ลัดฟ้าไปปารีส ตามรอยเจ้าหญิงของเจ้าชาย “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ ตอน 2

วันต่อมา เราก็ตื่นกันแต่เช้า แวะช้อปปิ้งกันเล็กน้อย ก่อนจะตรงดิ่งไปรับประทานอาหารกลางวันบนหอไอเฟล (ทริปนี้กินกันแน่นจริงๆ) สัมผัสโครงเหล็กที่เป็นสัญลักษณ์ ของเมืองปารีสกันแบบใกล้ชิดไปแล้ว ก็มาเก็บภาพสวยๆ จากมุมไกลกันบ้าง

ต่อจากนั้นเราก็เดินทางไปฟังเสียงระฆังเหง่งหง่างที่ Noter-dam (นอดเทอ-ดาม) ไม่ยักจะเจอคนค่อมเหมือนในนวนิยายของ วิกตอร์ อูโก เจอแต่เจ้าชายสุดหล่อ ที่นั่งชิลล์เป็นแบบให้ศิลปินที่นี่วาดรูปให้ แต่กลับทํารูปนั้นหายในร้านขายไส้กรอกซะงั้น ยังไม่ทันได้ตามหารูปวาดที่หายไป เราก็ต้องกลับมาโรงแรมเพื่อเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องเตรียม ไปภัตตาคาร La Tourd' Araent (ลา ทูร์ อาร์คฌอง) ที่เปิดมาแล้วตั้งแต่ปี 1582 เคยต้อนรับคนดังระดับโลกมากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 ของเราก็เคยเสด็จมาที่นี่ ช่างเป็นบุญยิ่งนักของข้าพเจ้าที่ได้ไป ที่นี่จะต้อนรับเราด้วยแชมเปญ ที่พี่นะบิลล์ซะคนไม่ดื่มอย่างอิฉันต้องขอชิมสักหน่อย เหย...อร่อยมาก

งานนี้เจ้าหญิงก็เลยซัดกะอิ่ม เล่นเอามึนไปเลย รสชาติเป็ดย่างต้นตํารับทูร์ อาร์คฌอง หรือ "Pressing Duck" เป็นยังไงจํารายละเอียดไม่ได้นะจ๊ะ แต่รู้ว่าฉ่ำลิ้น อร่อยล้ำ เพราะเจ้าชายของเราชมไม่ขาดปาก ประกาศนียบัตร ได้รับประทานเป็ดตัวที่ 1098847 เหมือนกัน ใครจะเอาไปแทงหวยก็ได้นะจ๊ะ แต่อย่าลืมแบ่งเปอร์เซ็นต์มาให้ด้วยล่ะ มื้อนี้ขอเม้าท์พี่ธงธงหน่อย อุตส่าห์แต่งหล่อเก๊กมาดมาเฟียไปสุดฤทธิ์ พอทําส้อมตกพื้นเท่านั้น ร้องชะพนักงานเสิร์ฟหัวเราะก๊ากเลย แต่ต่อมาหนุ่มคนนั้นก็เข้ามาขอถ่ายรูปกับพี่ธงธงนะจ๊ะ สงสัยหลงเสน่ห์แม่นางเดซิเล ของเราซะแล้ว (พี่ธงธงเรียกตัวเองอย่างนั้น จากมหากาพย์ของฝรั่งเศสที่พี่นะเล่าให้ฟังในรถ) จบความประทับใจของวันไปแบบมึนๆ

เริ่มต้นวันใหม่กันอีกครั้ง พระราชวังแวร์ซายส์ รอเราอยู่ ที่นี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยิ่งใหญ่อลังการสมกับการที่ทุกคณะทัวร์ต้องพามาดู เด็กนักเรียนที่นั่นต่อแถวกันยาวมาก แถมยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีก ข้างในเลยคนเยอะสุดๆ เต็มอิ่มกับประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้ชักภาพเพราะไหลไปกับฝูงชน จบจากการชมพระราชวัง พี่นะให้เลือกระหว่างเดินเล่นชิลล์ๆ ที่ย่านมองมาร์ต หรือจะกลับไปช้อปปิ้งแถวโรงแรม งานนี้ก็เลยมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างชัดเจน เจ้าชายของเรา เห็นอย่างนี้ขาช้อปเรียกพี่เลยนะจ๊ะ ก็เลยต้องจรลีจากเจ้าหญิงที่อยากไปชมศิลปินวาดรูปมากกว่า แต่ถึงตัวจะห่างกันไป แต่หัวใจเรายังอยู่ด้วยกันนะ 555 ส่วนอาหารมื้อค่ำ เรากินไป ชมโชว์ไปที่ ลิโด้ (ไม่ใช่แถวสยามนะ) เราได้ที่นั่งดีที่สุดติดขอบเวที ชนิดที่พอโชว์เริ่มเครื่องแต่งกายของนางโชว์ก็สะบัดโดนขนจมูกเราเลยทีเดียว เราจบโชว์ตอนเกือบเที่ยงคืน แต่เวลานั้นด้านนอกก็ยังมีการต่อแถวเพื่อรอชมรอบต่อไป ช่างฮอตฮิตจริงๆ

วันสุดท้ายในฝรั่งเศส ทิ้งทวนด้วยการช้อปปิ้ง out let ก่อนถึงสนามบิน ซึ่งทุกคนบ่นว่าให้เวลาน้อยไปหรือเปล่า แบรนด์ดังระดับโลกมาร่วมตัวกันอยู่มากมายขนาดนี้ น่าจะทิ้งไว้ที่นี่สักสองสามวัน 555 ถ้าเป็นอย่างนั้น อิฉันคงสิ้นเนื้อประดาตัวก่อนถึงสิ้นวันแน่ ไม่ได้ๆ เราต้องรีบขึ้นเครื่องไปหากระทิงดุที่รอคอยเราอยู่ที่สเปนนะ ไปเร็ว...ผ่านไป 5 ชั่วโมงที่อาศัยอยู่ในเครื่องบิน (บอกแล้วว่าดรีมทริปจริงๆ) เราก็มาถึง นครมาดริด ซึ่งต้อนรับเราด้วยสายฝนชุ่มฉ่ำ เรารีบเข้าที่พักซึ่งคือโรงแรม Senator Granvia ซึ่งตั้งอยู่บนถนนกองเวีย ถนนช้อปปิ้งชื่อดัง ฉ่ำใจสมาชิกทริปเค้าเลยล่ะ เพราะเดินทางมาไกล เราเลยต้องรีบมุ่งหน้าไปหาอะไรหนักท้องสักหน่อย มื้อเย็นแรกของสเปนเป็นหมู่ย่างอันดับหนึ่งของมาดริด ที่ภัตตาคาร Botin จานแรกเป็นหนังหมูพร้อมไข่ดาว ฟังธรรมดาและแลดูอ้วนนะ แต่พอเสิร์ฟในกระทะร้อนท่ามกลางอากาศเย็นๆ จานนี้มันแสนสุขอย่าบอกใครเชียว ^^

อ่านต่อฉบับหน้า ร่วมเดินไปกับเจ้าชายหมากสุดหล่อ ตอนจบกันนะคะ

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

กด Like สนุก! ท่ิองเที่ยว แค่คลิกเดียว...ก็เที่ยวได้ทุกวัน