเคลื่อนที่อาจดูมีเสน่ห์ และผมจะพอจับหรือสัมผัสทากได้ แต่ก็ไม่ขอร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยเป็นแน่ ไปเหอะ เราว่า เราไปหาที่นอนบริเวณอื่นดีกว่า ผมพูดพลางยกเตาแล้วหิ้วออกไป พอดีมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ เดินผ่านมาพอดี ตรี ที่พึ่งสร่างจากอาการเมารถ ก็เอ่ยถาม พี่ตรงไหนไม่มีทากบ้างน่ะครับ ต้องตรงโล่งๆ โน้นแหละน้อง ตรงนี้ใต้ต้นไม้ ทากมันชอบที่ชื้น แดดส่องไม่ถึง เจ้าหน้าที่ตอบ เฮ้อเรามาเยี่ยมทากถึงรังเลยนะนี่ เอ็ดดี้ บ่น บ้านเก่าบนเนื้อที่ใหม่ ดูแล้วมีสง่าราศี และสบายใจ ไม่ต้องอยู่ในความดูแลของมวลทาก เตาถ่านใช้การได้ดี ข้าวสารถูกผสมน้ำตั้งอยู่บนเตา ผักบุ้ง กุนเชียง แหนม ถูกหั่นเตรียมปรุงในลำดับต่อไป บรรยากาศความสนุกกำลังเริ่มต้นท่ามกลางความโหยหิว ฝนหยุดตกอย่างเห็นอกเห็นใจไม่ทรมานเราอีกต่อไป ดาวเริ่มขึ้นให้เห็นบ้าง แต่วันนี้อุทยานฯ ไม่ได้เปิดเครื่องปั่นไฟ เราใช้ไฟจากตะเกียง และเทียนไข พอมองเห็นได้ไม่ไกลนัก เราเลือกชัยภูมิใหม่ได้เหมาะกว่าที่เก่าที่เอ็ดดี้เลือก ที่ใหม่ของเราอยู่ใกล้ห้องน้ำ ใกล้ถังขยะ และใกล้ที่จอดรถ (เอ.ไม่รู้ว่าเหมาะกว่าที่เก่าหรือเปล่า) แต่ถึงกระนั้น ห้องน้ำ และถังขยะก็ไม่เคยรบกวนเราเลย ห้องน้ำที่ผากล้วยไม้สะอาด น้ำใสเย็นจนหนาว จนมีใครสองคนในกลุ่มคอยหาช่องทางประหยัดน้ำ เกี่ยวกับการอุปโภคให้แก่อุทยานฯ เป็นเวลาสองวันเลยทีเดียว อาหารมื้อค่ำเสร็จอย่างรวดเร็วด้วยความหิว ข้าวสวยสีขาวเบียดเสียดกันอยู่ภายในหม้อ ผัดผักบุ้งไฟแดงหน่อยๆ แหนมทอดส่งกลิ่นหอมเค็ม ไข่เจียวฟูเหลืองหอม เราจัดการกับมื้อค่ำโดยใช้เวลาไม่นานนัก ช่วงนั้นเงียบสนิทมีเพียงเสียงช้อนกระทบกับจาน ฟังเป็นจังหวะเร็วบ้าง ช้าบ้าง เต็นท์ต่างๆ ที่มาก่อนหน้าเราเริ่มเดินมาเข้าห้องน้ำอันเป็นสัญญาณว่าจะเข้านอนกันแล้ว ทานข้าวด้วยกันครับพี่ เราไม่แล้งน้ำใจต่อเพื่อนนักท่องเที่ยวด้วยกัน ผมสังเกตว่า ผมและเพื่อนๆ พยายามชักชวนอยู่หลายคนที่ผ่านไปมา แต่หาได้มีใครเลยที่หลงหลวมตัวมาทานอาหารที่ดูแล้วน่าจะอร่อยนะ ?!? นับเป็นโชคดีของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น 22.00 น. เราเก็บของและเศษอาหารกันอย่างเรียบร้อย เหลือเพียงข้าวสวยที่ยังค้างคาหม้ออยู่ ด้วยความเสียดายเราจึงเก็บมันไว้ในหม้อ เพื่อตอนเข้าอาจจะทำเป็นข้าวต้มร้อนๆ ได้อีกมื้อหนึ่ง อากาศคืนนี้ช่างหนาวเหน็บเสียเหลือเกินนอกจากเสื้อคลุมแล้ว ผมยังคงต้องใช้ถุงนอนมาห่มทับอีกชั้น มองออกไปข้างนอกท้องฟ้ามีดาวสุกสว่างอยู่กระจัดกระจาย ความเงียบทำให้คิดถึงใครบางคน ขณะนั้นเพื่อน ทร และ ตรี ที่อยู่อีกเต็นท์หนึ่งกำลังช่วยกันนอนเข็นเรืออย่างร่วมแรงร่วมใจ ส่วนเอ็ดดี้ กำลังเคลิ้มหลับไปด้วยความเยือกเย็น แกรก.แกรกแกรก. เหมือนเสียงเดิน หรือเสียงคุ้ยเขี่ยของอะไรบางอย่าง เอ็ดดี้สะกิดให้ฟังเสียงนั้นอย่างตั้งใจ เสียงนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ บริเวณข้างๆ เต็นท์ของเรา เราค่อยๆ พลิกตัวให้นั่ง และมองหาต้นเหตุของเสียงนั้น วัวแดง.!!! เอ็ดดี้ กระซิบ เมื่อมองเห็นแค่บริเวณลำตัวของต้นเสียงนั้น เนื่องจากเป็นคืนที่ค่อนข้างมืดเราไม่สามารถมองได้ถนัดนัก วัวแดงมาขโมยข้าวเรา เอ็ดดี้ มั่นใจว่าเป็นวัวแดง ปรกติวัวแดงจะมีเขาคู่โค้ง ขนสีน้ำตาลแกมแดง บางตัวอาจมีสีเทาแกมเหลือง และเมื่อถึงวัยสมบูรณ์จะมีขนสีออกน้ำตาลเข้ม ก้นและแข้งจะมีขนสีขาว แรกผมก็เห็นด้วยกับเอ็ดดี้ แต่สักพักเราลองเอาไฟฉายส่องดู ก็พบว่ามันไม่ใช่วัวแดง ผมลังเลใจที่จะออกจากเต็นท์พร้อมกับกล้องถ่ายรูป ลองดูน่า ในเมื่อมันยังกล้ามาลุยโรงครัวเรา ก็ต้องออกไปถ่ายรูปมันมาให้ได้จะดีกว่า อย่างน้อยโรงครัวเราก็ไม่ถูกทำลายฟรี ผมคิดได้อย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆ เปิดซิปเต็นท์พาร่างออกไปอย่างช้าๆ พร้อมกับกล้องถ่ายรูป เมื่อได้เห็นตัวชัดๆ ระยะที่มันพอจะพุ่งชนผมได้สบาย จึงรู้ว่า มันไม่ใช่สัตว์ร้ายอย่างที่เราคิด มันคือ กวางป่าเพศผู้ มีเขาแกะกะกำลังสวย ลำตัวอ้วนเหมือวัวที่สมบูรณ์ ขนสีน้ำตาลเทา บางครั้งหายใจแรงเสียงดัง ว่ากันว่ากวางป่าเพศผู้จะผลัดเขาปีละครั้งในเดือนมีนาคม และเขาใหม่ก็จะงอกขึ้นมาแทนที่เดิม เป็นสัตว์ที่ถูกพรานล่า เนื่องจากเขาอันสวยงามของมันนั่นเอง ผมเก็บภาพด้วยความเงียบอยู่พักใหญ่ มันไม่มีทีท่าว่าจะกลัวคนเลย ผมสังเกตมันไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่ามันมาเพื่อเก็บเศษอาหารกิน โดยเฉพาะข้าวสุกที่ผมเหลือไว้ในหม้อ มันกินอบกินใบไม้ แต่ทำไมเจ้านี่ถึงชอบกินข้าวก็ไม่รู้ นึกแล้วเสียดายที่ผมไม่มีกับข้าวเหลือให้ไว้ให้มันเลย. วันนี้ผมตื่นแต่เช้าก็ประมาณ 7.30 น. เห็นจะได้ ก็เมื่อคืนแหละครับอากาศหนาว และเฝ้าสังเกตวัวแดงของเอ็ดดี้เสียจนดึกดื่น เลยตื่นเช้าเป็นพิเศษ ทร กับ ตรี ต่างหาว่าผม และ เอ็ดดี้ แอบตื่นขึ้นมากินข้าวตอนดึก เช้านี้ข้าวที่เหลือจึงหายไป และก็ยังทำข้าวของกระจัดกระจายอีก ผมเองและเอ็ดดี้ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บของหุงหาอาหารเช้ากันต่อไปในใจก็ได้แต่สบประมาทเพื่อนไปว่า โอกาสดีๆ มักไม่มีในหมู่คนขี้เซา อิอิ ผมและเอ็ดดี้ เบิกบานใจเป็นพิเศษที่เมื่อคืนได้เจอเจ้ากวางป่าตัวนั้น ในตอนสายๆ ผมไปสอบถามเจ้าหน้าที่ พร้อมกับพาสองสหายขี้เซาไปด้วย เพื่อจะได้รับรู้ถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น สะพรึงกลัว ซึ่งจะทำให้ผมและ เอ็ดดี้ เป็นฮีโร่ แห่งผากล้วยไม้เขาใหญ่ ขึ้นมาในทันที เมื่อเจ้าหน้าที่รับฟังแล้ว ก็บอกกับพวกเราว่า อ๋อ.มันชื่อ..เจ้าเก่ง..มันมาทุกคืนนั่นแหละ ไม่ทำร้ายใคร ชอบมากินเศษอาหาร กลางวันก็นอนอยู่ตามพุ่มไม้ หรือ ก็เดินสำรวจเต็นท์ ราวกับเป็นเจ้าหน้าที่เลยทีเดียว. ความฝัน ความหวัง เป็นฮีโร่ ของผมและเอ็ดดี้ พังทะลาย ไป ณ วินาที นั้น มีเพียง ทร และ ตรี เท่านั้น ที่ยังทำหน้างงๆ เหมือนไก่ตื่นสายอยู่ น้ำตกเหวสุวัต เส้นทางการเดินป่าบนเขาใหญ่นี้มีมากกว่า 10 เส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่จะเดินป่าเองไปในสถานที่ใกล้เคียงที่พัก อย่างที่เราเลือก เส้นทาง ผากล้วยไม้ เหวสุวัต ส่วนเส้นทางอื่นๆ ซึ่งมีระยะทางไกลๆ และสัตว์ป่าชุกชุม นักท่องเที่ยวควรปรึกษาเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยก่อน และในบางเส้นทางเช่น ด่านช้าง บึงไผ่ , หนองผักชี คลองอีเฒ่า ก็ได้ถูกปิด ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไป เพราะอาจเป็นการรบกวนสัตว์ป่าได้ เส้นทาง ผากล้วยไม้ เหวสุวัต มีจุดเริ่มต้นที่ผากล้วยไม้บริเวณใกล้ๆ กับห้องน้ำ ระยะทางประมาณ 3 กม. ใช้เวลาเดิน 1 2 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่เดินง่าย ตลอดเส้นทางจะพบกับพืชนานาชนิด ผมและเพื่อนเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ไม่นานนักเราก็มาถึงน้ำตกเหวสุวัต อันเป็นน้ำตกยอดนิยมของเขาใหญ่ เรียกได้ว่าใครมาเขาใหญ่ก็ต้องมาเที่ยวกันเกือบทุกคนไป สายน้ำตกใสเย็นไหลลงมาแรงอย่างสม่ำเสมอ ละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ นอกจากตัวเราแล้ว ยังมีกล้องถ่ายภาพอีกสองสามตัวที่เราเป็นห่วง เราจึงต้องเลือกทำเลให้ปลอดภัยจากความชื้น อันเป็นสาเหตุร้ายของปัญหาทั้งปวง นับเป็นวันแห่งการพักผ่อนจริงๆ นานมากแล้วที่ผม ไม่มีโอกาสได้นั่งทอดอารมณ์ ไปกับสายน้ำไหลอย่างนี้ จำได้ว่าเรานั่งกันอยู่กว่า 3 ชั่วโมง เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าผ่านเข้ามาถ่ายภาพกันแล้วก็เดินกลับออกไป การนั่งเป็นเวลานานของเราไม่เสียเปล่า เรานั่งกันตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มีแดดมากนัก จนเวลาเที่ยงกว่าเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ ส่องลงมายังแอ่งน้ำเบื้องหน้ากระทบกับละอองน้ำของกระแสน้ำตกเหวสุวัตแห่งนี้ เกิดเป็นละอองรุ้งเจ็ดสีสวยงามมากทีเดียว ยังความตื่นเต้นให้แก่นักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาได้มากทีเดียว ถึงเวลาที่ต้องกลับออกไปที่พักแล้ว คืนนี้เราพักเป็นคืนที่สองและคืนสุดท้ายบนเขาใหญ่ อากาศยังคงหนาวเย็น เราทำอาหารกันหลายอย่าง ผักที่ซื้อมาเมื่อวานที่ตลาดปากช่องยังคงสดอยู่ ข้าวโพดต้มน้ำเกลือ กาแฟดำ ไข่เจียวสูตรเดิม และเราไม่ลืมที่จะหุงข้าวให้มากกว่าเมื่อคืนเพื่อเผื่อเพื่อนใหม่อีกหนึ่งชีวิต.เจ้าเก่ง " นุ บางบ่อ " ข้อมูล อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเนื้อที่ 2,168 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา นครนายก สระบุรี และ ปราจีนบุรี เป็นอุทยานแห่งแรก ของประเทศไทย และได้รับการยกย่องจนได้รับเหรียญสดุดี จากที่ประชุม อุทยานแห่งชาติของโลกครั้งที่ 2 ณ อุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน สหรัฐอเมริกา ในฐานะเป็นอุทยานแห่งชาติ ข้อมูลเดินทาง การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีหลายเส้นทาง ได้แก่ -ทางหลวง หมายเลข 2 ถึงอำเภอปากช่อง แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2090 ขึ้นสู่เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 206 กิโลเมตร -หรือจากทางหลวงหมายเลข 1 ถึงแยกหินกอง เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 33 (นครนายก - ปราจีนบุรี) ถึงสี่แยกเนินหอม ใช้ทางหลวงหมายเลข 3077 ถึงเขาใหญ่รวมระยะทาง ประมาณ 199 กิโลเมตร -และเส้นทางรังสิต แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 305 ผ่านอำเภอธัญบุรี - นครนายก เลี้ยว เข้าทางหลวงหมายเลข 33 ถึงแยกเนินหอม เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3077 ถึงเขาใหญ่รวมระยะทางประมาณ 169 กิโลเมตร
|
ภาพซ้าย : ตลาด อ.ปากช่อง สามารถหาซื้อเสบียงได้เกือบทุกอย่างจากที่นี่
ภาพขวา : แวะถามทางกับสาวๆ ชาวปากช่อง ให้แน่ใจ (หาเรื่องคุย) |
||
ภาพซ้าย : บรรยากาศภายในรถ ขณะขึ้นสู่เขาใหญ่ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
ภาพขวา : อาหารมื้อค่ำ มื้อแรก ที่ผากล้วยไม้ |
||
ภาพซ้าย : ภาพนี้ถ่ายจากในเต็นท์ เห็นเพียงตัวดำๆ ไม่ชัดนัก
ภาพขวา : คืนนี้ไม่มีไฟฟ้า แสงเทียนและตะเกียง ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบ |
||
ภาพซ้าย : คาหนังคาเขาเลยครับ
ภาพขวา : มื้อเช้า ไข่เจียว ข้าวต้ม กาแฟ ขนมปัง |
||
ภาพซ้าย : ทาก ทักทาย เอ็ดดี้ เป็นคนแรก เมื่อมาถึงผากล้วยไม้
ภาพขวา : ภายในเต็นท์อันเหน็บหนาว และกลิ่นอับเล็กน้อย :) |
||
ภาพซ้าย : ไข่เจียวเหลืองหอม ใส่แหนมด้วย
ภาพขวา : ทร พ่อครัวจำเป็น หลังจากถูกชมว่าทอดไข่เจียวอร่อย ทุกมื้อของเรา ก็ไม่เคยขาดไข่เจียวเลย |
||
ภาพซ้าย : จุดชมวิวเขาเขียว เป็นจุดที่สูงที่สุดในภาคกลาง (เขาเขียนไว้)
ภาพขวา : ดอกไม้สีม่วง ไม่แน่ใจว่าดอกอะไร ใครทราบช่วยบอกหน่อยครับ |
||
ภาพซ้าย : เก้ง เราเห็นไกลๆ อยู่ใต้ต้นไม้เดินหากินอยู่เพียงลำพัง
ภาพขวา : ส่วนเจ้าตัวนี้อยู่ใกล้ๆ กับถนน เราเห็นมันแค่เพียงข้างหลัง แล้วมันก็เข้าพงป่าข้างทางไป |
||
ภาพซ้าย : ผีเสื้อจับกลุ่มอยู่บนโต๊ะอาหาร บริเวณร้านค้าที่เหวสุวัต สีเข้ากับผ้าปูโต๊ะเลยทีเดียว
ภาพขวา : เห็ดกับตอไม้ |
||
ภาพซ้าย : สายน้ำไหลแรงอย่งสม่ำเสมอ ทำให้เราไม่เหงาเลย
ภาพขวา : นักท่องเที่ยวกับถุงกันทาก มีขายที่ร้านค้าของอุทยานฯ |
||
ภาพซ้าย : น้ำตกเหวสุวัต ไหลลงมาให้ความชุ่มชื้นหล่อเลี้ยงแก่สรรพสัตว์ บนเขาใหญ่
ภาพขวา : น่าอิจฉานักท่องเที่ยวที่มีหวานใจมานั่งมองสายน้ำตกด้วยกัน |
||
ภาพซ้าย : ความงามของน้ำตกเหวสุวัต ทำให้นักท่องเที่ยวไม่พลาดภาพประทับใจ
ภาพขวา : ละอองน้ำตก กระทบกับแสงแดดยามบ่าย เป็นประกายรุ้งหลากสี นักท่องเที่ยวต่างประทับใจกันไปทุกคน |
||
ภาพซ้าย : เจ้าเก่ง ยามบ่ายนอนพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ บริเวณผากล้วยไม้ ราวกับรอคอยอะไรสักอย่าง
ภาพขวา : อ่างเก็บน้ำมอสิงโต น่านั่งเล่นพักผ่อนในตอนเช้า และเย็น หรือในยามที่แดดอ่อน |