แอ๋วนครพิงค์ สักการะพระธาตุเจดีย์หลวง
วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งที ก็เลยถือโอกาสเดินทางไปสัมผัส นครพิงค์ เพื่อสักการะพระธาตุเจดีย์หลวง ขึ้นดอยสุเทพ
วัดเจดีย์หลวง หรือ "โชติการาม" หรือ "ราชกูฏา" หรือ "กุฏาราม" ก็เรียก เป็นวัดที่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
โบราณวัตถุสถานที่สำคัญภายในบริเวณวัดเจดีย์หลวง
1. พระธาตุเจดีย์หลวง เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1934 สมัยพระเจ้าแสน เมืองมา นับเป็นพระธาตุที่มีความสูงใหญ่ที่สุดในอาณาจักรล้านนา คือ ประมาณ 80 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 60 เมตร ปัจจุบันมีอายุกว่า 600 ปี
2. พระวิหาร พระอุโบสถ พระวิหารหลวง หรือพระวิหารกลาง ปัจจุบันเป็นทั้งพระอุโบสถ ด้วย ตั้งอยู่ห่างพระธาตุเจดีย์หลวงประมาณ 15.84 เมตร ไปทางทิศตะวันออก เป็นสถาปัตยกรรมทรงล้านนาประยุกต์ ส่วนอุโสถหลังเก่าศิลปะแบบล้านนาดั้งเดิมที่อยู่หลังวัด ด้านตะวันตกขององค์เจดีย์หลวงได้เลิกใช้งานตั้งแต่ปี 2522 เพราะคับแคบเกินไป วิหารที่วัดเจดีย์หลวงนี้หลังแรกซึ่งสร้างครั้งแรกโดยพระนางติโลกจุฑา พระราชมารดาของพระเจ้าสามฝั่งแกนเมื่อปี พ.ศ.1954 พร้อมทั้งได้หล่อพระอัฏฐารสพุทธปฏิมาประธานและพระอัครสาวกโมคคัลลาน์ สารีบุตร ไว้ในพระวิหาร ต่อมาในปี พ.ศ.2017 พระเจ้าติโลกราชให้รื้อวิหารหลังเก่าแล้วสร้างวิหารหลังใหม่ มีขนาดกว้าง 9 วา ยาว 19 วา ขึ้นแทนมาในปี พ.ศ.2058 พระเมืองแก้วให้รื้อวิหารหลังเก่าแล้วสร้างขึ้นใหม่ในที่เก่าอีก ครั้นถึงสมัยพระเมกุฏิสุทธิวงศ์ไฟได้ไหม้วิหารเสียหายจึงต้องรื้อแล้วสร้างใหม่ทับที่เดิมอีกครั้ง
ต่อมาในยุคเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 ราชวงศ์ทิพจักร ได้ รื้อวิหารหลังเดิม แล้วสร้างวิหารหลังใหม่ขึ้นที่เดิมอีก ซึ่งวิหารในยุคก่อน ๆ นั้นคงสร้างด้วยไม้ จึงมีการสร้างและรื้อถอนกันได้บ่อย ๆ ส่วนวิหารหลังปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในยุคเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 9 โดยสร้างขึ้นหลังปี พ.ศ.2471
3. พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ปางห้ามญาติ สูง 18 ศอก หล่อด้วยทองสำริด มีพระอัครสาวก โมคคัลลาน์ สารีบุตร สร้างโดยพระนางติโลกะจุดา(ติโลกจุฑา) นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ หลายขนาดอีกจำนวนมากประดิษฐานอยู่รายล้อมพระอัฏฐารส +++
4. พระนอน หรือ พระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่คู่กับพระเจดีย์ แต่ไม่ปรากฏว่า สร้างขึ้นเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง พระนอนองค์นี้สร้างด้วยอิฐฉาบปูนปิดทอง เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2536 ได้บูรณะใหม่ทาสีทองสำเร็จแทน มีพุทธลักษณ์สวยงามมาก หันเศียรสู่ทิศใต้ พระพักตร์หันเข้าหาองค์พระธาตุเจดีย์หลวง สูง 1.93 เมตร ยาว 8.70 เมตร อยู่ห่างจากพระเจดีย์หลวงไปทางทิศตะวันตก
5. เจดีย์ขนาดเล็ก เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมแบบเชียงใหม่ มีอยู่ 2 องค์ ตั้งอยู่กระหนาบ พระวิหารด้านเหนือและด้านใต้ เยื้องไปทางด้านหน้าของวิหารหลวง
6. พระอุโบสถ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเจดีย์หลวงและวิหาร เป็นพระอุโบสถขนาดเล็ก แบบพื้นเมืองเชียงใหม่ ก่ออิฐฉาบปูน
7. เสาอินทขีล เชื่อกันว่าเป็นหลักเมืองเชียงใหม่ เดิมอยู่ที่วัดสะดือเมือง (วัดอินทขีล หรือวัดสะดือเมือง ข้างศาลากลางหลังเก่า) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งหอประชุมติโลกราช พระเจ้ากาวิละเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 1 (พ.ศ.2324 - 2358) ในราชวงศ์ทิพจักร โปรดให้ย้ายเสาอินทขีล จากวัดสะดือเมือง มาไว้ ณ วัดเจดีย์หลวง เมื่อ พ.ศ.2343
8. บ่อเปิง เป็นบ่อน้ำใหญ่ ลึก ก่อด้วยอิฐกันดินพังไว้อย่างดี คำว่า "เปิง" แปลว่า คู่ควร-เหมาะสม เป็นบ่อใหญ่สมกับที่ขุดขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์หลวงซึ่งในสมัยที่พระเจ้าติโลกราช ทรงสร้างเสริม พระธาตุเจดีย์หลวง (พ.ศ.2022 - 2024) นั้น ทั่วทั้งวัดเจดีย์หลวงมีบ่อน้ำถึง 12 บ่อ ต่อมาถูกถมไปเพื่อเอาพื้นที่สร้างถาวรวัตถุ
9. พระมหาสังกัจจายน์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังเล็ก อยู่ห่างจากพระธาตุเจดีย์ไปทาง ทิศเหนือ เชื่อว่ามีความเก่าแก่พอ ๆ กับพระนอน ปัจจุบันพระสังกัจจายน์มี 2 องค์ องค์ใหม่อยู่ด้านหน้าวัด ติดกับวัดพันเตา สร้างเมื่อประมาณ 30 กว่าปีมานี้เอง
10. ต้นยางใหญ่ในวัดเจดีย์หลวงมีต้นยางใหญ่ 3 ต้น กล่าวกันว่าอายุกว่า 200 ปี
11. กุมภัณฑ์ มีอยู่ 2 ตน สร้างไว้เพื่อให้คอยรักษาเสาอินทขีล ตนหนึ่งอยู่ด้านหน้าวัด
12. หอธรรม เมื่อปี พ.ศ.2017 พระเจ้าติโลกราช ได้ทรงสร้างพระวิหารหลวงขึ้นใหม่ พร้อมทั้งให้สร้างหอธรรม (หอพระไตรปิฏก) ไว้ทางด้านเหนือขององค์พระธาตุเจดีย์
13. กุฏิแก้วนวรัฐ เป็นกุฏิหลังแรกของวัด สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง เจ้าแก้วนวรัฐสร้างถวาย เมื่อปี พ.ศ.2471 วัดเจดีย์หลวงทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2503
แอ๋วนครพิงค์ สักการะพระธาตุเจดีย์หลวง ขึ้นดอยสุเทพ
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์มาถึง.......ผู้เขียน รีบตื่นแต่เช้ามืดพร้อมด้วยกระเป๋าสะพายคู่ใจที่มีอุปกรณ์สารพัดอย่างที่พร้อมบันทึกการเดินทาง อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับอากาศที่สดชื่นเย็นสบายออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ด้วยรถโดยสารสองแถวคันเล็ก ขอบอกว่าสนุกและตื่นเต้นมากพบผู้คนที่หลากหลาย ทั้งภาษาเมือง ภาษาท้องถิ่น ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็พยายามเดากันไป
ถึงกาดหลวงแต่เช้า ต่อด้วยรถรอบเมืองสีแดงในเชียงใหม่ ผู้เขียนฝึกพูดมาอย่างดี ซาวบาทกะเจ้า...รถรอบเมืองในเชียงใหม่ ใกล้ไกลแค่ไหน ก็ 20 บาท ถามเค้าก่อนนะคะว่าจะไปส่งเราถึงจุดมุ่งหมายได้หรือไม่
มาถึงเมืองนครพิงค์ อันดับแรกคือการได้เข้าสักการะ พระธาตุเจดีย์หลวง หรือเรียกชื่อว่า วัดโชติการาม ฟังแล้วรู้สึกดีจังเลยที่ชื่อตัวเองคล้องกับชื่อวัดนับว่าเป็นสิริมงคลยิ่งนัก นอกจากชื่อนี้แล้วยังมีชื่ออื่นอีก คือ ราชกูฏา, กฏาราม ที่ผู้ขียนให้ความสำคัญกับวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะในอดีตเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองเชียงใหม่ เรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเชียงใหม่ แม้ในปัจจุบันวัดนี้ก็ยังตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเชียงใหม่อยู่เช่นเดิม
ก้าวเดินเข้าสู่ภายในวัดจะพบกับเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านด้วยความสง่างาม สมคุณค่ากับอายุที่ผ่านมาแล้ว 620 ปี ถึงแม้จะมีร่องรอยของการชำรุดที่ผ่านไปตามกาลเวลา
แต่ยังคงมีพุทธศาสนิกชนให้ความศรัทธามิขาดสาย ภายในพระวิหาร ยังคงมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติหล่อด้วยทองสำริด ขนาดใหญ่ ส่วนพระอุโบสถ และหอพระไตรปิฏก ก็มีความงดงามตามแบบฉบับล้านนา ที่ฝีมือประณีตวิจิตรศิลปะเกินเหนือคำบรรยาย
ออกจากวัดแล้วยังสถานที่ท่องเที่ยวในใจที่ผู้เขียนอยากไปเที่ยวต่อ ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นติดตาม ตะลุยเที่ยวเมืองเชียงใหม่กับโชติกา ได้ที่นี้อีกหลายตอนคะ แต่วันนี้นั่งดูภาพสวยภายในวัดโชติการาม กันไปก่อนนะคะ
พาเที่ยวไปกับ....โชติกา วีรนะ
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)