นครนายก...เมืองมรดกธรรมชาติ
‘นครนายก' เมืองในฝันใกล้กรุง ที่คุณแสวงหา ‘ความสุข' ได้ใกล้ๆ ตัว เหมือนดังคำขวัญที่ว่า "นครนายก เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ" เพราะเพียงเดินทางออกจากกรุงเทพในระยะทาง 100 กิโลเมตรกว่าๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น ก็จะเห็นได้ว่า โลกได้เปลี่ยนไปจากความสับสนวุ่นวายแออัดของเมืองกรุงมาสู่โลกในมุมใหม่ที่แสนสงบของ ภูเขางาม น้ำตกสวย ธรรมชาติที่ปราศจากมลพิษ มีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนมากมาย ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมถึงมีกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว "นครนายก" จึงถือเป็นเมืองในฝันที่คุณจะสามารถแสวงหาความสุขได้ใกล้ๆ ตัว
และต้องถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทยที่ตอนนี้บ้านเรามีมรดกโลกทางธรรมชาติเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง นั่นก็คือ ผืนป่าเขาใหญ่ดงพญาเย็น ซึ่งองค์การยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 7 มรดกโลกแห่งใหม่ ผืนป่าแห่งนี้กินพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัด รวมทั้งนครนายกด้วย อีกทั้งเส้นทางขึ้นป่าที่สวยงามหลายๆ เส้นทาง ก็เริ่มต้นจากที่นครนายกเช่นกัน จึงถือว่าไม่ผิด หากเราจะกล่าวว่า "นครนายก เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติ"
จังหวัดนครนายกมีเนื้อที่ประมาณ 2,122 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบอยู่ในหุบเขา เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา อำเภอองครักษ์ และอำเภอปากพลี มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง สำหรับฉบับนี้เราจะขอแนะนำสถานที่ที่สร้างความประใจไม่เสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาทิ น้ำตกสาริกา ที่ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ จัดระเบียบพื้นที่ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามของน้ำตกได้อย่างเต็มอิ่ม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมที่น่าสนในอื่นๆ อีกมากมาย ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับ "จังหวัดนครนายก เมืองมรดกธรรมชาติ" แห่งนี้ !
น้ำตกสาริกา
เป็นน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ต.สาริกา อ,เมืองนครนายก ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยถนนหมายเลข 3049 เป็นระยะทาง 12 กม. แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวง 3050 อีก 3 กม.เส้นทางเข้าน้ำตกสาริกาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจีตลอดทาง เมื่อเข้ามาถึงจะพบน้ำตกขนาดใหญ่ไหลตกจากหน้าผาสูง ทั้งหมดถึง 9 ชั้น โดยผาที่สูงที่สุดประมาณ 200 เมตร ในแต่ละชั้นจะมีชั้นหินธรรมชาติรองรับน้ำและกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กๆ อยู่ทั่วบริเวณชั้นของน้ำตก บางแห่งมีขนาดกว้างและน้ำไม่ลึกมาก ทำให้สายน้ำไหลตกลงมาอย่างสวยงาม ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า เขียวชอุ่ม ทำให้สามารถเดินชื่นชมความงามของธรรมชาติได้ ในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำมาก แต่ในฤดูแล้งก็ยังพอมีน้ำให้สามารถเล่นได้ ที่ด้านหน้าทางเข้าน้ำตกจะมีบริการห้องอาบน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการ และบริเวณใกล้เคียงกันมียังมี "ถ้ำสาริกา" เป็นสถานที่ที่ อาจารย์มั่น ภูริฑตฺโต เคยมาบำเพ็ญธรรม มีสภาพเป็นเนินเขา ภายในประกอบด้วยกุฏิของสงฆ์ เรือนบูชาหลวงปู่มั่น และโบสถ์ ที่ทางขึ้น น้ำตกสาริกา จะมีศาล เจ้าพ่อปลัดจ่าง และ เจ้าแม่สาริกา ที่ชาวนครนายกและคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ก่อนเดินทางขึ้น น้ำตกสาริกา จึงควรแวะไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล น้ำตกสาริกา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดเลือกเข้าโครงการ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยการประชาคมทั้งในระดับตำบล และอำเภอ เพราะน้ำตกสาริกาเป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อ เป็นแลนด์มาร์คที่อยู่คู่กับจังหวัดนครนายก มีความสวยงาม และใกล้กรุงเทพฯ การคมนาคมสะดวก
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยวน้ำตกสาริกา ที่ดีที่สุดคือ ช่วงปลายฤดูฝนจนถึงต้นฤดูหนาว ซึ่งเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ เวลา 05.30-18.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมน้ำตก ผู้ใหญ่ 20 บาท และ เด็ก 10 บาท ก่อนเดินทางไปเที่ยว น้ำตกสาริกา สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284, 0-3731-5664
น้ำตกนางรอง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หินตั้ง อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองนครนายกประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ไม่สูงนัก เป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดนครนายก แต่ละชั้นมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และเล็กรองรับน้ำที่ไหลลงมาเหมาะสำหรับลงเล่นน้ำเป็นอย่างมาก เพราะน้ำไหลเป็นทางยาวเราสามารถเลือกเล่นน้ำได้หลายจุด เที่ยวได้ทุกฤดูกาล เพราะมีน้ำตลอดทั้งปี มีทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวน้ำตกชั้นบนสุดระยะทางประมาณ 300 เมตร ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ป่านานาชนิด ทางเดินสะดวก อากาศเย็นสบาย ด้านหน้าบริเวณที่จอดรถมีร้านค้าบริการอาหารและเครื่องดื่ม
เปิดให้เข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยวน้ำตกนางรองคือช่วงปลายฝนต้นหนาว ท่านจะสามารถสัมผัสกับสายหมอกและน้ำตกที่สวยงาม อัตราค่าผ่านประตู รถยนต์ พร้อมคนขับ 50 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็กที่สูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าฟรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก โทร. 037-385310, 037-307100 037-312284
อุทยานวังตะไคร้ หรือ จุมภฏ - พันธุ์ทิพย์ อุทยานวังตะไคร้
อยู่ใกล้กับน้ำตกนางรอง ห่างจากตัวเมืองเพียง 16 กิโลเมตร โดยพลตรีพระจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ทรงรู้สึกโปรดปรานในธรรมชาติในบริเวณแถบนี้ จึงได้ซื้อทรงดำริและจัดซื้อที่ดินและก่อสร้างที่ประทับขึ้นสำหรับพักผ่อนยามว่าง ต่อมาได้ทรงพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแก่ประชาชนทุกระดับได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ น้ำตกแห่งนี้เกิดจากการรวมตัวของลำธาร 2 สาย คือ ลำธารคลองมะเดื่อจากน้ำตกเหวกระถิน กับลำธารคลองตะเคียนจากน้ำตกแม่ปล้อง ลำธารทั้ง 2 นี้ ไหลมาบรรจบกันเป็นธารเดียว มีแอ่งน้ำขัง เป็นวังน้ำอยู่เป็นตอนๆ ไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกและมีต้นตะไคร้น้ำขึ้นอยู่ทั่วไปในบริเวณนี้ที่นี่จึงได้ชื่อว่า "วังตระไคร้" มีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ประดับ สวนผลไม้ สวนดอกไม้ สวนปาล์ม สวนต้นไม้ในวรรณคดี สวนไม้ผลป่า สวนป่า และสวนสมุนไพร ทั้งในประเทศและต่างประเทศเกือบทั่วโลกนับร้อยชนิด ในช่วงฤดูฝนลำธารจะมีน้ำเต็มไหลเชี่ยวจัด กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาก คือ ล่องห่วงยาง มีบริการบ้านพักค้างแรมภายในพื้นที่
อัตราค่าผ่านประตู คนละ 10 บาท รถยนต์(4 คน) คันละ 100 บาท สอบถามรายละเอียดโทร. 0-3738-5165
เขื่อนขุนด่านปราการชล
หรือเดิมเรียกว่าเขื่อนคลองท่าด่านเป็นเขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในใช้หน้าแล้ง และควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นาและพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน มีหน้าที่รองรับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน ในบริเวณด้านหน้าเขื่อนมีการเปิดทางน้ำให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้มาเล่นน้ำห่วงยางและล่องแก่ง เพื่อเพิ่มกิจกรรมสันทนาการให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเรือหางยาวเพื่อชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนได้อีกด้วย
ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ
ก่อตั้งบนที่ดินส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่หลังเขื่อนขุนด่านปราการชล บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปภัมภ์สนับสนุนงบประมาณ เพื่อทำการพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป โดยจัดทำโครงการศูนย์นิทรรศการ การบริหารทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อแสดงแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาตนเองตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายในสถานที่มีการออกแบบจัดวางให้เหมาะสมแก่ผู้เข้าชมที่จะได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน (Play + Learn = Plearn) ประกอบด้วย อาคารนิทรรศการ ซึ่งมีระบบแสง สี เสียง เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิต เป็นพื้นที่แสดงแนวคิดในรูปแบบแปลงสาธิตตามทฤษฎีต่างๆ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นก็ออกเดินชมศึกษาแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ โดยรอบบริเวณที่แบ่งออกมาเป็น 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ มีแปลงสาธิตที่น่าสนใจ อาทิ แปลงทฤษฎีแก้มลิง หนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ใช้เป็นแม่แบบในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แปลงปลูกหญ้าแฝก การเลี้ยงปศุสัตว์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การทำปุ๋ยใช้เอง และการทำน้ำมันไบโอดีเซล เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างสามารถนำไปเป็นต้นแบบใช้งานได้จริง
สอบถามรายละเอียดโทร. 0-3738-4049 หรือ www.bhumirak.com
วัดพราหมณี (หลวงพ่อปากแดง) ตลาดโรงเกลือ 100%
วัดพราหมณี ถือเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดนครนายก สร้างขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว มีพระประธานศักดิ์สิทธิ์เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีพระโอษฐ์แย้ม ริมพระโอษฐ์มีสีแดงเห็นได้ชัดสะดุดตา ชาวบ้านจึงเรียกว่า "หลวงพ่อปากแดง" เป็นที่เคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้คนที่มาขอพรประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ จนมีชื่อเสียงไปทั่วทุกภูมิภาคของเมืองไทย มีประชาชนหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก วัดพราหมณี ยังมีเรื่องราวเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ คือ เมื่อครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เลือกเป็นที่ตั้งจุดพักทัพของกองพันทหาร จึงมีการค้นพบกระดูกของทหารญี่ปุ่นใกล้วัดพราหมณีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสมาคมทหารสหายสงครามกองพลญี่ปุ่นจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงทหารญี่ปุ่น ณ วัดพราหมณี เพื่อเป็นที่ระลึกถึงดวงวิญญาณของบรรดาทหาร ซึ่งสังกัดกองพลทหารญี่ปุ่นที่ 37 ที่สูญเสียชีวิต ในสงคราม เมื่อปี 2482-2488 จึงถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งภายในวัดพราหมณีแห่งนี้ ติดกันกับเขตวัดแห่งนี้ยังมีตลาดสินค้ามือ 2 รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้มือ 1 มากมายให้เลือกซื้อหาในราคาย่อมเยา โดยเป็นการจำลองตลาดโรงเกลือมาไว้ที่นี่ มีพ่อค้า-แม่ค้าชาวเขมร และชาวไทย
อุทยานพระพิฆเนศ
ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกประชาเกษม หมู่ 11 ถ.นครนายก-น้ำตกสาริกา ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพิฆเณศวรขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 9 เมตร สถานที่แห่งนี้จัดสร้างโดย พระราชพิพัฒน์โกศล หรือ หลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ ภายใน อุทยานพระพิฆเณศ ผู้ศรัทธาจะพบกับความอลังการของเทวรูปพระพิฆเนศขนาดมหึมา นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพิฆเนศปางต่างๆ ถึง 108 ปาง ที่ครบสมบูรณ์แห่งหนึ่งของเมืองไทย และ หอมหาเทพ ซึ่งประดิษฐานมหาเทพสูงสุดทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ถือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวน
ตั้งอยู่ที่ วัดฝั่งคลอง ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวไทยพวนในอดีต ซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนในมณฑลยูนาน ที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากเมื่อราว 200 ปีก่อน เช่น ผ้าซิ่นไทยพวน โม่หิน ถังต้มกาแฟโบราณ อุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือทอผ้า เป็นต้น นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดฝั่งคลอง ยังมีกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง และทำไข่เค็มสูตรใบเตยหอม นักท่องเที่ยวสามารถออกไปชมชุมชนบ้านไทยพวนวัดฝั่งคลอง ซึ่งยังคงอนุรักษ์วิถีความเป็นอยู่แบบชาวไทยพวนดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวน ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น.
โฮมสเตย์หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15
ตั้งอยู่ หมู่ 11 บ้านคูคตต ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับนานาพรรณแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมทั้งอุปกรณ์ในการจัดสวน ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมและเลือกซื้อเป็นของฝากของขวัญ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดตั้งเป็น "หมู่บ้านหนี่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว โดยชุมชนได้รวมตัวกันจำนวน 6 หลังคาเรือน จัดตั้งเป็น "โฮมสเตย์ หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ คลอง 15" เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนไม้ดอกไม้ประดับ การเกษตร เช่น การทำไร่หญ้า การเพาะปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ล้อม และการปลูกปาล์มชนิดต่าง ๆ ชมการผลิตสินค้าของที่ระลึกจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทำธูปหอมต่างๆ เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดโทร. 0-3733-2112, 08-1761-9414
สวนลุงไสว ศรียา (แหล่งเรียนรู้เกษตรกรรม)
ตั้งอยู่ที่ ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เป็นสถานที่เผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตรต่างๆ โดยการคิดค้นของลุงไสว ศรียา ปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้จุดประกายความคิดในการปรับแต่งกิ่งก้านสาขาให้ต้นไม้ธรรมดาๆ กลายเป็นต้นไม้แฟนซีได้อย่างน่าทึ่ง เช่น ต้นไม้เต้นระบำ ต้นแมงดา ผลไม้ขวดที่สร้างความฮือฮาทำให้มีผู้สนใจทั้งในนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาดูงานเป็นจำนวนมาก บวบยาว ขนุนหกเหลี่ยม มะม่วงหลายพันธุ์อยู่ในต้นเดียวกัน ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการสอนทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง การทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ที่ทำมาจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ก็ล้วนมีให้ศึกษาทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดโทร.0-3738-4093
กิจกรรมผจญภัย ในจังหวัดนครนายก
โรยตัวที่ 4 หน้าผา 5 น้ำตก วัดใจความกล้ากับกิจกรรมการท่องเที่ยวผจญภัยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครนายกมีผู้ประกอบการให้บริการด้านการท่องเที่ยวผจญภัยหลายแห่ง ที่สามารถให้การซักซ้อมและเตรียมความพร้อมก่อนการผจญภัยให้ได้รับความสนุกตื่นเต้นเร้าใจ และปลอดภัยตลอดรายการ โปรแกรมโรยตัวที่ 4 หน้าผา 5 น้ำตก เริ่มจากการเดินตามลำน้ำของน้ำตกธารรัตนา ลัดเลาะขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งเป็นหน้าผาแรกของการโรยตัวที่ น้ำตกสองพี่น้อง สูงประมาณ 67 เมตร แล้วไปโรยตัวต่อที่ น้ำตกสองสวรรค์ 1 ด้วยความสูง 18 เมตร พักกินข้าวกลางวัน แล้วเดินต่อไปหน้าผาที่ 3 น้ำตกสองสวรรค์ 2 สูง 38 เมตร เป็นสายน้ำที่ไหลจากน้ำตกธารรัตนาเดินป่าชมวิวทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำก่อนไปสู่หน้าผาสุดท้ายที่ น้ำตกวังบอน มีความสูง 26 เมตร
เช้าวันใหม่ไปต่อด้วย ล่องแก่งที่แม่น้ำนครนายก ซึ่งมีระดับความยาก-ง่าย ตั้งแต่ระดับ 3-5 สร้างความสนุกได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดทั้งปี โดยเริ่มต้นผจญภัยจากเชิงสะพานหลังเขื่อนขุนด่านปราการชล เลาะเลี้ยวไปตามลำน้ำนครนายก ในระดับความแรงของสายน้ำที่ 1-3 ผ่านแก่งต่างๆ โดยเฉพาะ แก่ง 3 ชั้น ที่สร้างความสนุกตื่นเต้นที่สุด ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีวังน้ำความยาวรวมทั้งหมด 7 กิโลเมตร และอีกกิจกรรมเหมาะสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาว ก็คือ การขับรถATV ในเส้นทางธรรมชาติ สนุก สุดมันส์ แบบลุยๆ ลงห้วย ลุยโคลน ผ่านฝายน้ำล้น และ เพลิดเพลินกับเรือกสวนตลอดสองข้างทาง อีกรายการที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักการผจญภัยฝึกการทำงานแบบเป็นทีมกับกีฬา ยิงปืนเพ้นท์บอลและบีบีกัน ที่จังหวัดนครนายกก็มีให้คุณเล่น
มะยงชิต มะปรางหวาน ส้มโอหวาน กระท้อนยักษ์ ของดีเมืองนครนายก
นครนายกมีผลไม้ขึ้นชื่อมากมาย เวียนออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี โดยเฉพาะ มะยงชิด มะปรางหวาน เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างมากในแต่ละปี ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานเทศกาลมะปรางหวาน มะยงชิด จ.นครนายก ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งผู้มาเยือนจังหวัดนครนายกในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ไม่ควรจะพลาดเลือกซื้อเป็นของฝากก่อนเดินทางกลับบ้านทุกครั้ง สำหรับในช่วงเดือนมิถุนายน ก็จะเป็นเทศกาลของ "กระท้อนยักษ์" ก็เป็นอีกผลิตผลเด่นของจังหวัดนี้ ถัดมาอีกเพียง 2 เดือน คือช่วงเดือนสิงหาคม ก็จะเป็นช่วงฤดูกาลของ "ส้มโอหวาน" ซึ่งนครนายกเป็นจังหวัดที่ปลูกส้มโอเป็นไม้ผลเศรษฐกิจหลัก มีหลายหลากพันธุ์ด้วยกัน เช่น พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง พันธุ์ขาวทองดี และพันธุ์ขาวใหญ่ โดยเฉพาะพันธุ์ขาวน้ำผึ้งจะมีรสชาติหวานกลมกล่อม และมีเนื้อกุ้งสีน้ำผึ้งน่ารับประทาน โดยทางจังหวัดจะจัดงานหน้าศาลากลางจังหวัด ในทุกฤดูกาลของผลไม้นั้นๆ เป็นประจำทุกปี
ก่อนกลับ อย่าลืมแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน เราขอแนะนำ
• วังรีดีไลท์ จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ผลไม้แช่อิ่ม ไส้กรอกเยอรมัน กาแฟสด ฯลฯ ทุกอย่างล้วนคุณภาพดีที่จะประทับใจคนรับอย่างแน่นอน โทร.0-3732-0679 หรือ www.wangreedelight.com
• ร้านศรีสุนีย์ ร้านที่มีชื่อเสียงมากว่า 40 ปี การันตีได้ถึงความอร่อยจากหลากหลายสถาบัน โดยเฉพาะไก่ย่างหนังกรอบ จัดว่าเป็นสินค้าเรือธงของร้าน ศรีสุนีย์มีของฝากคุณภาพดีเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปต่างๆ ให้เลือกซื้อหามากมาย โทร. 0-37311-1529, 08-974831423
• ผลิตภัณฑ์ไม้มะม่วง วิสาหกิจชุมชน หลากหลายรูปแบบ อาทิ แจกันดอกไม้ เชิงเทียน ถาดไม้ โคมไฟ กล่องไม้ ที่มีเอกลักษณ์เป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีคาอารจัดแสดงสินค้า สามารถเข้าเยี่ยมชมขบวนการผลิตได้วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 08.00 - 17.00 น. โทร.0-3739-1706-7
การเดินทาง
ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ สามารถไปนครนายกได้ 2 เส้นทาง คือ
• เส้นทางที่ 1: แยกรังสิต ตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ ระยะทาง 105 กม.
• เส้นทางที่ 2: ตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่แยกหินกอง ไปตามถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) จนถึงจังหวัดนครนายก ระยะทาง 137 กม.
รถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (จตุจักร) ทุกวัน จำนวน 2 เส้นทาง คือ
• เส้นทางที่ 1: กรุงเทพฯ - รังสิต - องครักษ์ - นครนายก ได้แก่ สาย 58 และ สาย 920 เริ่มเที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 05.25 - 17.10 น. รวม 21 เที่ยวต่อวัน
• เส้นทางที่ 2: กรุงเทพฯ - หินกอง - นครนายก ได้แก่ สาย 59 เริ่มเที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 04.30 - 21.00 น. มีรถออกทุก 30 นาที
นอกจากนี้ยังมีรถสาย 60 และ 921 (กรุงเทพฯ - นครนายก - อรัญประเทศ) ที่ผ่านจังหวัดนครนายกไปอรัญประเทศ สอบถามตารางเดินรถและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร.1490 เรียก บขส. หรือที่ www.transport.co.th
รถตู้โดยสารปรับอากาศ
• ท่ารถอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โทร. 08-1657-0976
• ท่ารถฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต 08-2592-0059
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)