สุยหมึก ณ เส้นขอบฟ้า (ตอนที่ 1)

สุยหมึก ณ เส้นขอบฟ้า (ตอนที่ 1)

สุยหมึก ณ เส้นขอบฟ้า (ตอนที่ 1)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงบ่ายๆ ของวันทำงานที่แสนจืดชืด จู่ๆ เสียงสวรรค์จากเพื่อนร่วมงานก็เอื้อนเอ่ยออกมาถามว่า "ไปตกหมึกกันไหม" และด้วยความที่เป็นคนใจง่าย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไม่มีเหตุผลใดที่เย็นวันเสาร์ของสัปดาห์ถัดมาเราจึงมายืนตัวเอียงอยู่บนเรือตกหมึกลำน้อยๆ กันแล้ว


สำหรับการไปตกปลาหมึก หรือเรียกกันอย่างคะนองปากว่า "สุยหมึก" ในครั้งแรกของชีวิตนี้ ก๊วนกระเต็นน้อย (ชมรมนักตกปลา) ผู้นำทีมได้เลือกจุดยุทธศาสตร์การล่าไปยังหาดแสมสารจังหวัดชลบุรี ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าทะเลแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำทะเลน้อยใหญ่ ในแบบที่ว่ายังไง๊ยังไงต้องได้มาไม่ต่ำกว่า 10 โล

เช้าตรู่ของวันเสาร์รถยนต์คันน้อยวิ่งออกจากเมืองกรุง โดยเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์จ่ายสองต่อเป็นเงิน 60 บาท ยิงยาวไปโผล่ที่พัทยากลาง แล้วค่อยแวะเติมพลังกันที่ร้านส้มตำครกระเบิด ก่อนจะเดินจับจ่ายหาของประทังชีพกันบนเรือต่อที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งการซื้อของก่อนลงเรือ สิ่งที่คุณจะขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำดื่มบริสุทธิ์ ที่ควรจะเตรียมไปอย่างเหลือเฟือ ส่วนบรรดาเหล้ายาปลาปิ้งอย่าได้เหมาจัดหนักไปมากนัก เพราะเมื่ออยู่บนเรือความเมาจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับนักเดินทาง

เอ้ยระเหยลอยชายกันอยู่นาน ในที่สุดล้อรถคันน้อยก็แล่นมาถึงหมู่บ้านชาวประมงของท่าเรือแสมสาร ซึ่งจุดนี้จะมีอาหารทะเลราคาถูก เน้นว่าถูกจริงๆ ขายอยู่เกลื่อนเป็นทางยาว และเพื่อความชัวร์คุณควรซื้อพวกหมู หมึก กุ้ง ติดไปด้วย เผื่อว่าฝีมือตกหมึกจะด้วยต๊อกต๋อย จนจะต้องกินมาม่าอยู่ทุกมื้อ

ของครบ คนพร้อม ก็ถึงเวลาที่เราจะจอดรถทิ้งไว้ในราคา 50 บาทต่อคืน เพื่อระหกระเหินไปเผชิญกับทะเลอ่าวไทย ซึ่งก่อนที่คุณตัดสินใจไปสุยหมึก คุณควรเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะเวลาขึ้นลงไม่ได้ง่ายเหมือนท่าเรือข้ามฟากเลยสักนิดเรือไม้ขนาด 8 วา ค่อยๆ แล่นฝ่าเกลียวคลื่นออกจากฝั่ง ความแรงของหัวลมต้นมรสุมทำให้ทะเลมีคลื่นแทบคลั่ง จนสมาชิกบางคนต้องอาเจียนและนั่งเกาะเบาะแบบไม่ขยับ แต่ขณะเดียวกันถ้าคุณเป็นพวกคนอึดไม่เคยสะทกสะท้านความรู้สึกที่ท้องเรือได้โต้คลื่นจะเป็นสิ่งสนุกปลุกเร้าอารมณ์ ส่วนพวกคนคออ่อนแค่เรือเอียงเพียงน้อยนิดก็อาจทำให้ทริปนี้ไม่สำเริงสำราญไปจนจบ

หลังจากเคลื่อนย้ายที่หาพิกัดหลบคลื่นหลบลมกันอยู่นาน ก็ถึงเวลาถอดสมอที่ต้องบอกตามตรงเลยว่า พวกเราเลือกช่วงเวลามาตกหมึกแบบไม่สมควรให้อภัย เพราะช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนับว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม สายลมจึงพัดแรงจนไม่ควรที่จะออกหาปลา

เมื่อฟ้าเริ่มมืด บรรดานักตกปลากมือฉมังก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ ทั้งคันเบ็ด ทั้งเหยื่อล่อ มีออกมาวางแผ่ให้น่าตื่นตา ส่วนไต๋เรือหรือไต่ก๋งที่เป็นผู้ฝ่าคลื่นพาลูกเรือมาชิลเลือกใช้เพียงอุปกรณ์อันน้อยนิด แค่เส้นเอ็นยาวๆ กับเหยื่อล่อตัวน้อยและอาศัยแรงแขนกระตุกนับ หนึ่ง สอง หยุด โอ้วววว...ปลาหมึกพ่นน้ำปี๊ดๆ ก็ลอยมาอยู่บนเรือมื่อห้วงเวลาแห่งการตกหมึกเริ่มมาเยือน หลอดไฟสีเหลืองนวลจะส่องสว่างข้างตัวเรือทั้งสองข้าง ซึ่งการเปิดแสงไฟนี้ก็เพื่อเป็นการล่อลวงหมึกให้เข้าสู่กับดัก แต่ช่วงที่แสงจันทร์ยังส่องสว่าง เหล่านักเดินทางอาจรู้สึกเซ็งกันอยู่บ้าง เพราะปลาหมึกตัวน้อยใหญ่จะมัวแต่ไปหลงแสงนวลๆ ของจันทร์เจ้า จนไม่ยอมเข้ามาติดกับดักของมนุษย์นักล่า และในยามที่พระจันทร์ลาลับขอบฟ้าเจ้าปลาหมึกก็จะมาวาดลวดลายให้คนบนเรือเร่งเครื่องสอย

ลมยังคงพัดอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคลื่นแรงก็เป็นเรื่องยากที่จะจับสัตว์ทะเลให้ได้ตามเป้า ดังนั้นจึงถึงเวลาของการครอบหมึกที่จะทำให้เราได้เฮลั่น แสงไฟแต่ละดวงค่อยๆ ถูกดับลง จนเหลือเพียงแสงน้อยๆ อยู่แห่งเดียว และในตอนนั้นเสียงโห่ร้องของคนทั้งลำเรือก็ดังขึ้น เมื่อภาพของปลาหมึกตัวใสแจ๋วพร้อมทั้งปลาเด็กตัวน้อยๆ ต่างก็ออกมาโลดเต้นเล่นแกลางสงไฟดูไม่ต่างกับหิ่งห้อยตัวน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร

สำหรับการครอบหมึกครั้งแรกของค่ำคืนนี้ นับว่าล้มเหลวอย่างที่ไต๋เรือยังต้องกุมขมับ เพราะความแรงของลมไม่ทำให้หมึกตัวน้อยพัดหลงมาหาเรา และถึงจะจับได้แต่ก็มีจำนวนไม่มากมายนัก ซึ่งปริมาณอันน้อยนิดนี่เองที่ทำให้อาหารมื้อนี้ยิ่งเอร็ดอร่อยอย่างจับใจ

หมึกสดๆ จิ้มวาซาบิและน้ำจิ้มซีฟู้ด แหม...เนื้อหนึบๆ หนวดเหนียวติดลิ้น ช่างเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้ง่ายๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการตกหมึกจนย่างเข้าเที่ยงคืน ก็ถึงเวลาที่สมาชิกทั้ง 10 คน จะต้องขอยอมแพ้สำหรับวันแรก เพื่อเก็บแรงไปเตรียมลุยกับน่านน้ำไทยในเช้าวันถัดมา

พื้นที่บนเรือถูกใช้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว นักเดินทางผู้อ่อนล้าค่อยๆ เอนตัวลงนอนกันอย่างเบียดๆ บนไม้ทุกแผ่นที่มีอยู่ ค่ำคืนอันมืดมิดที่มีเพียงเสียงคลื่นและลมพัดหวิวดังสนั่น ไม่สามารถสร้างความตื่นกลัวให้กับเหล่านักเดินทางที่ต้องนอนบนเรือโคลงเคลงเป็นครั้งแรกได้แม้แต่น้อย และไม่ว่าเหตุผลจะมาจากสิ่งใดก็ตาม แต่รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่จะยังรออยู่ ให้หมู่นักเดินทางได้มุ่งหน้าไปสัมผัสกับการท่องเที่ยวแบบที่ชีวิตนี้จะไม่มีวันลืมเลือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook