เส้นทางสายดอกไม้
เส้นทางสายดอกไม้
แด่...จังหวัดเชียงใหม่ ที่หนาวมาก
เมื่อลมหนาวมาเยือน นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็มักจะนึกถึงจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของไทย เพราะภาคเหนือนั้นจะมีลักษณะอากาศที่หนาวเย็นกว่าภาคกลาง และในปีนี้ฤดูกาลแห่งความหนาวเย็น ดูเหมือนจะอยู่กับประเทศไทยได้นานกว่าปีที่ผ่านๆ มา ส่งผลให้การวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในภาคเหนือได้ขยับขยายระยะเวลาท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ออกไปได้อีกสองเดือนเป็นอย่างน้อย
พูดกันตรงๆ ก็คือว่า ช่วงนี้ (เดือนมกราคม และกุมภาพันธ์) ภาคเหนือนั้นยังน่าเดินทางไปท่องเที่ยวอยู่ นอกจากที่เราจะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือกันเป็นอย่างดีแล้ว ที่คุ้นเคยกันนั้นก็น่าจะเป็นยอดดอยต่างๆ วัดวาอารามที่มีศิลปะอันอ่อนช้อยงดงาม ป่าเขาพงไพร หรือแม้กระทั่งกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยอีกมากมาย วันนี้ผมจึงขอเสนอเส้นทางท่องเที่ยวน่าสนใจอีกเส้นทางหนึ่ง ที่คุณผู้หญิง และผู้ชายที่ชื่นชอบสีสันความงดงามทางธรรมชาติ และพิสมัยในกลิ่นหอมสดชื่นลึกซึ้ง...อิอิ...นั่นก็คือ การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางสายดอกไม้
ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมคงถ่ายทอดเรื่องราวความสวยงามของเส้นทางสายนี้ได้ไม่ดีเท่าไรนัก ถึงแม้ความงดงามของดอกไม้จะมีมากกว่าที่ผมได้บรรยายออกมา ขอแนะนำให้คุณผู้อ่านขณะอ่านไปควรจะคูณด้วยด้วย 10 นั่นแหละครับคือค่าความงดงามที่แท้จริง...ไม่ได้เว่อร์นะครับ และจังหวัดที่ผมได้ไปเที่ยวชมมาในทริปนี้ก็คือจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุดฮิตที่สุดในภาคเหนือ |
ในมุมมอง (ของผม) เชียงใหม่นอกจากจะเป็นเมืองใหญ่ทางการท่องเที่ยวแล้ว คือมีทั้งธรรมชาติสวยสดงดงาม มีตัวเมืองที่ศิวิไลย์เหมือนมหานครกรุงเทพฯ แล้วยังมีสาวๆ น่ารักๆ สวยๆ อีกมากมาย (สาวเชียงใหม่ไม่ต้องอมยิ้ม) อันนี้พูดจากใจจริง ไม่เชื่อไปลองสังเกตดูช่วงค่ำๆ เจ้าหล่อนละอ่อนๆ จะมาปรากฏตัวอยู่รายรอบ มช. ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ผมเขียนถึงจังหวัดเชียงใหม่ในมุมมองของเส้นทางสายดอกไม้
เส้นทางสายดอกไม้ของผมเริ่มต้นที่ เชียงใหม่ ซู อคาเรียม ที่นี่ไม่เกี่ยวกับดอกไม้หรอกครับ แต่ที่เข้าไปเที่ยวเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ แบบว่าไม่อยากตกเทรน เลยเข้าไปดูเสียหน่อยว่าน่าสนใจหรือเปล่า |
เชียงใหม่ ซู อคาเรียม ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 3 ปี ตั้งอยู่ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ (ทางไปดอยสุเทพ นี่แหละครับ) การซื้อบัตรเข้าชม นั้นสามารถซื้อได้ตั้งแต่ประตูหน้าทางเข้าสวยสัตว์ได้เลย โดยซื้อเป็นแพ็คเก็จรวมเที่ยวชมสวนสัตว์บก และซื้อบัตรชมเชียงใหม่ ซู อคาเรียม ไปด้วย ราคาจะถูกกว่าไปแยกซื้อข้างใน ก็ถูกกว่า 20 บาท ถ้าไปซื้อข้างในหน้าอควาเรียม ราคาจะอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 190 บาท เด็ก 70 บาท เด็กที่ส่วนสูงไม่ถึง 90 เซนติเมตร เข้าฟรี อย่าพึ่งบ่นกันว่าแพงนะครับ เพราะค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และค่าบำรุงรักษาอควาเรียมนั้นสูงมากจริงๆ กว่าจะได้ทุนคืนก็คงต้องใช้เวลาหลายปีอยู่
ภายใน เชียงใหม่ ซู อคาเรียม ดูกว้างใหญ่มีสัตว์น้ำมากมายหลายชนิด ทั้งสัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำเค็ม ล้วนมากมายไปด้วยปลาตัวใหญ่ๆ แปลกๆ เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปลาไหลไฟฟ้า ปลาบึก ปลาตัวใหญ่ๆ เหล่านี้ถือเป็นไฮไลท์ของอควาเรียม ทั้งยังเดินทางมาจากลุ่มน้ำใหญ่อย่างเช่น อเมซอน แม่น้ำโขง |
แน่นอนครับอควาเรียมแห่งนี้ต้องยิ่งใหญ่ และนำเสนอแบบอุโมงค์ให้คนดูได้ชมไปเรื่อยๆ เหมือนกับอยู่ใต้ทะเลจริงโดยไม่เปียก และหายใจได้สบาย วิทยากรบอกว่า อุโมงค์ใต้น้ำแห่งนี้ถือว่ายาวที่สุดในเอเชีย และอาจจะยาวที่สุดในโลกก็ว่าได้ |
โดยมีความยาวของอุโมงค์ รวมแล้วยาวถึง 133 เมตร คดโค้งไปมา เวลาเข้าไปก็ไม่ต้องเดินให้เมื่อย ที่นี่เขามีทางเดินเลื่อนไปเรื่อยๆ คล้ายกับสะพานส่งกระเป๋าในสนามบิน แค่ยืนแหงนหน้ามองเพดานก็จะเห็นปลาตัวใหญ่ๆ ว่ายเวียนอยู่เหนือศีรษะเรา ผมเคยตกปลาเห็นแต่หลังปลาว่ายขึ้นมาเยาะเย้ย แต่วันนี้เห็นท้องขาวๆ ของมัน เลยแอบนึกไปว่า พุงปลาฉลามต้มยำจะอร่อยเหมือนพุงปลาช่อนหรือเปล่านี่อ่ะดิ นึกแล้วน้ำลายไหล |
ออกจาก เชียงใหม่ ซู อควาเรียม แวะกินข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม (ไม่รู้ว่าทำไมฟ้าต้องฮ่าม ด้วยอ่ะ) ร้านนี้อยู่บนถนนซุปเปอร์ไอเวย์ ถ้ามาจากดอยสุเทพ ให้มุ่งหน้าไปตรงทางแยกที่จะไปแม่ริม ร้านจะอยู่ซ้ายมือก่อนถึงทางแยกนิดนึง ร้านสวยสร้างแบบศิลปะล้านนาประยุกต์สะอาด รสชาติอร่อยน่าติดตาม แต่ว่าก๋วยเตี๋ยวยังไม่ค่อยโดนใจเท่าไร ถ้าเป็นข้าวซอย กะขนมจีนละก็อร่อยโดนใจเต็มๆ ครับท่าน
เชียงใหม่ตอนนี้อากาศหนาวมาก ปีนี้เสื้อกันหนาวขายดี แต่แปลกที่สาวเชียงใหม่ไม่ค่อยหนาว ผมเห็นเจ้าหล่อนนุ่งกางเกงขาสั้นจุ๊กกรู๋ซ้อนมอเตอร์ไซต์กันแล้วรู้สึกเสียวสะท้านแทน สั้นกว่าสาวๆ ในกรุงเทพฯ อีกอ่ะ...อยากพิสูจน์ว่าผมพูดจริงเปล่า ต้องไปดูเอง อิอิ...คุณผู้ชาย อยากไปนะนั่นน่ะ ; ) |
ผมเดินทางไปตั้งหลักต่อที่อำเภอปาย เส้นทางยังคดโค้งเหมือนนั่งรถไปบนหลังงูเหมือนเดิม อำเภอปายมีคนมาเที่ยวเยอะมากๆ ที่พักก็มากขึ้นไปด้วย เดี๋ยวนี้มีร้านกาแฟสวยๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ปายก็ยังคงเป็นปายตรงที่ว่า เป็นจุดพักกลางทางของคนที่เดินทางไปสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
ที่ผมเลือกมาตั้งหลักที่อำเภอปาย เพราะว่า จะเดินทางไปยังหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่กำลังบานสะพรั่ง เปล่งสีชมพูสดให้ความโรแมนติกทั่วไปทั้งดอย |
เส้นทางสายดอกไม้ เช้าตรู่ผมถูกปลุกตอนตี 4 รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องอดทนครับ อยากจะเห็นสิ่งสวยงามยามเช้าต้องสู้ๆ กันหน่อย รถตู้ไปส่งผมและคนอื่นๆ ที่ริมถนนสาย 1095 ช่วงระหว่าง อำเภอปาย และอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง บริเวณ กม. ที่ 34 จะมีป้อมตำรวจเป็นจุดสกัดตั้งอยู่ ตรงนี้แหละครับที่เราต้องเปลี่ยนไปนั่งรถกระบะของชาวบ้าน |
เพราะเส้นทางจากนี้ขึ้นไปยัง หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลแม่อี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นระยะทางดินลูกรังอีก 8 กม. ค่าเช่าเหมารถก็อยู่ที่ 800 - 1,000 บาท (ไป - กลับ) สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวถ้าไม่ใช่รถกระบะ ผมขอแนะนำให้จอดไว้ แล้วเหมารถรถกระบะขึ้นไปดีกว่าครับ เส้นทางสายนี้ลำบาก และค่อนข้างอันตรายเวลารถสวนกัน ถ้าไม่ใช่คนท้องที่แล้วอาจจิดอุบัติเหตุได้ |
พวกเราหัวโยกหัวคอนบ้างก็สัปหงกกันมาจนถึง หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอย บริเวณพิกัดที่ 455510E 2125915N นี่บอกพิกัดกันไปเลย เผื่อใครมีจีพีเอสจะได้สะดวกไม่หลงทาง ที่นี่อากาศหนาวเย็นมากๆ ผมนึกเห็นใจคนที่นอนอยู่ในเต้นท์ อ้อ หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะแห่งนี้ เขามีบริการจุดกางเต้นท์ด้วยนะครับ แต่นักท่องเที่ยวต้องนำเต้นท์มาเอง ห้องน้ำมีบริการแต่จำนวนห้องไม่มากนัก ผมว่าคงไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากอากาศค่อนข้างหนาว เรื่องอาบน้ำคงเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายคน |
ส่วนอัตราค่าบริการ ทางหน่วยฯ ก็ยังมิได้ออกระเบียบค่าบริการอย่างชัดเจน เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ งานหลักของหน่วยฯ ก็คือการดูแลรักษาป่าต้นน้ำให้อยู่ในสภาพดีเพื่อให้คนเมืองอย่างเราๆ ได้ใช้อุปโภคบริโภคต่อไป ฉะนั้นเรื่องอัตราค่าบริการในช่วงนี้จึงขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของนักท่องเที่ยว ที่จะมีน้ำใจช่วยสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และพัฒนาพื้นที่ต่อไปครับ |
นางพญาเสือโคร่ง นางพญาเสือโคร่ง เป็นชื่อดอกไม้นะครับไม่ใช่หัวหน้าเสือผู้หญิง (ฉายานี้ ขอยกให้นายยอดทอง จะเหมาะสมกว่า อิอิ ล้อเล่นน่า) ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือชาวเชียงใหม่เรียกว่า ซากุระดอย ส่วนชาวกระเหรี่ยงเรียกว่า เส่คาแว่ มีการกระจายพันธุ์ทางตอนใต้ของประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 10-15 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ระดับความสูงประมาณ 500 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีใบรูปทรงรี หลุดร่วงง่าย จุดเด่นคือ มีดอกสีขาว สีชมพู บ้างก็สีแดง ดอกจะงอกเป็นกระจุกอยู่บริเวณปลายกิ่ง โดยปกติแล้ว ดอกนางพญาเสือโคร่ง จะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ แต่ในช่วงระยะหลังหลายปีมานี้ นางพญาเสือโคร่งที่พบในประเทศไทย จะออกดอกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นหากนักท่องเที่ยวต้องการไปชม ต้องรีบวางแผนการเดินทางกันหน่อยละครับ เพราะอาจจะไปไม่ทันได้ ยังไงก็โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางพื้นที่ก่อนออกเดินทางเพื่อความแน่นอน จะได้ไม่ผิดหวัง
|
ศูนย์วิจัยและฝึกอบกรมที่สูง (หมู่บ้านช่างเคี่ยน) นอกจากที่หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะแล้ว ที่ศูนย์วิจัยและฝึกอบกรมที่สูง (หมู่บ้านช่างเคี่ยน) ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ก็มีต้นนางพญาเสือโคร่ง ผลิดอกชูช่ออยู่มากมายหลายต้นเช่นเดียวกัน การเดินทางไปชมนั้นสะดวกสบาย โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับทางขึ้นดอยสุเทพ เมื่อถึงดอยสุเทพแล้วให้เดินทางต่อไปทางพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จากนั้นจะมีทางแยกขวาให้ไปบ้านช่างเคี่ยน อีก 7 กม. เส้นทางบริเวณนี้ค่อนข้างแคบ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง |
จุดเด่นของการเดินทางมาชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยช่างเคี่ยน คือ ที่นี่จะอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ และสามารถพักค้างแรมในรูปแบบบ้านพัก หรือการกางเต้นท์พักแรมได้ โดยติดต่อไปที่ ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200 โทรศัพท์ 053 944 052 ด้านอาหารการกิน นักท่องเที่ยวควรเตรียมอาหารไปเอง หากต้องการให้ทางศูนย์วิจัยฯ จัดเตรียมให้ ก็ควรติดต่อล่วงหน้าไปก่อน
เส้นทางสายดอกไม้ที่นำมาแนะนำกันในวันนี้ยังไม่จบแค่เพียงสองดอยนี้ครับ ยังมีอีกสองแห่งที่ผมจะขอแนะนำให้ไปเที่ยวกันต่อ แต่ว่าทั้งสองแห่งนี้ไม่ได้มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ เป็นสถานที่ปลูกไม้ประดับ และการวิจัยพันธุ์พืชเมืองหนาวสายพันธุ์ที่เราไม่ค่อยคุ้นชื่อกันสักเท่าไร ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจ และมีรสชาติอร่อย สถานที่แรกที่นำมาแนะนำกันนั้นคือ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กม. โดยใช้เส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่ แม่ริม เมื่อถึงอำเภอแม่ริมให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1096 สายแม่ริม สะเมิง ประมาณ 20 กม. ทางเข้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา จะอยู่ทางขวามือ ให้ขับเลี้ยวเข้าไปได้จนถึงโรงเรียนบ้านโป่งแยง ต่อจากนี้ไปจะเป็นถนนลูกรัง รถเก๋ง และรถตู้จะไม่ค่อยสะดวก แต่ถ้าเป็นรถกระบะนั้นขับเข้าไปได้สบาย |
ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเราแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการปลูกต้นกุหลาบเพื่อการตัดดอก กุหลาบที่นี่จะมีดอกใหญ่สีสันสวยงาม อาทิ สีขาว สีแดง สีชมพู สีโอโรส ในช่วงวันวาเลนไทน์ราคาขายส่งจากที่นี่จะอยู่ตั้งแต่ดอกละ 25 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงที่ราคาตกต่ำที่สุด นั้นราคาขายจะอยู่ที่ดอกละ 9 บาท |
การปลูกกุหลาบในพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรา นับได้ว่าประสบความสำเร็จ เป็นการสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวไทยภูเขาได้อย่างดี โดยแต่ละครอบครัวจะมีรายได้อยู่ที่ 30,000 80,000 บาท ต่อครอบครัว |
สถานีเกษตรหลวงปางดะ อีกที่หนึ่งที่จะแนะนำกันต่อไป และเป็นสถานที่สุดท้ายในทริปนี้คือ สถานีเกษตรหลวงปางดะ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเรามากนัก โดยตั้งอยู่ที่บ้านปางดะ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจผลงานวิจัย การทดลองปลูก การขยายพันธุ์พืชเมืองหนาวใหม่ๆ เพื่อนำไปส่งเสริมให้แก่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง อาทิ แอปเปิ้ล สาลี่ ท้อ พลับ บ๊วย ทับทิม อโวคาโด กาแฟ สตรอเบอรี่ ตังกุย พลัม ไพรีธรัม หน่อไม้ฝรั่ง และกุหลาบ พืชจำพวกผักได้แก่ แตงกวาญี่ปุ่น แคนตาลูป หน่อไม้ฝรั่ง พริกยักษ์เขียว มะระเขียว มะระขาว และผักสวนครัว
ภายในสถานีเกษตรหลวงปางดะ ยังเปิดให้นักท่องเที่ยว หรือผู้สนใจ เข้ามาพักค้างแรมได้ โดยทางสถานีจะมีวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ควรติดต่อขอรับการบริการมาล่วงหน้า ได้ที่ โทรศัพท์ 053 378 046 โทรสาร 053 378 163 |
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเส้นทางสายดอกไม้ในทริปนี้ ผมคิดว่าคงถูกใจคุณผู้หญิงที่ชื่นชอบความสวยงามที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และคุณผู้ชายที่ชื่นชอบการถ่ายภาพดอกไม้สวยๆ ที่นานๆ จะได้ผลิดอกออกมาให้เราได้ชื่นชมกัน ช่วงนี้อากาศที่เชียงใหม่หนาวมาก หากเดินทางไปในช่วงนี้ควรเตรียมเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวไปด้วย ผมคิดว่าเส้นทางสายดอกไม้ที่ได้แนะนำกันไปในทริปนี้ คงจะเป็นประโยชน์ให้นักเดินทางได้รีบเดินทางขึ้นไปชมกัน ก่อนที่เจ้าดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระดอย จะร่วงหล่นไปเสียก่อนนะครับ
นุ บางบ่อเรื่อง / ภาพ ออนไลน์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2552 |
ขอขอบคุณ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม |
กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053 248 604 หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ โทรศัพท์ 081 023 4570 ศูนย์วิจัยและฝึกอบกรมที่สูง (หมู่บ้านช่างเคี่ยน) โทรศัพท์ 053 944 052 สถานีเกษตรหลวงปางดะ โทรศัพท์ 053 378 046 โทรสาร 053 378 163 เบลวิลล่า รีสอร์ท อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน www.bellevillaresort.com ยัตรศิริ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ www.yantarasiri.com ข้อมูลเพิ่มเติม ข่วงดอกไม้ที่เชียงใหม่ |