เที่ยวฟาร์มโชคชัย โดย...แอ๋ม
|
วันนี้พาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงวิชาการ ที่ฟาร์มโชคชัย ดินแดนแห่งตำนานคาวบอยไทย คุณโชคชัย บูลกุล ผู้บุกเบิกการเลี้ยงโคเนื้อ และโคนมรายแรกของเมืองไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา จนถึง ณ วันนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 2 หมื่นไร่ ชมและทดลองรีดนมวัวด้วยมือคุณ ชมการทำไอสครีมจากนมวัวแท้ และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลายรายการ ตามพวกเรามาเลยนะคะ ฟาร์มโชคชัยตั้งอยู่ที่ ตำบล หนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ริมถนนมิตรภาพเลยตลาดมวกเหล็กไปไม่มากนัก การเดินทางของพวกเรา ก็เป็นวันเดียวกับเที่ยวตระเวณทุ่งทานตะวันที่ลพบุรี และสระบุรี มาแล้ว เรียกว่าวันเดียวเที่ยวให้คุ้ม ก่อนจะเดินทางพวกเราได้วางแผนล่วงหน้า ด้วยการนัดแนะเพื่อนร่วมตะลอน และซื้อบัตรเข้าชมฟาร์มไว้ล่วงหน้า ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของฟาร์มเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่างานนี้ไม่พลาดชัวส์ เราเลือกเวลาเข้าฟาร์มรอบ 15.00 น. หลังตะลอนเที่ยวทุ่งทานตะวันมาถึงหน้าฟาร์ม 14.00 น. หลังยืนยันการเข้าชม ก็ตรงรี่กันเข้าไปในร้านไอสครีม อืมม!มิลด์ ที่ทำจากนมสดแท้จากฟาร์มด้วยเนื้อครีมที่หนาแน่นมีฟองอากาศน้อย อร่อยถูกใจเพราะเป็นของโปรดทุกครั้งที่ผ่านที่นี่ เราจะไม่พลาดไอสครีม อืมม!..มิลด์ ถึงเวลา 15.00 น. ทางฟาร์มซึ่งมีเจ้าหน้าที่แต่งชุดโคบาลใส่เสื้อสีแดงสดสะดุดตา พากลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าชมวีดีโอชีวิตโคบาลเมืองไทยของคุณโชคชัย บูลกุล และลูกชายคุณโชค บูลกุล ที่ช่วยกันพัฒนาฟาร์มโคโชคชัยแห่งนี้จากเดิมที่เป็นโคเนื้อ มาเป็นโคนมในปัจจุบัน บรรยากาศในวีดีโอเหมือนกับการนั่งดูหนังคาวบอยด์ขาดอยู่ก็ตรงฉากการดวลปืนเท่านั้นเอง วีดีโอถ่ายทำได้สวยมากๆๆๆๆๆๆๆ และที่นี่ไกด์ก็แจ้งกติกามารยาทในการเข้าชมฟาร์มคือห้ามสูบบุรี่ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เข้าชม โดยจะมีจุดหยุดให้สูบบุหรี่ได้ที่สวนลูกมังกรในฟาร์ม ก่อนจะย่างเข้าเขตฟาร์มทุกคนต้องเดินผ่านน้ำยาฆ่าเชื้อโรค แล้วไกด์ก็พาเดินชมพิพิธภัณฑ์เครื่องจักรเก่าของฟาร์ม ซึ่งทางฟาร์มถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณต่อฟาร์มแห่งนี้มาก จึงได้จัดเก็บรักษาไว้อย่างดี ต่อจากนั้นก็พาเข้าชมวิธีการรีดน้ำเชื้อโคตัวผู้ที่ศูนย์พันธุกรรมโคนม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน ณ ที่แห่งนี้บรรดาเด็กเล็ก ๆ ต่างก็วิพากวิจารณ์วิธีการรีดน้ำเชื้อกันอย่างงุนงง จากนั้นก็พาเดินชมโรงรีดนมวัว การรีดนมมี 2 วิธีคือ การใช้เครื่องรีดนมอัตโนมัติ และใช้มือคนรีด ซึ่งทั้งสองวิธีต้องมีการทดสอบน้ำนมวัวก่อนรีดจริง ณ จุดนี้มีการให้นักท่องเที่ยวอาสาสมัครร่วมทดลองรีดนมวัว รอบละไม่เกิน 5 ท่าน แอ๋มก็อยากจะทดลองแต่ติดที่วันนี้ใส่เสื้อแขนยาวไม่สะดวกก็เลยแห้ว ออกจากโรงรีดนมวัว ก็พาชมโรงงานเล็ก ๆ ที่ผลิตไอสครีม อืมม!มิลด์ ก่อนเข้าโรงงานก็ต้องเดินผ่านน้ำยาฆ่าเชื้ออีกรอบ เนื่องจากที่นั่นจะต้องสะอาดปราศจากเชื้อโรค มีการอธิบายขั้นตอนการผลิตไอสครีม โดยการนำน้ำนมดิบที่รีดได้ส่งผ่านท่อปลอดเชื้อโรคมายังโรงงานไอสครีม วิธีการพาสเจอร์ไรย์ เป็นการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 72 องศาในเวลา 16 วินาที และทำเย็นทันทีที่ 4 องศา วิธีการนี้ทำให้จุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อมนุษย์ตายหมด จากนั้นก็ส่งน้ำนมไปตามท่อต่อ ไปยังห้องกระจกที่มีเครื่องทำไอสครีม ซึ่งเจ้าหน้าที่ของฟาร์มบอกว่าไอสครีมที่นี่จะมีลักษณะครีมนุ่ม และแน่นไม่มีฟองอากาศมากนัก หลังออกจากโรงไอสครีม ก็ได้รับแจกไอสครีมถ้วยเล็กประมาณ 1 คำ/คน เพื่อให้ลิ้มชิมรส แต่สำหรับพวกเราได้รู้รสความอร่อยของไอสครีมของที่นี่มานานแล้ว จากโรงงานผลิตไอสครีมคราวนี้ก็ได้นั่งรถลาก ผ่านโรงเลี้ยงวัวหลายคอก โดยแยกวัวตามขนาดและอายุ ผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เป็นหญ้า ข้าวโพด และทุ่งทานตะวันสำหรับนกในฟาร์ม ด้วยเหตุที่เข้าฟาร์มช่วงบ่ายดอกทานตะวันก็เลยรวมใจกันคำนับผู้เยี่ยมชมเป็นทิวแถว (ดอกทานตะวันเหี่ยวเนื่องจากอากาศร้อน และบ่ายแล้วค่ะ) ขบวนรถพาชมบ่อหมักหญ้า ซึ่งได้ความรู้เพิ่มเติมว่า นอกจากวัวจะกินหญ้าสด และหญ้าแห้งแล้ววัวยังต้องกินหญ้าหมักที่เสริมวิตามินอีกด้วย และในชั่วโมงที่ 2 พวกเราก็ได้มาหยุดพักกันที่ฟาร์มม้าประมาณ 30 นาที เพื่อชมสวนลูกมังกร และสนุกกับการขี่ม้าด้วยอัตราค่าบริการคนละ 40.- บาท/เที่ยว ซึ่งจะเรียกว่าขี่ม้าก็คงไม่ถูกต้องนัก ต้องเรียกว่านั่งม้าจะเหมาะกว่า เพราะมีโคบาลประจำม้าแต่ละตัวเดินจูงม้า พาวนไปหน้าสนามจำนวน 1 รอบ (เดินเป็นทางตรงไป + กลับ) แต่พวกเราก็สนุกสนานกับการได้นั่งบนหลังม้าในครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นค่ะ เมื่อขึ้นบนหลังม้าก็ดูสูงกว่าพื้นดินมากเหมือนกัน แต่ก็อุ่นใจเพราะมีโคบาลคอยกำกับอยู่ ผ่านฟาร์มสุนัข มีการโชว์ความน่ารักของสุนัขแสนรู้ให้ชมนิดหน่อย โดยผู้ชมนั่งชมบนรถพ่วงค่ะ ไม่ได้ลงจากรถ จุดสุดท้ายก็คือ สวนสัตว์ของฟาร์ม ซึ่งเป็นสวนสัตว์เล็ก ๆ มีนกหลายชนิด เก้งที่เชื่องมากเดินปะปนกับนักท่องเที่ยว กระต่าย นกกระจอกเทศ ฮิปโป พร้อมกับได้สนุกกับการให้นมลูกวัว ให้อาหารแกะตัวอ้วนกระปุ๊กลุกน่ารัก และที่นี่ยังมีโรงม้าแคระสำหรับเด็ก ๆ ที่ต้องการนั่งม้าไว้บริการอีกด้วย จากนั้นก็ปิดท้ายรายการเที่ยวฟาร์มในวันนี้ด้วยการชมการแสดงของนกอินทรีย์และลิงแสนรู้ ที่แสนรู้จริง ๆ สามารถเล่นมุขตลกกับผู้กำกับการแสดงได้ถูกใจนักท่องเที่ยว การเข้าชมฟาร์มวัวโชคชัย คิดว่าน่าจะเป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่อบอุ่น ชมได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ๆ หนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ ก็เหมาะมากๆ ค่ะที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ ฯ สำหรับครอบครัวที่มีเวลาไม่มากนักสำหรับวันหยุดพักผ่อนเพียงวันเดียว และมีเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่พร้อมจะท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่ไกล ๆ ได้คล่องตัวนัก การเตรียมตัวเข้าชมฟาร์ม ติดต่อสำรองบัตรได้ที่ " แอ๋ม "
|
 |
ภาพซ้าย : หน้าร้านไอสครีมอืมม!มิลด์
ภาพขวา : ถึงแล้วฟาร์มโชคชัย |
 |
 |
ภาพซ้าย : แหล่งชุมนุมโคบาล จุดนี้ค่ะสนุกตื่นเต้นกับการขี่ม้า
ภาพขวา : แอ๋มอาสาเป็นหนูทดลองขี่ม้าเป็นคนแรก.ตื่นเต้นๆๆๆๆๆๆ |
 |
 |
ภาพซ้าย : รายต่อไปก็จิ๊ก
ภาพขวา : จิ๊บกะคุณพิศอดใจไม่ไหว ขอลองขี่ม้ามั่ง |
 |
 |
ภาพซ้าย : รถพ่วงคันนี้ค่ะ ที่พาพวกเราไปเที่ยวในฟาร์ม
ภาพขวา : มุมสวยหน้าสวนสัตว์ |
 |
 |
ภาพซ้าย : ฟาร์มม้าแคระที่มีไว้บริการเด็ก ๆ ที่อยากจะลองขี่ม้า
ภาพขวา : น้อยหน่าบ้านกลางดงกะลูกมังกร ของฝากริมทางที่รสชาติอร่อยมากค่ะ |
 |
 |
ภาพซ้าย : นกแก้วก็มีค่ะตัวเบ่อเร่อ
ภาพขวา : เก้งหรือกวางไม่แน่ใจ เชื่องมากค่ะเดินปะปนกันนักท่องเที่ยว |
 |
 |
ภาพซ้าย : แกะตัวกระปุ๊กลุค น่ารักมากๆๆๆ เลย
ภาพขวา : การรีดนมวัวด้วยเครื่องรีดอัตโนมัติ (วัวมีนมเต้าเดียวนะ แต่มี 4 หัวนม) |
 |
 |
ภาพซ้าย : ลูกวัวรุ่นเล็ก น่าอุ้มจัง
ภาพขวา : นักท่องเที่ยวกำลังให้นมลูกวัว |
 |
 |
ภาพซ้าย : นักท่องเที่ยวทดลองรีดนมวัวด้วยมือ
ภาพขวา : คอกเลี้ยงโคกลางแจ้ง |
 |
 |
ภาพซ้าย : พิธีกรน่ารัก หน้าพิพิธภัณฑ์ครื่องจักรเก่าของฟาร์ม
ภาพขวา : พิพิธภัณฑ์รถเก่ารุ่นแรก ที่ใช้ในฟาร์ม |
 |
 |
ภาพซ้าย : การแสดงของสุนัขแสนรู้
ภาพขวา : กระต่ายก้อน่ารัก |
 |
 |
ภาพซ้าย : เวทีการแสดงในสวนสัตว์
ภาพขวา : ตะวันจวนลับฟ้า ถึงเวลาอำลาฟาร์มโชคชัย |
 |
