เยือนถิ่นงาม นามนครปฐม

เยือนถิ่นงาม นามนครปฐม

เยือนถิ่นงาม นามนครปฐม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟังสิคะ.. คำขวัญผู้คนบ้านเมืองนี้เขาช่างไพเราะ ชวนเหาะจินตนาการให้ตามไปชม-ไปชิมเสียเดี๋ยวนี้
"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"

คนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่ใคร่จะทราบว่า จังหวัดนครปฐม นั้นก่อเกิดและเจริญรุ่งเรืองมานับร้อยนับพันปีแล้ว หลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่า นครปฐมแต่เดิมตั้งอยู่บริเวณชายทะเล เป็นเมืองเก่าแก่ที่เคยรุ่งโรจน์มาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินสุวรรณภูมิ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของราชธานีสำคัญในสมัยทวารวดีอีกด้วย จึงไม่แปลกที่นครปฐมในสมัยกาลนั้น จะเป็นแหล่งเผยแพร่อารยธรรมสำคัญๆ โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย จนเมื่อเกิดความแห้งแล้งอย่างแสนสาหัส จากการที่แม่น้ำสายหลักได้เปลี่ยนทิศทางไหลไปสู่เส้นทางอื่น ชาวบ้านจึงพากันอพยพไปตั้งหลักแหล่งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มน้ำแห่งใหม่ชื่อ นครไชยศรี เมืองนครปฐมเดิม จึงถูกปล่อยร้างไว้เป็นเวลานับร้อยปี จวบเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงธุดงค์มาพบพระปฐมเจดีย์เข้า ทรงเห็นว่าเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ที่ไม่มีที่ใดเสมอเหมือน ครั้นเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ จึงโปรดฯ ให้มีการบูรณะและก่อเจดีย์แบบลังกาครอบองค์เดิมไว้ และพระราชทานชื่อพระมหาเจดีย์แห่งนี้เสียใหม่ว่า พระปฐมเจดีย์

 

+ นมัสการพระปฐมเจดีย์

องค์พระปฐมเจดีย์ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า พระมหาเจดีย์แห่งนี้อาจสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งพระสมณะทูตใน พระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนายังสุวรรณภูมิ ลักษณะเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ (ปากผาย) โครงสร้างทำจากไม้ซุง รัดด้วยโซ่ขนาดใหญ่ ก่ออิฐ ฉาบปูน และปูประดับด้วยกระเบื้องสีเหลือง-แสด ชั้นล่างประกอบด้วยวิหารสี่ทิศ พร้อมด้วยกำแพงแก้วสองชั้น พระปฐมเจดีย์ นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญทางทางศาสนาของไทย ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของชาวจังหวัดนครปฐมอีกด้วย ภายในองค์พระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชาวคู่หูเดินทาง ที่กำลังมองหาสถานที่เดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว เมื่อมาถึงพระปฐมเจดีย์แล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปกราบนมัสการ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน รวมถึงศาลเจ้าพ่อปราสาททองและพระศิลาขาวด้วย ถ้ามาที่องค์พระปฐมเจดีย์แล้ว สิ่งที่ผู้คนนิยมทำเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตนั่นก็คือ การเดินรอบพระอารามชั้นนอก หรือชั้นในก็ได้ให้ครบ 3 รอบ เพื่ออธิฐานจิตขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมปรารถนาดั่งสิ่งที่หวังไว้

ในตอนเย็นแดดร่มลมตกบริเวณอีกด้านขององค์พระปฐมเจดีย์ก็จะมีตลาดนัดของกินที่มีให้เราเลือกทั้งคาวหวานอาทิ ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่เกี๊ยวจอนยาว ซึ่งไม่ได้ยาวแค่จอนเจ้าของร้านเท่านั้นนะคะคิวคนต่อแถวรอกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ก็ยาวเหมือนกัน ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าโกยซีหมี่ที่นี่ก็มีชื่อ ผัดไท หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ อาหารตามสั่งซีฟู้ดมีหมดคะ รวมถึงของหวานอย่างบัวลอยแต้จิ๋ว ขนมครกชาววังและไอศกรีมลอยฟ้าก็อร่อยไม่แพ้กัน เดินเลือกกันตามชอบพร้อมกับชมบรรยากาศองค์พระปฐมเจดีย์ยามค่ำคืนซึ่งดูสวยเด่นสง่างามเป็นอย่างมาก มาที่นี่ที่เดียวอิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งบรรยากาศที่สำคัญยังได้อิ่มบุญอีกด้วยคะ

 

+ พระราชวังสนามจันทร์

อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์เพียงสองกิโลเมตร ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ ๘๘๘ ไร่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เนื่องจากทรงพอพระราชหฤทัยเมืองนครปฐมแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง ทรงเห็นว่าเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการเสร็จมาประทับพักผ่อน ภูมิประเทศมีลักษณะที่สวยงามร่มเย็น ทั้งยังเหมาะสำหรับการต้านทานข้าศึกในยามที่บ้านเมืองมีภัย ต้องขอกระซิบชาวคู่หูเดินทางว่า.. การมาเยี่ยมชมพระราชวังสนามจันทร์นั้นควรมีเวลาสักนิด เพื่อที่ท่านจะได้มีโอกาสซึมซับความงดงามของงานสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีโอกาสได้เดินศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติในบางเสี้ยวบางตอน ทว่าหากใครมีเวลาน้อย แค่การได้เข้ามาเดินชมความงดงามของพระราชวังแห่งนี้ก็ถือว่าเกินคุ้มแล้ว ระว่างทางจากองค์พระปฐมเจดีย์มายังพระราชวังสนามจันทร์นั้นเราขอแนะนำร้านกาแฟแนวย้อนยุค Retro in love ซึ่งเป็นร้านที่เหล่าบรรดาวัยรุ่นนิสิตนักศึกษาบริเวณนั้นรู้จักกันดี บรรยากาศดีเมนูอร่อยถ้าใครผ่านมาทางถนนต้นสนก็ลองแวะชิมกันดูนะคะ

พระราชวังสนามจันทร์

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 0.900 - 16.00 น. สำหรับการเยี่ยมชมภายในตัวอาคารห้องจัดแสดง และถึงเวลา 20.00 น. สำหรับบริเวณสวนด้านนอกโดยรอบ โปรดแต่งกายให้สุภาพ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท, เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ 50 บาท

 

+ ตลาดดอนหวาย

เดิม ตลาดดอนหวาย เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อขายสินค้าเครื่องอุปโภค-บริโภค ของชาวสวนและชาวนามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ตัวตลาดเดิมตั้งอยู่ตามแนวตลิ่งของแม่น้ำนครชัยศรี ตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน ติดกับ วัดดอนหวาย เมื่อสังคมไทยยุคใหม่หันกลับมาโหยหาอดีตและรากเหง้าของตัวเอง ดอนหวายจึงกลายเป็นตลาดน้ำ-ตลาดเก่ายุคแรกๆ ที่หวนกลับมามีชีวิตชีวารับใช้ผู้คนใน พ.ศ. กันอีกครั้ง
ปัจจุบันตลาดดอนหวายเปิดขายสินค้าทั้งประเภทของกิน ของฝาก และของใช้จิปาถะให้กับนักท่องเที่ยวทุกวัน ของกินที่ขึ้นชื่อก็จะเป็น ปลาทูและปลาตะเพียนต้มเค็ม เป็ดพะโล้ แกงบอนและขนมตาล เป็นต้น ผักผลไม้สดๆ ที่นี่ก็มีให้เลือกอย่างมากมายคะ

นอกจากความสนุกที่ได้จากการเดินจับจ่ายข้าวของในบรรยากาศริมน้ำแบบสบายๆ แล้ว ปัจจุบันยังมีบริการล่องเรือชมทิวทัศน์สองฟากฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี ย้อนหาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอีกด้วย เรียกว่าอิ่มอร่อยกับสารพัดอาหารจานเด็ดดอนหวายแล้ว ได้มาปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปตามสายน้ำกันอีกสักนิด รับรองชีวิตของชาวคู่หูเดินทางจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นอีกเป็นกอง

+ ตลาดบางหลวง ร.ศ. ๑๒๒

ในอดีต ตลาดบางหลวง เป็นแหล่งค้าขายทางน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในอำเภอบางเลน ด้วยเพราะมีท่าเรือกว้างขวาง สะดวกในการขนถ่ายสินค้า ทั้งยังมีบริษัทขนส่งให้บริการเดินเรือจากจังหวัดสุพรรณบุรีมายังสถานีรถไฟงิ้วราย (นครปฐม) เพื่อเดินทางขึ้น-ล่องสู่บางกอกหรือกรุงเทพมหานคร ตลาดบางหลวงเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ตัวตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน การมาเที่ยวชมที่นี่เราจะได้พบกับวิถีชีวิตเก่าๆ ของชาวบ้านแถวนี้ที่เรียบง่าย มีน้ำใจไมตรียิ้มแย้มแจ่มใส ลักษณะบ้านเป็นห้องแถวไม้ขนาดสองชั้นหันหน้าเข้าหากัน ประมาณ ๖๘ ห้อง บรรยากาศคล้ายกับตลาดเก่าหลายๆ แห่งในลุ่มน้ำภาคกลาง ด้วยเหตุนี้เมื่อตลาดบางหลวงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่นี่จึงกลายเป็นโลเคชันชั้นดีของกองถ่ายภาพยนตร์ และละครแนวย้อนยุคหลายเรื่อง อาทิ โสนบานเช้า, กระตุกหนวดเสือ, สาวน้อยร้อยล้าน หรือแม้กระทั่งละครดังช่อง ๗ เรื่องคมแฟก ก็ยังต้องมาใช้บริการฉากบ้านเรือนเก่าๆ ของตลาดแห่งนี้

ทว่าบางหลวงไม่ได้มีดีแค่ม่านฉากเก่าๆ ต้องบอกว่าร้านอาหารอร่อย สนนราคาประหยัดรสชาติสะใจแบบบ้านๆ
ก็กำลังเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักเที่ยวตลาดเก่า อาทิ ขนมไทย หมูสเต๊ะ ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีบ ซาลาเปา รวมถึงของว่างอย่าง "ชุนเปี๊ยะ" ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็ว่าได้ ด้วยเพราะความอร่อยและแปลก หน้าตาคล้ายๆ ปอเปี๊ยะ แต่ไส้ข้างในไม่เหมือนกันไส้ของชุนเปี๊ยะจะทำมาจากใบกุยช่ายผัด กุ้งแห้ง และหมูหั่นชิ้นบางๆ รสชาติจะกลมกล่อมมีทั้ง เค็ม มัน ผสมกับความกรอบของแป้ง อร่อยแบบต้องยกนิ้วให้กันเลยทีเดียว ร้านเจ้าของตำรับ คือ "ร้านปึงใฮ้ฮวด"ถือเป็นสูตรเด็ดที่ถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยพ่อของอาม่าโล้เรือมาจากเมืองจีน ของกินที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็จะเป็น "ข้าวเกรียบปากหม้อ" แต่จะไม่เหมือนทั่วไปเป็นข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก "ร้านเจ๊สมนึก" เป็นต้นตำรับข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผักของตลาดบางหลวง ความพิเศษอยู่ที่ไส้เพราะมีให้เลือกหลากหลาย มีทั้งไส้หมูกับไชโป้วแบบปกติ ไส้หน่อไม้ผสมกุ้งแห้ง ไส้กุยช่าย ไส้ถั่วฝักยาว และที่ฮอทฮิตสุดๆ เพราะขายดีมากๆ ก็จะเป็นไส้ผักกระเฉด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดอร่อยจริงๆ ถ้าใครอยากรู้ว่ารสชาติของ ๒ เมนูที่แนะนำนี้จะอร่อยเด็ดอย่างไร ก็คงต้องหาเวลาไปแวะชิมกันเองที่ตลาดบางหลวง เพราะมีเฉพาะที่นี่ที่เดียว เดินเล่นชมบ้านเก่า เหล่าเต็งไม้ หาชื่อของกินไปเพลินๆ จนสุดทางจะมีแพริมน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวฟรี สามารถซื้อหาของมารับประทานบนแพนี้พร้อมชมบรรยากาศริมแม่น้ำที่แสนสบายทำให้ดูชีวิตไม่เร่งรีบดี ก่อนกลับอย่าลืมแวะให้อาหารปลาสวายและปลาตะเพียน ซึ่งที่นี่เค้าเป็นเขตห้ามจับสัตว์น้ำด้วย

สนใจไปเที่ยวตลาดแห่งนี้ ให้ใช้เส้นทางบรมราชชนนี แยกต่างระดับฉิมพลี เข้าเส้นทางวงแหวนรอบนอกสู่อำเภอบางบัวทอง (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี สาย 340) ถึงแยกนพวงศ์เลี้ยวซ้ายเข้าเส้น บางเลน-ลาดหลุมแก้ว (346)จากนั้นใช้เส้นทางบางเลน-บางหลวง (3351)

วันหยุดนี้ หากเพื่อนๆ ชาวคู่หูเดินทางยังหาโปรแกรมเที่ยวระยะสั้น สนุกๆ แบบ One Day Trip ไม่ได้ เราขอแนะนำ นครปฐม จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ แค่จมูก ที่จะพาคุณไปสัมผัสทั้งกิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล ชมพระราชวังเก่า เดินเที่ยวตลาดน้ำหาของอร่อยๆ กิน ก่อนกลับบ้านแบบสบายใจ-สบายกระเป๋า (สตางค์)


การเดินทาง

จังหวัดนครปฐมอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม 56 กิโลเมตร หรือตามเส้นทางถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ประมาณ 51 กิโลเมตร และตามเส้นทางรถไฟประมาณ 62 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดนครปฐมได้อย่างสะดวกหลายวิธี

โดยรถยนต์ :
จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน ไปจนถึงจังหวัดนครปฐม หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม

โดยรถประจำทาง :
มีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-นครปฐม ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่เวลา 05.30 - 23.15 น. สอบถาม โทร.1490 หรือ www.transport.co.th

คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ ของ เยือนถิ่นงาม นามนครปฐม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook