เรื่องของใจ ไม่ใช่ จักรยาน
เรื่องของใจ ไม่ใช่ จักรยาน
หากใครเป็นแฟนคลับ sabuy.com เมื่อเก่าก่อน คงจำกันได้นะครับกับ webcamman 001 หรือ นายหนุ่ม วันนี้เขาได้กลับกลายเป็นนักปั่นจักรยาน ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์บนทางหลวงสายยาวของเมืองไทยหลายสายไปแล้ว...
|
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2007 จากความตั้งใจของสองพี่น้องคู่หนึ่ง โกหนุ่ม และ เสืออ้น จากการที่ เสืออ้นซื้อจักรยานมาเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว สมัยนั้นจักรยานเสือหมอบ คนไทยหาน้อยคนนักที่จะขี่
ด้วยความที่เสืออ้นชื่นชอบกีฬาประเภทมาราธอน จึงเกิดความคิดว่า อยากขี่เสือหมอบคันนี้ ไปให้ถึงเชียงใหม่สักครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพียงความตั้งใจ ที่ไม่ได้สนองมัน
กาลเวลาได้ล่วงเลยมากว่ายี่สิบปี เสืออ้นมีครอบครัว และมีลูก จนเรียกได้ว่าโตแล้วมีงานการที่ดี แล้ววันนึง เสือหนุ่ม น้องชายตัวแสบที่ชอบหากิจกรรมประเภท X-tream มาเล่น แล้ววันนั้นเองเสือหนุ่มก็เอาจักรยานคันใหม่ที่เพิ่งซื้อมาขี่แนวท่องเที่ยว กระโดดขึ้นลงฟุตบาทเล่นบ้าง มาโชว์ให้พี่ชายดู แล้วก็ชวนให้พี่ชายคือเสืออ้นลองขี่
จากนั้น...เสืออ้นบอกว่า "ถ้าข้าจะ ขี่ ข้าไม่ขี่แค่ใกล้ๆ นะ นี่เลย กทม.-เชียงใหม่เป็นไงล่ะ".... อุ้ยยย...งานเข้าแล้วเรา เล่นเชียงใหม่เลยเหรอ....ด้วยความที่กลัวเสียหน้า เลยรีบตอบไปว่า "กลัวที่ไหนวะ... ฮ่าๆ" ( ตอบด้วยเสียงสั่น)
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มวางโครงการว่า จะทำยังไงดีกับรถเสือหมอบคันนี้ ให้ไปถึงเชียงใหม่ได้ เพราะมันถูกจอดเก็มานานกว่ายี่สิบปี โดยที่ไม่ค่อยได้ไปแตะมันเลย การสืบเสาะหาร้านซ่อมเสือหมอบระดับประเทศเริ่มขึ้นโดยเสือหนุ่ม รีบไปตั้งกระทู้ถามในเว็บจักรยานทันที www.thaimtb.com และแล้วก็มีผู้ใจดีมาตอบ ว่าพูดถึงเสือหมอบ ต้องโกเหลียงเลยครับ พร้อมทั้งให้เบอร์โทรติดต่อมาเสร็จ ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ที่ใจดีทั้งหลายที่ให้คำแนะนำนะครับ
ผมและพี่ชายรีบจัดการนำรถไปหาโกเหลียงทันที เมื่อไปถึง โกเหลียงก็ทักทายด้วยรอยยิ้มที่ยินดี แต่พอถามว่า ไหนล่ะจักรยานที่จะเอามาให้ดู เสืออ้นรีบไปเอาลงมาจากรถให้ดู โกเหลียงถึงกับอึ้ง แล้วก็พูดว่า นี่เอามาๆๆๆๆๆ... เอ่อ.....งง อ่ะดิ ในใจผมก็นึงว่า แมร่งโค ต ร เก่าเลยใช่มั้ย... |
ในที่สุดโกเหลียงแนะนำว่า "ทำคันนี้ไม่คุ้มหรอก ซื้อใหม่ดีกว่า" คันนี้ใช้ทำขี่เล่นได้ แต่จะขี่จริงจัง ไปไกลถึงเชียงใหม่คงลำบาก ในใจผมตอนนั้นก็คิดว่าเออ...มันก็จริงอย่างที่โกเหลียงบอก แต่การสนทนาในวันนั้นก็จบลงที่ไม่ได้ทำเสือหมอบคันนี้ แล้วเราก็ไปเดินชม SHOP ของโกเหลียง มันช่างอลังกาลอะไรอย่างนี้เนี่ย จักรยานแต่ละคัน ราคาเหยียบแสน โอ้ว.....
แล้วหลังจากนั้นเราสองพี่น้องก็กลับบ้านด้วยความผิดหวัง ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่า พี่ชายผมเค้ารู้สึกยังไง แล้วเตรียมวางแผนยังไงต่อ ที่จะขี่จักรยานไปให้ถึงเชียงใหม่ หรือจะไม่ขี่แล้ว...งั้นหรือ ?
ไม่ได้การล่ะ ระหว่างนั่งรถกระบะกลับบ้าน ผมก็คุยกับพี่ชายมาเรื่อยๆ จนผมเกิดความรู้สึกขึ้นมาติ่งหนึ่งว่า ผมน่าจะทำจักรยานคันนี้ให้มันกลับมามีชีวิตชีวาได้ และพร้อมที่จะขี่ไปเชียงใหม่ได้นะ เออ....เอาก็เอาวะ เลยบอกพี่ชายไปว่า ถ้าโกเหลียงไม่รับทำ เดี๋ยวโกหนุ่มรับทำเอง...ม๊ะ นั่นเป็นที่มาของคำว่า โกหนุ่ม ซึ่งถูกเรียกโดยพี่ชายผมเองฮ่าๆๆ
หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มดำเนินการขั้นต่อไปคือ ลื้อทุกส่วนของเสือหมอบออกมาให้หมด ขัดสนิมออกให้หมด แล้วก็ทำการพ่นสีใหม่ เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่เท่าที่จำเป็น บางส่วนเช่นล้อลูกปืนจุดหมุนต่างๆ เรียกว่า แกะออกมาทุกชิ้น ทำความสะอาดจารบีเก่าออก แล้วอัดจารบีใหม่ทุกส่วน เรียกว่าลื่นหัวแตกกันไปเลยดีกว่า |
แล้วก็ถึงเวลามาประกอบ ในที่สุดก็ได้เป็นคันใหม่สีสวยสดใส แล้วก็นำไปส่งมอบให้พี่ชายด้วยความเซอร์ไพรส์ ด้วยราคาเพียง 2,550 บาท ตรงกับปี พ.ศ. ที่ทำการซ่อมบำรุงเลย |
หลังจากนั้นพี่ชายผมก็เอาจักรยานคู่ใจคันนี้ไปหาที่ปั่นทดลอง เช่น ที่เขาใหญ่ ดอยอินทนนท์ อะไรประมาณนี้ แล้วต่อมาไม่นานหมายกำหนดการ การเดินทาง ทริปกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ก็ถูกกำหนดขึ้นมาโดยนักวางแผนระดับประเทศ หรือพูดง่ายๆ ว่าจอมวางแผนแห่งครอบครัวเรา คือเสืออ้นนั่นเอง... |
การเดินทางใช้เวลาทั้งหมด 5 วันในการปั่น วันแรกออกจากหน้าบ้านที่ลาดพร้าว แล้วไปจบทริปวันแรกที่ จ.สิงห์บุรี วันที่สองออกจากสิงห์บุรีไปยัง อ.สลกบาตร จ.นครสวรรค์ |
วันที่สาม ออกจาก อ.สลกบาตรไปยัง จ.ตาก วันที่สี่ออกจาก จ.ตาก ไปยัง จ.ลำปาง วันที่ห้าออกจาก จ.ลำปางไปยัง จ.เชียงใหม่ เป็นอันว่า สิ้นสุดทริปที่เชียงใหม่ |
ความสำเร็จที่แสนภาคภูมิใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมาร่วม 1 ปีแล้ว และนี่ก็เป็นชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดทริปต่อๆไปอีกหลายๆ ทริป เช่น กทม. - สุราษฎร์ ทริปเชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน และล่าสุดกำลังจะเดินทางในวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค. 2552 นี้ กทม. -เพชรบูรณ์ - เลย - หนองคาย |
บทความนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจส่วนหนึ่ง เพื่อปลุกกระแสให้หันมาขี่จักรยานท่องเที่ยวกัน ใครยังไม่เคยไม่ลองไม่รู้ ของอย่างนี้ มีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ เหมือนดั่งคติที่ว่า ....ตอนเด็กๆ มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน ....ตอนทำงาน มีแรง มีเงิน แต่ไม่มีเวลา ....ตอนแก่ๆ มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง |
จงเลือกใช้ชีวิตให้ถูกกับจังหวะของตัวเอง นั่นหมายถึง คุณกำไรชีวิตแล้ว สวัสดีปีใหม่ครับ ทุกๆ เสือหนุ่มลาดพร้าว 1 (โกหนุ่ม) .... เรื่อง / ภาพ ออนไลน์เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2551 |