ยายจวน และ เขา

ยายจวน และ เขา

ยายจวน และ เขา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องของยายคนหนึ่งในตลาดน้ำคลองลัดพลี ตลาดน้ำแห่งแรกของเมืองไทย

แด่…พ่อแม่บังเกิดเกล้า และคนพายเรือทุกผู้คน

      ชายแปลกหน้านั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นนานจนผิดสังเกต  นอกจากเจ้าของร้านฮกหลีคาเฟยแล้ว หากจะมีใครคอยมองดูเขา คงรู้ว่าเขาดูดโอเลี้ยงใส่น้ำแข็งในแก้วโบราณเข้าไปแล้วสองแก้ว  บนใบหน้าอันหมองคล้ำดวงตาทั้งคู่นั้นเหม่อลอยราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวอะไรที่ว้าวุ่นใจสักเรื่องหนึ่ง 

      “ผลไม้จ้า…ผลไม้”  “ผลไม้สดสด  จากสวนฉันเองจ้า”  “วันนี้มีส้มโอหวาน…กล้วยไข่…กล้วยน้ำว้า…ทับทิมหวานหวานจ้า”  “มะม่วงก็มีนะจ๊ะ  จากสวนฉันเองจ้า…”  หญิงวัยชราอายุประมาณเกือบแปดสิบปี พายเรืออย่างทะมัดทะแมง พลางร้องขายสินค้าในเรือสำปั้นเก่าคร่ำคร่ามาตลอดทาง จนถึงตลาดแห่งนี้ที่มากไปด้วยพ่อค้าแม่ขายมากมาย ซึ่งต่างพายเรือเบียดเสียดยัดเยียดเข้ามาขายสินค้าของตน  ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับตลาดนัดจตุจักรในวันหยุดที่คับคั่งไปด้วยผู้คนแผงร้านค้าขายของมากมาย  จะต่างกันก็ตรงที่ตลาดแห่งนี้อยู่ในน้ำ และไม่มีใครโกรธเคืองใครเมื่อเรือของตนกระทบกระทั่งกันกรุกกรัก

      “มาเช้าทุกวันเลยนะยายจวน…ขยันอย่างนี้จะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนกันจ๊ะ…แม่”  แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวหมู เอ่ยทักเมื่อเรือทั้งสองลำกระทบกันเหมือนเช่นทุกวัน “ข้าก็เอาเงินไปทำบุญที่วัดโช  ซิวะอีแจ๊ว เผื่อชาติหน้าข้าจะได้ไปเกิดเป็นนางฟ้า นางสวรรค์ จะได้ไม่ต้องมาเจอเอ็ง..อี่นี่” แม่ค้าวัยชราพูดยั่วแม่ค้ารุ่นลูกให้สนุกอารมณ์เล่น ตามประสาคนคุ้นเคยที่มีแต่ความจริงใจให้แก่กัน คำพูดยียวนกวนอารมณ์แบบนี้ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ถือสากัน 

      ชายแปลกหน้ายังคงฟังแม่ค้าต่างวัยทั้งสองคุยกันเรื่อยไปทั้งที่เสียงแม่ค้าคนอื่นๆ ก็ส่งเสียงดังโหวกเหวกไปตามความต้องการของตน  เขาสนใจแม่ค้าวัยชราเป็นพิเศษ แม่ค้าคนที่ถูกเรียกว่ายายจวน ช่างมีรูปร่างท่าทาง ท่วงทำนองคำพูดคำจาเหมือนกับยายของเขาที่ยังไม่มีโอกาสพบหน้ากันนานมากแล้วยิ่งนัก 

 

     ยายจวนขยับเรือไปได้ไม่ไกลเพราะการจราจรทางน้ำตอนนี้ติดขัด เรือทุกลำลอยเบียดเสียดกันอยู่อย่างนี้เป็นเวลานานมากแล้ว  แกคงจะเหนื่อยเพราะอายุของแกก็ไม่ใช่น้อย จากที่ร้องเรียกขายของตั้งแต่เช้า ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง วันนี้ถือว่าแกขายได้ไม่ดีนัก เพราะเรือของแกดันถูกเบียดไปอยู่เสียกลางคลอง  พอมีจังหวะมีช่องแกก็พยายามแทรกเบียดเข้าหาฝั่ง  เพราะที่ฝั่งมีคนมาเดินเที่ยวซื้อของซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรนั่นแหละ  และหนึ่งในจำนวนนั้นมีเขาคนนั้น คนที่นั่งมองยายจวนอยู่อย่างตั้งใจ

      “ขายดีไหมจ๊ะยาย” เป็นคำพูดในประโยคที่สองของเขาในเช้านี้ “ไม่ดีเท่าไรหรอกไอ้หนู…เรือมันดันไปติดอยู่กลางคลอง เพิ่งจะกระเถิบเข้ามาได้นี่แหละ…เอ็งมาจากกรุงเทพเหรอ”  “ใช่จ๊ะยาย มาตั้งแต่เมื่อคืน นอนที่โรงแรมในตัวเมือง เช้าก็ตื่นแต่เช้าแล้วขับรถมาดำเนินนี่แหละ…มาใส่บาตรพระ” เขาตอบเสียยืดยาวทั้งที่ผู้ถามไถ่ความไปนิดเดียว “ดีดี รู้จักทำบุญตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น เอ็งจะได้พบเจอแต่เรื่องดีๆ ทำไปเหอะบุญน่ะเชื่อยาย มันจะส่งให้เอ็งได้ดี” “สาธุ..จ๊ะยาย ฉันไม่หวังผลอะไรหรอกจ้า แค่รู้สึกอยากทำเท่านั้นเอง” “อืม อืม” ยายจวนพยักเพยิดหน้าใต้ร่มเงางอบใบเก่าของแก

      “กินอะไรมาหรือยังล่ะพ่อหนุ่ม ก๋วยเตี๋ยวไหมอร่อยน๊า” คู่ปรับเก่ายายจวนเบียดเรือเข้ามาอีกครา “เออ…ของมึงน่ะอร่อยจังละ กูขอกินน้ำในคลองลัดพลี นี่ดีกว่ากินน้ำก๋วยเตี๋ยวจืดจืด ของมึง อีแจ๊ว…ถุย”  “อ้าวยาย..ปากเสียแล้วไหมล่ะ ทำไมว่ากันอย่างนั้นล่ะ ถ้าไม่อร่อยจริง ชั้นไม่ขายมาได้กว่ายี่สิบปีหรอกนะ พูดแล้วจะว่าคุยนะไอ้หนุ่ม วันก่อนยังมีรายการทีวีเขามาถ่ายป้าออกทีวีเล้ย” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวโฆษณาไม่เกินจริง เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีรายการทีวีมาถ่ายที่ตลาดน้ำแห่งนี้จริงๆ “จริงเหรอป้า งั้นลองสักชามนะเอาเส้นบะหมี่ ต้มยำด้วยนะป้า กำลังหิวอยู่เหมือนกัน” เขาสั่งก๋วยเตี๋ยวเหมือนอย่างที่เขาเคยสั่งเจ้าประจำในที่ทำงาน  แต่วันนี้มันผิดแปลกออกไปตรงสิ่งแวดล้อมและผู้คนที่ดูมีอัธยาศัยไมตรี แม้จะไม่ได้พูดคุยกันเพราะไม่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน แต่เขาก็รับรู้ความสึกของผู้คนที่นี่ได้ด้วยรอยยิ้ม

      “พ่อหนุ่ม….แล้วเอ็งมาเที่ยวกี่วันล่า….เคยลงเรือไปเที่ยวในคลองนี่แล้วหรือยังหือ” ยายจวนถามเขาหลังจากที่แกส่งถุงใส่ส้มโอหวานของแกให้กับลูกค้าสาวสวย “ยังไม่รู้เลยจ๊ะยาย กะว่าจะมาหาที่พักเงียบเงียบ ที่ดำเนินนี่สักสามสี่วัน แล้วค่อยกลับกรุงเทพ” หรืออาจจะไม่กลับไปอีกเลยเขาคิดในใจ เพราะเวลานี้เขาไม่เหลือใครที่นั่นอีกแล้ว นอกจากงานอันน่าเบื่อ และสังคมที่แก่งแย่งไม่มีความจริงใจ เขาเบื่อที่ทุกวันจะต้องพบเจอแต่คนที่ใส่หน้ากากประจบสอพอ แม้ตัวเขาเองก่อนเข้าที่ทำงานก็ต้องใส่หัวโขน เขาเผลอคิดถึงกรุงเทพทั้งที่เขาไม่อยากจะคิดถึงมันเลย

      “เดี๋ยวอีกสักพัก สายสายคนเขาก็กลับกันแล้วละ เดี๋ยวเอ็งลงเรือไปเที่ยวในคลองไหมล่ะ พ่อหนุ่ม” ยายจวนชวนเขาลงเรือไปเที่ยวดูอะไรแปลกตาที่เขาเองไม่เคยดูมาก่อน  นี่ถ้าเป็นกรุงเทพคงไม่ได้ยินคำเชื้อเชิญให้คนแปลกหน้าขึ้นรถ แม้จะเป็นคนในหมู่บ้านจัดสรรที่เขาซื้ออยู่แถวดอนเมือง วันก่อนรถเขามีอันต้องเข้าศูนย์ เขาไม่มีรถใช้ต้องเดินออกมาปากซอย ก็ยังไม่เห็นมีใครเรียกให้ขึ้นรถมาปากซอยด้วยสักคน ระยะทางจากกรุงเทพถึงดำเนินสะดวกแค่ร้อยกว่ากิโลเมตร เมื่อวานที่เขาขับรถมานั้นใช้เวลาไปเพียงชั่วโมงเศษ ดูแล้วไม่ไกลกันมากนักแต่วิถีชีวิตน้ำใจไมตรีมันช่างต่างกันเหลือเกิน 

      “ไปสิยาย” เขาตอบยายจวนอย่างรีบร้อนและตื่นเต้นด้วยการจะได้นั่งเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวคลองลัดพลีแห่งนี้  สีหน้าเศร้าหมองของเขาเลือนหายไปเพราะรอยยิ้มเห็นฟันขาว เขาลืมไปว่านี่เป็นรอยยิ้มแรกของเช้าวันนี้ ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกเขาว่าให้ยิ้มทุกวัน ให้ยิ้มกับทุกเรื่องและทุกคน 

 

      “ก๋วยเตี๋ยวของป้าก็อร่อยดีนี่ครับ อร่อยและถูกกว่าในกรุงเทพเสียอีก เนี่ยชามละสิบห้าบาทหาไม่เจอแล้วนะป้า” เขาเริ่มเป็นกันเองกับแม่ค้าทั้งสองอย่างไม่รู้ตัว “ก็ขายมันถูกถูกนี่แหละ กำไรนิดหน่อยพอส่งไอ้ฟลุ้คมันไปโรงเรียนก็พอแล้ว” “คนดำเนินเนี่ยนะพ่อหนุ่ม เขาพายเรือขายของกันแก้เบื่อไปงั้นแหละพ่อเอ๊ย อยู่บ้านก็เบื่อ สู้พายเรือออกมาขายของเจอพรรคเจอพวก ก็คุยกันในเรือนี่แหละ….สนุก” ยายจวนระบายความรู้สึกแทนแม่ค้าทั้งตลาดน้ำ ซึ่งความจริงแล้วที่แกพูดก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ “มีลูกมันก็เข้าไปอยู่กรุงเทพ ใกล้แค่นี้มันยังไม่อยากกลับมาเยี่ยมเล้ย เหมือนลูกอีแจ๊วนั่นแหละ มาทิ้งไอ้ฟลุ้คไว้ให้มันเลี้ยง นานกว่าจะมาสักที มาก็เอาเงินมาให้แล้วมันก็กลับไป” ยายจวนสาธยายเรื่องของคู่ปรับฝีปากเพราะแกมักจะระบายทุกข์ด้วยกันอยู่บ่อย

      “เห็นพายเรืออย่างเนี๊ยะเถอะ ไม่จนหรอกนะเนี่ย ลูกลูก ขับซีอาร์วี ขับซีวิค ทั้งนั้นนะไอ้หนุ่ม” ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมผิวดำแดงเข้ามาร่วมวงสนทนาอีกคน “ฮ่าฮ่าฮ่า…ผู้ใหญ่ รวยเรยอาร๊าย มันก็เป็นขี้ข้าผ่อนส่งญี่ปุ่นเขานั่นแหละ สู้เรือสำปั้นของฉันไม่ได้หรอก ไม่ต้องผ่อนส่งใครไม่เปลืองน้ำมัน ร้อนก็วักน้ำในคลองลูบหน้าเอา สบายดีใช้มันมาเกือบยี่สิบปีแล้วยังไม่เสียเล้ย” ยายจวนพูดให้เขาได้ขำออกมา หน้าระบมทุกข์ที่เขาแบกมาจากกรุงเทพมลายไปสิ้น เขาเริ่มรู้สึกถูกชะตากับมิตรใหม่ต่างวัยราวกับเป็นคนที่คุ้นเคยกันมานานแสนนาน

      “ลงเรือเถอะพ่อหนุ่ม เดี๋ยวยายจะเป็นไกด์ให้เอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ไปละผู้ใหญ่ จะพาพ่อหนุ่มนี่เขาไปเที่ยวในคลอง…อีแจ๊วพรุ่งนี้เอางอบใบใหม่ของกูมาให้ด้วย วันก่อนผัวมึงยืมของกูไปยังไม่คืน กูก็จะลืมซะเรื่อย”  “ได้ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้ยาย….เอ๊าพ่อหนุ่มลงเรือดีดีไม่ต้องเกร็ง นั่งสบายสบาย ให้ยายจวนเขาพายนั่นแหละ” แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวช่วยดูแลสวัสดิภาพ เมื่อเห็นเขาลงเรืออย่างไม่คล่องแคล่วนัก “ไปกันดีดีล่ะ โชคดีนะพ่อหนุ่ม” ผู้ใหญ่บ้านอวยพรเมื่อเรือเบนหัวออกจากฝั่ง “ขอบคุณครับผู้ใหญ่ ขอบคุณครับป้า ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากครับ” เขายิ้มให้อีกระรอก

      ยายจวนพายเรือเอื่อยๆ ไม่รีบเร่ง ด้วยเพราะเรี่ยวแรงของแกได้ถดถอยลงไปมาก ไม่เหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อนที่แกพายเรือลำนี้ให้แล่นฉิวได้ไวกว่านี้ แกไม่รู้สาเหตุว่าทำไมแกถึงพายเรือได้ช้าลง แกไม่เคยถามใครถึงเรืองนี้  ทุกวันหลังจากกลับตลาดน้ำคลองลัดพลี ที่ทำมาหากินและเปรียบเสมือนสโมสรของแกแล้ว แกก็จะพายเรือกลับบ้านไปทำงานบ้านของแก และก็หุงหาอาหารให้ไอ้ทองหมาแก่พันธุ์ไทยที่นับวันก็อายุมากเข้าไปทุกวัน  ไอ้ทองก็คงเหมือนกับแกตรงที่อายุมากเหมือนกัน 

     ในช่วงค่ำของวันหนึ่ง วันนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวที่ใกล้จะถึงวันปีใหม่ ที่ศาลาท่าน้ำบ้านยายจวนมันช่างเงียบสงบวังเวง  อากาศหนาวและความมืดยิ่งเพิ่มความเหงาให้แกมากขึ้นไปใหญ่  แกคิดถึงผัวของแกที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วหลายปี  แกคิดถึงลูกชายคนโตที่ชอบทำอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อกลับมาถึงบ้าน  แกคิดถึงลูกสาวที่คอยช่วยแกจุดไฟในเตาหุงข้าว และแกก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอีกหลายเรื่องอย่างทบทวน แกนั่งมองใบไม้ที่ล่วงหล่นและไหลไปตามกระแสน้ำ  ไอ้ทองมันคงรู้ว่าเจ้านายของมันเหงายิ่งนัก มันรับรู้ความรู้สึกนี้จากที่เจ้านายของมันถ่ายทอดผ่านฝ่ามือลงมาที่หัว “มึงกับกู ไม่รู้ใครจะไปก่อนกันนะไอ้ทอง”  แกพูดออกมาด้วยอารมณ์เศร้า แกนั่งลูบหัวมันอยู่อย่างนั้นถึงแม้จะมียุงกัดแกจนอิ่ม แกไม่ได้ทำร้ายมันเพราะแกไม่รู้สึก

 

     “นี่แหละคลองลัดพลี เป็นคลองย่อยจากคลองดำเนินสะดวก” ชายหนุ่มพยัคหน้าตอบเสียงด้านหลัง ไกด์วัยชราเริ่มทำงาน  “เมื่อก่อนสมัยรอสี่ ท่านให้คนงาน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนนั่นแหละขุดคลองดำเนิน เพื่อจะลัดไปสมุทรสาครโน่น ก็เหมือนตัดถนนนั่นแหละ” เขาพยัคหน้าอีก “หลวงเขาก็เลยยกที่ดินบางส่วนให้พวกคนจีนแทนค่าจ้าง คลองดำเนินตรงแน่วเลย เขาว่ากันว่ากว้างหกวา ยาวสามสิบห้ากิโลเชียว” เขาหันมา “โอ็โฮ ยาวมากเลยนะยาย ใช้คนขุดนี่นะ แต่ผมว่าตอนนี้มันกว้างกว่าหกวาแล้วนะสักสิบวาได้มั้งเนี่ย”  “โอ๊ย…บางที่ยี่สิบวาก็มีนะ น้ำมันเซาะน่ะ” เขาพยัคหน้า

     “ตลาดน้ำคลองลัดพลี นี่ถือเป็นตลาดน้ำแห่งแรกของดำเนินเลยนะ มีมาเป็นร้อยปีแล้ว แรกฝรั่งมันมาเห็นเข้ามันก็ไปบอกต่อกัน คนไทยก็จัดทัวร์พามา เลยดังกันไปใหญ่ เดี๋ยวนี้มีเป็นสิบสิบตลาด ขายกันทุกวัน เสาร์อาทิตย์คนก็เยอะ เบียดเสียดกันอย่างเมื่อเช้านั่นแหละ สมัยยายสาวสาวนะ คนขายเยอะกว่าคนซื้อ ตื่นมาก็แต่งตัวพายเรือมาตลาด ไม่ได้ตั้งใจขายของหรอก อยากมาเจอเพื่อนมาคุยกัน มากินขนมมาดูเสื้อผ้า สายก็กลับเข้าบ้านเข้าสวน ไปเคี่ยวน้ำตาล อยู่บ้านมีงานให้ทำทั้งวันไม่ได้หยุด” แล้วยายไม่เหนื่อยเหรอ “ไม่เหนื่อยหรอก แรงดีตอนนั้น ไม่เหมือนตอนนี้ มันถดถอยลงทุกวัน”

     “งั้นให้ผมพายบ้างไหมยาย” เขานึกขึ้นได้ว่าคงต้องช่วยยายให้เบาแรงบ้าง และเขาก็ได้ไม่รู้สึกละอายอีกต่อไป “พายเป็นรึ”  “เป็นครับ แต่ไม่ได้พายนานแล้ว บ้านผมก็อยู่ติดน้ำเหมือนกัน เป็นลูกแม่น้ำ แต่บ้านผมอยู่ไกลนะยาย ผมเป็นคนเหนือบ้านอยู่จังหวัดน่าน ยายเคยไปไหม” “หึ ไม่เคยหรอก ไอ้หนูมันเคยบอกว่าจะพายายไปเที่ยวเชียงใหม่ มันพูดนานแล้ว มันคงลืมไปแล้วหละ แต่ยายยังจำได้ ยายไม่เคยไปเที่ยวไหนหรอก ตอนตาเขายังอยู่เขาได้พาไปไหว้หลวงพ่อวัดบ้านแหลมสองครั้ง เอ็งเคยไปไหมล่า ท่านศักดิ์สิทธิ์นะขออะไรได้หมด อยู่ที่สมุทรสงครามนั่นแหละ” เขาหันมายื่นมือขอไม้พายจากยาย แล้วจัดที่นั่งให้เข้าที่พลันลงพายแรกวาดผิวน้ำกลับลำให้ท้ายเรือมาเป็นหัว มันออกจะต้านน้ำสักหน่อย แต่เขาก็รู้สึกขำดีที่เอาท้ายเรือมาเป็นหัว

 

     “เดี๋ยวก็ถึงบ้านยายแล้ว เดี๋ยวเอ็งไปนั่งพักที่ศาลาก่อนก็ได้” ยายจวนเปรยให้เขา “ยายจะหาข้าวให้ไอ้ทองมันกิน” แกพูดต่อ “แล้วพ่อหนุ่มมาเที่ยวคนเดียวไม่เหงารึ” ยายจวนสงสัยตั้งแรกพอดีสบโอกาสถามจึงได้ถามออกไป “ก็เหงาแหละยาย แต่ไม่มีใครเขามาด้วยแล้ว” “แล้วเมียลูกเต้ายังไม่มีรึไง” “เคยมีแฟนครับยาย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” เขาเริ่มคิดถึงเรื่องที่ลืมไปอีกครั้ง “อยู่คนเดียวก็สบายไปไหนก็ได้ไป กินก็ปากเดียว…ไม่วุ่น” เขายิ้มกลบเกลื่อน “เอาละถึงบ้านยายแล้ว นี่แหละ” บนฝั่งคลองใต้ถุนบ้านมีหมา ซึ่งก็คงจะเป็นไอ้ทองยืนกระติกหางดิกดิกรอนายของมันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

     “เอ็งน่ะเป็นคนดี” ยายจวนพูดกับเขาเมื่อเขาขึ้นมานั่งที่ศาลาท่าน้ำร่มเย็นสบาย “ยายรู้ได้ยังไงครับ” เขาถามกลับอย่างสงสัย ทั้งที่ยายจวนพึ่งจะได้รู้จักเขาไม่กี่ชั่วโมง “ก็ไอ้ทองมันไม่เห่า…หมามันรู้นะใครดี ใครไม่ดี มันดูใจคนออก ดูสิมันจะเล่นกับเอ็งด้วย” เขาลูบหัวมันและเริ่มพูดคุยกับไอ้ทองไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่ยายจวนหายเข้าครัวไปหุงข้าวเพื่อรับแขก และเผื่อไอ้ทององครักษ์ของแก

     “เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันซะเลยนะพ่อหนุ่ม” ยายจวนตะโกนมาจากในบ้าน “ไม่ดีกว่าครับยาย เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้วละครับ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอก กับข้าวเยอะแยะ ผักก็อยู่ในสวน กินไม่รู้จักหมด นี่ถ้าไอ้หนู กับ อีหนูมันมาก็คงจะดี จะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า” ยายจวนพูดพรางชี้ให้เขาดูรูปลูกชายลูกสาวที่ติดอยู่ที่ฝาบ้านทรงไทยหลังเก่า รูปนั้นลูกๆ ของแกทั้งสองกำลังรับพระทานปริญญาบัตรเมื่อหลายปีมาแล้ว

     “คิดถึงมันก็มานั่งดูรูปมันนี่แหละ โทรศัพท์ก็ไม่กดไปหามันหรอก กลัวไปกวนมันเวลาทำงาน ไอ้หนูมันเคยดุเอาครั้งนึง ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้โทรศัพท์ไปหามันอีกเลย…รอมันกดมาข้างเดียวนี่แหละ” น้ำตายายจวนเริ่มปริ่มที่ขอบตาจนล้นไหลออกมาตามทางที่เป็นริ้วรอยชราทั้งสองแก้ม  เขาปล่อยให้ยายจวนพูดอะไรต่อไปโดยที่เขาตั้งใจฟังอย่างเห็นใจ มีบางครั้งที่เขาสงสารจึงพูดปลอบใจแกออกไปบ้าง เพื่อไม่อยากให้แม่ลูกต้องมานั่งน้อยใจกัน

     “สังคมเมืองหลวงก็อย่างนี้แหละครับยาย…ทุกคนต่างเคร่งเครียด มุ่งทำงานหาแต่เงินกันอย่างเดียว กลับเข้าบ้านเข้าที่พักก็มืดค่ำดึกดื่น อ่อนเพลียหมดแรงนอนหลับไม่มีเวลานึกถึงใคร เช้าขึ้นมาก็ไปแก่งแย่งกันต่อ…” เขาเล่าถึงวิถีชีวิตของคนกรุงเทพ “ก็เพราะอย่างนี้แหละพ่อเอ๊ย ยายถึงไม่อยากจะเข้าไปกรุงเทพ มันลำบาก เคยบอกไอ้หนูมันแล้วนะให้กลับมาอยู่บ้านทำสวนขึ้นตาลขายผลหมากรากไม้ก็พอกินแล้ว….แต่มันบอก ไม่พอกิน” แกพูดไปเช็ดน้ำตาไป แต่แปลกเวลาคนแก่ร้องไห้นี่ไม่เหมือนกับเด็ก คนแก่ร้องไห้ไม่มีสะอึกสะอื้น ไม่ไอ ไม่ระคายคอ มีเพียงน้ำตาใสไหลออกมา  เขารู้จักคุณค่าของน้ำตาดี ยิ่งเป็นน้ำตาของผู้เป็นแม่หลั่งออกมาแล้วนั้นมันไม่สามารถประเมินค่าได้  เขานึกถึงวันที่เขาออกจากบ้านเพื่อมาทำงานในกรุงเทพเป็นครั้งแรก  วันนั้นแม่เขามาส่งที่ท่ารถ บขส. ในตัวจังหวัดน่าน ตอนรถออกเขามองเห็นแม่ยืนโบกมือน้ำตาไหล นั่นเป็นภาพที่ติดตาเขามาตลอด และเช่นกันเมื่อเขานึกถึงภาพนั้นทีไร เขาก็จะน้ำไหลทุกครั้งเช่นกัน

 

     อาหารกลางวันในบ้านสวนริมคลองลัดพลีมื้อนี้อร่อยเด็ดกว่าหลายมื้อที่เขาพยายามกลืนมันเข้าไปในหลายวันที่ผ่านมา  คงเป็นเพราะด้วยความผิดหวังเสียใจ เลยทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน  แต่วันนี้เขาได้มาใส่บาตรพระตอนเช้า  และได้มานั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำริมคลองหน้าบ้านของยายแก่คนหนึ่งที่พึ่งจะรู้จักกันเมื่อเช้า ได้มานั่งกินข้าว ได้ฟังเรื่องราว ได้รับรู้ความสุข ได้แบ่งเบาความทุกข์ระทม  ตอนนี้เขากลับรู้สึกดีขึ้น รู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่  เขาตัดสินใจกับเรื่องที่ยังค้างคาใจได้อย่างลงตัว…

     “คุณยายครับ…ผมขอบคุณคุณยายมากมากนะครับ ผมจะกลับแล้ว แล้วผมจะกลับมาหาคุณยายที่คลองลัดพลีนี้อีก  ผมขอให้ลูกลูกของคุณยายกลับมาหาคุณยายในเร็ววันนี้นะครับ…ฯลฯ…วันนี้ผมจะกลับไปหาแม่ผมครับ”


     “เดี๋ยวยายจะไปส่ง”

นุ บางบ่อ ... เรื่อง / ภาพ


................................................................................................................................................

การเดินทางสู่ตลาดน้ำคลองลัดพลี อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
รถยนต์ส่วนตัว
   1.เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลขที่ 4) ผ่านบางแค  สวนสามพราน  นครชัยศรี  นครปฐม  เลยกิโลเมตรที่ 83  ไปเล้กน้อยจะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร แยกขวา อีก 1 กิโลเมตร

   2.เดินทางไปตามถนนสายธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงสาย 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงสาย 326  ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงทางเข้าตลาดน้ำ ซึ่งอยู่ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร

รถประจำทาง
   1.มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ - ดำเนินสะดวก ออกจากสภานีขนส่งสายใต้  ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรกรถออกเวลา 05.00 น. ถึงปากทางเข้าตลาดน้ำดำเนินสะดวก อีก 1 กิโลเมตร สอบถามตารางเดินรถสายใต้ โทร. 02 435 1199 , 02 435 1200

แนะนำที่พักในตัว จ.ราชบุรี
โรงแรมเวสเทิร์นแกรนด์
105/1 ถ.เพชรเกษมสายเก่า ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000
โทรศัพท์ 0-3233-7777 , 0-3231-3888
www.westerngrandhotel.com

ขอขอบคุณ
- สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี
  โทร. 032 322 2028 , 032 315 372
- คุณยายจวน
- ศูนย์วัฒนธรรม 8 ชนเผ่า ราชบุรี
- และทุกรอยยิ้มของชาวคลองลัดพลี

 

 

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ ยายจวน และ เขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook