อิตาลี เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก
เมื่ออยู่ต่างถิ่น หัวใจของนักเดินทางก็เต้นระรัวเป็นธรรมดาด้วยความกระหายใคร่รู้ คอยลุ้นอยู่บนความตื่นเต้นว่ากำลังจะได้ประสบการณ์ใหม่อะไรอีก ภายหลังจากการลืมตาในวันใหม่ บนโลกใบเดิมที่ต่างละติจูดกับแหล่งกำเนิด และแล้วร่างน้อยๆ ก็ปรากฎกายที่เมืองปิซาเข้าจนได้ หัวใจก็เต้นตึกตั่ก นำพาสองเท้าก้าวไป โอว...แม่เจ้า มันเอียงจริงด้วย แล้วทำไมมันเอียงอยู่อย่างนั้นนับร้อยปีไปดูกัน
เริ่มจากการรู้จักเมืองปิซากันก่อนเป็นไร เมืองที่เป็นอีกหนึ่งในมรดกโลกของอิตาลี ที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโกไปเมื่อปีค.ศ.1987 ดูซิ จะมีสักกี่ประเทศในโลก ที่เดินไปทางไหน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นมรดกโลกทั้งสิ้น น่าปลื้มใจจริงๆ Pisa (เมืองปิซา) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และประมาณร้อยกิโลเมตรจากทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระบือไกลเกี่ยวกับหอเอนเมืองปิซา และยังมีความสำคัญมากทางด้านการค้าในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ว่าแล้วก็เดินไปยลหอเอนแห่งเมืองปิซาหน่อยเป็นไร
Tower of Pisa (หอเอนเมืองปิซา) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีรูปทรงกระบอก 8 ชั้น สูง 183.3 ฟุต เอียง 3.97 องศา สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวเมื่อปีค.ศ.1173 แล้วเสร็จในปีค.ศ.1350 รวมเวลาการก่อสร้าง 175 ปี แต่การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงเมื่อสร้างไปถึงชั้นสาม เนื่องจากพื้นใต้ดินบริเวณก่อสร้างนั้นนิ่มจึงเกิดการทรุดตัวต่อมาในปีค.ศ.1272 ได้ดำเนินการสร้างต่อ โดยสร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อความสมดุล แต่ก็ต้องหยุดการก่อสร้างอีกครั้งเพราะเกิดสงคราม แต่หลังจากสงครามสิ้นสุด ก็ได้ดำเนินการสร้างต่อรวมเป็น 7 ชั้น แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1319 แต่ยอดหอระฆังมาสร้างเสร็จในภายหลัง ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตาในเรื่องของความสมดุล และความมุ่งมั่นในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ บวกกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ก็สมควรแล้วที่จะได้เป็นมรดกล้ำค่าของโลก นอกจากนี้ เมืองปิซายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กันคือ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา
Compo dei Miracoli (กัมโป เดย์ มิราโกลี หรือ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา) คำว่า "กัมโป เดย์ มิราโกลี" แปลว่า "จัตุรัสอัศจรรย์" เนื่องจากจัตุรัสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ เป็นบริเวณที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงจากสิ่งก่อสร้างหลักของสี่สถานที่อันสำคัญคือ มหาวิหารปิซา, หอเอนเมืองปิซา, หอศีลจุ่ม หรือ หอล้างบาป และสุสาน
เมืองนี้เอียงได้ใจ เดินไปเอียงไป เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้มันเอียงอย่างไรพิกล เลยขอกระเถิบไปตะลอนต่ออีกเมืองหนึ่งในตอนต่อไป ก่อนที่คอและตาจะเอียงจนกู่ไม่กลับนะปิซา
Written by Omyim
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)