สีสันแห่งสายไหม
ใครจะคิดว่าเมื่อ 2 พันปีก่อน มนุษย์จากสองซีกโลก จะลุกขึ้นมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันจนเกิดถนนสายการค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกอย่างเส้นทางสายไหม ตลอดระยะทางกว่า 7 พันกิโลเมตร จากเมืองซีอานมาจนถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลจึงไม่เพียงเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน แต่ยังนำวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของโลกตะวันออกเชื่อมกับตะวันตกได้อย่างน่าอัศจรรย์
และไม่ว่าใครจะตั้งใจไปท่องสายไหมกลาง ไหมเหนือ หรือไหมใต้ก็ต้องมาตั้งหลักกันที่เมืองอูรุมฉีแห่งมณฑลซินเจียงด้วยกันทั้งนั้น เพราะที่นี่เป็นเมืองต้นทางของการท่องบนเส้นทางสายไหม เพราะอยากหาออเดิร์ฟรสชาติดีของสายไหม เลยถามไถ่รีเซฟชั่นของเรือนพัก ได้ความว่า สำหรับเมืองใหญ่อย่างอูรุมฉี คงไม่มีที่ไหนฉายภาพชีวิตชีวาของชาวเมืองได้ดีเท่าย่านเออร์เต้าเฉียวอีกแล้ว มุมที่เขาว่าคึกคักที่สุดในอูรุมฉี หอสูง 80 เมตร แห่งมัสยิดเออร์เต้าเฉียวอาจจะดึงดูดสายตาแขกเหรื่อ แต่มากกว่าความน่าสนใจของสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ ก็เห็นจะเป็นผลไม้ ที่มองไปทางไหนก็มีวางขายอยู่เกลื่อนไปหมดและดูเหมือนพระเอกของมณฑลซินเจียงคงจะเป็นทับทิม เขาเรียก สือหลิว ลูกใหญ่มาก เม็ดก็แน่น คนที่นี่นิยมกินน้ำทับทิมคั้นสดกัน ไม่ว่าจะไปมุมไหนก็หาจิบได้ง่าย แก้วหนึ่งบางร้านก็ขาย 5 หยวน บางร้านก็ 10 หยวนแล้วแต่ทำเล แต่โดยรวมถือว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมประจำมณฑลซินเจียงกันเลยเชียว แต่ก็ไม่ได้มีแค่ทับทิม เรียกว่าซินเจียงเนี่ยเป็นดงผลไม้ก็ได้ ยังมีผลไม้ขึ้นชื่ออีกหลายอย่าง เช่น องุ่นหรือว่าผูเถา นี่ก็จัดว่าเป็นนางเอกของซินเจียงเลย โดยเฉพาะที่ทูลูฟานเป็นเมืององุ่นว่าก็ได้
นอกจากนี้ยังมีพวกแคนตาลูปหรือเซียงกวอ และแตงโมหรือซีกวอก็จัดว่าขึ้นชื่อเรื่องความหวาน ตามร้านเขาจะผ่าเป็นชิ้นเอาไว้เลย ลูกค้าคนไหนคอแห้งก็มาซื้อแล้วกินกันหน้าร้าน จัดการแตงเสร็จ ก็วางเงินหยวน แล้วเดินจากไปอย่างสดชื่นพวกสาลี่ แอปริคอต แอปเปิ้ล และวอลนัตนี่ก็เยอะ คนชอบผลไม้รับรองมาแล้วถูกใจแน่ จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อ ซินเจียงดูแห้งแล้งแต่กลับปลูกผลไม้ ข้าวสาลีและฝ้ายได้อย่างงอกงามแถมคุณภาพดีอีกต่างหาก
ผลไม้ว่าชวนให้คึกคักแล้วนะ พอไปเจอกองทัพอาหารการกิน โอ้โห ต้องบอกว่าน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ตั้งแต่ไก่ย่างและเนื้อแพะติดมันย่างเสียบไม้ ที่ย่างกันควันโขมงโฉงเฉงไปหมด เรียกว่าเป็นเมนูยอดฮิตของที่นี่เลยก็ว่าได้ บางร้านเด็ดกว่านั้นอีก ไม่ใช่แค่เนื้อแต่เอาเครื่องในแพะมาย่างหอมฉุยเพราะเขาโรยเครื่องเทศด้วย บางร้านเก๋กว่านั้นเพราะไม่ได้ปิ้งบนเตา แต่เอาเครื่องในแพะไปอบในโอ่งดิน แล้วปิดฝา แป๊บเดียวก็สุกแล้ว แต่เด็ดตรงที่ บางคนก็ไม่ได้กินแค่เนื้อแพะหรือเครื่องในย่างเปล่าๆ แต่กินกับแผ่นนาน ขนมปังที่เป็นเหมือนอาหารประจำถิ่นของชาวซินเจียง พอย่างสุกพ่อค้าจะเอาเครื่องในแพะมารูดห่อไว้ในขนมปัง บางร้านถ้าหรูหน่อยเขาจะย่างแพะเป็นตัวเลย จัดว่าเป็นเมนูแพงของเขา อารมณ์เดียวกับกินหมูหัน พวกครอบครัวมีสตางค์ก็จะมาดินเนอร์ชนิดกินกันเป็นตัว ส่วนข้าวหมกแพะนี่ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่หากินได้ง่าย ที่เจอแล้วต้องหยุดดูก็เป็นพวกอาหารตระกูลแป้งนึ่งยัดไส้เนื้อบางร้านมีผักผสมด้วย
อีกประเภทหนึ่งก็เป็นพวกเมนูเส้น เหมือนขนมจีนหรือ ก๋วยเตี๋ยว ใครจะสั่งแกงหรือผัดราดลงไปบนเส้นก็ได้ เสร็จแล้วเขาจะโรยด้วยถั่ว และก็มีน้ำซุปราดหน่อย ก็เห็นกินกันอย่างเอร็ดอร่อยพูดถึงขนมปัง ที่นี่เขานิยมกินกันเป็นอาหารหลัก มีทั้งแบบเป็นแผ่นและเป็นก้อน แถมมีทั้งแผ่นเล็กและแผ่นใหญ่ ยืนซุ่มอยู่หน้าร้านขนมปังพักหนึ่งก็รู้เลยว่า ชาวอูรุมฉีเขากินกันเป็นล่ำเป็นสันผ่านของคาวไปแล้วคราวนี้มาดูของหวานกันบ้าง นอกจากมีน้ำทับทิมเอาไว้ล้างปากแล้วไอติมนมแพะปั่น จัดว่าเป็นของว่างที่น่าชิมทีเดียว มาเดินแถวเออร์เต้าเฉียวแล้วรับรองว่าได้เจออาหารการกินทั้งหมดที่ว่ามาแน่นอน
สำรวจอาหารการกินกันไปแล้ว คราวนี้ไปเดินสำรวจข้าวของที่ตลาดต้าปาจาในย่านเออร์เต้าเฉียวกันบ้าง เขาว่าที่นี่เป็นแหล่งระบายเงินหยวนชั้นดี ถ้าเป็นสภาพของตลาดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงก็คงจะดูเก่าแก่กว่านี้เยอะ แต่นี่เขาเพิ่งขัดสีฉวีวรรณใหม่เมื่อ 7-8 ปี ที่ผ่านมานี้เองตลาดแห่งนี้เป็นย่านการค้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งสินค้าจากจีนและเอเชียกลางก็มักจะถูกส่งมาขายที่นี่ เขาถึงเรียกตลาดนี้ว่าซินเจียงอินเตอร์เนชั่นแนล บาซาร์ ส่วนพ่อค้าแม่ขายที่นี่แทบจะไม่มีชาวฮั่นแทรกตัวเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นชาวเหวยหวูเอ่อร์ที่จำเป็นต้องพูดภาษาจีนกลาง พอฟังสำเนียงเลยออกแปร่งๆ เล็กน้อย แต่พวกเขาจำเป็นต้องพูดให้ได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจับจ่ายคือนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาจากมณฑลอื่น ส่วนชาวต่างชาติก็มีเหมือนกัน แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ทีแรกก็คิดว่าตลาดนี้ส่วนใหญ่คงจะขายพวกผลไม้แห้ง พวกลูกเกดวอลนัต แอปพริคอต พุทราแห้ง และถั่ว แต่พอเดินลึกเข้าไปในตลาด ยิ่งรู้สึกว่าตลาดนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว เพราะซ่อนข้าวของน่าซื้อเอาไว้จมเลยของขึ้นชื่อที่สุดก็ต้องเป็นพรมทอมือ นอกจากพรมอิหร่านที่ว่าโด่งดัง พรมซินเจียงก็ถือว่าติดกลุ่มมีชื่อชั้นในยุทธจักรพรมเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นพรมที่ทำจากเมืองเหอเถียนยิ่งแพงหนัก เพราะที่นั่นเป็นเมืองทอพรมมาตั้งแต่โบราณ ก่อนจะซื้อนอกจากถามราคาจะลองถามดูก็ได้ว่าพรมชิ้นนี้เดินทางมาจากไหน ซึ่งที่เมืองนี้ไม่ได้ดังเฉพาะเรื่องพรม แต่พวกผ้าไหมก็มีชื่อเหมือนกัน เขาถึงบอกว่าอยากรู้ประวัติศาสตร์การเติบโตและที่มาของเส้นทางสายไหมให้ไปแกะรอยได้ที่เมืองพันปีอย่างเหอเถียนพวกหยกและเครื่องประดับก็เป็นอีกอย่างที่หาช้อปได้จากตลาดนี้และดูเหมือนเป็นที่นิยมของพวกนักท่องเที่ยวชาวฮั่น ที่ชอบเลือกซื้อหยก เนื้อดีเอาไว้ใส่กัน เพราะเขาถือว่าเป็นเครื่องประดับที่เป็นมงคล
เราเดินไปเจอของอีกหลายอย่างที่ทำให้แปลกใจ บางทีก็มองไม่ออกว่าเขาขายอะไร อย่างแส้ลาที่นี่มีขายเยอะมาก สาเหตุที่แส้ลาแปลงจากของใช้มาเป็นของฝากที่นำไปแต่งบ้านได้ ก็เพราะชาวเหวยหวูเอ่อร์เขานิยมใช้รถเทียมลาเป็นพาหนะหลักในชีวิตประจำวัน แส้ก็เลยกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่พวกเขาจำเป็นต้องมี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถักขึ้นจากหนังลานั่นเอง นักท่องเที่ยวเห็นแล้วก็อยากได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน อีกอย่างหนึ่งที่เห็นขายกันเยอะเลยก็เป็นพวกมีดและกริช มีดนี่ ตั้งแต่เล่มเล็กๆ ไปจนถึงยาวเหมือนกระบี่ น่าสนใจตรงรายละเอียดเพราะเขามีการสลักอย่างปราณีต บางเล่มก็มีอัญมณีและพลอยเทียมประดับด้วย ของพวกนี้คนซื้อน่าจะนำไปประดับบ้านมากกว่าใช้จริง เพราะดูแล้วสวยเกินกว่าจะเอาไปหั่นผักหั่นเนื้อ
เดินลึกเข้าไปในตลาดก็จะมีพวกร้านขายเครื่องกันหนาว เพราะที่นี่เวลาหนาวก็หนาวจัด ดูจากพวกเสื้อขนสัตว์ หมวก ผ้าพันคอและรองเท้าของที่นี่แล้ว คงหนาวสาหัสเลยพวกสินค้าที่มาจากรัสเซียก็ดูท่าว่าไม่น้อยเหมือนกัน ตุ๊กตาแม่
ลูกดกยังตามมาถึงนี่ และพวกกล่องแกะสลักมีภาพของสถานที่ท่องเที่ยวในรัสเซียประดับอยู่ด้วย ส่วนพวกเครื่องทองเหลือง ชุดน้ำชา นี่ไม่รู้เดินทางมาจากไหน รู้แต่ว่าน่าหิ้วกลับบ้านเหลือเกิน เดินตามเสียงดนตรีไป ก็เจอร้านขายเครื่องดนตรีที่มีให้เลือกหลายอย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของชาวเหวยหวูเอ่อร์ เดิมทีเขาไม่ได้ทำขายแบบนี้ แต่พอการท่องเที่ยวบนเส้นทางสายไหมเติบโตขึ้น เลยไม่ได้ทำไว้เล่นภายในครัวเรือนแล้ว แต่เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้โปรดปรานเสียงดนตรี บางโซนของตลาดเป็นมุมที่ขายของเก่า จะหาอะไรที่เก่าๆ ล่ะก็มีหมด ทั้งเสื้อผ้าของพวกชนเผ่าที่เก่าแก่มาก เรียกว่าเวรี่วินเทจเชียวล่ะ โอ่งและเหยือกใบที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ ที่นึกไม่ออกว่าถ้าปลงใจซื้อไปแล้วจะหอบกลับบ้านอีท่าไหนแต่ที่เข้าตาฉัน เป็นรูปทองเหลืองของประธานเหมา หนักไม่เบาเลยลองต่อรองราคาแล้วแต่ไม่สำเร็จ เลยอดพาประธานเหมามาเที่ยวบางกอก ของพวกนี้ต้องมีเวลาละเลียดดู เพราะบางอย่างก็ถูกซุกอยู่ในมุมอับตามประสาร้านขายของเก่า แต่อยู่ในโซนนี้แล้วชอบอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นึกถึงบรรยากาศแกรนด์บาซาร์ที่อิสตันบูลยังไงไม่ทราบ ที่นั่นเขาก็มีโซนขายของเก่าแบบนี้แหละ ขลุกอยู่ได้อย่างไม่รู้เบื่อ
ที่จริงในตลาดยังมีข้าวของอีกเยอะเลย ประเภทพืชสมุนไพรอบแห้งนี่ก็ไม่น้อย เห็นพวกนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมซื้อบัวหิมะตากแห้งจากเทือกเขาเทียนซานกันใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังมีชากุหลาบที่มาจากเมืองเหอเถียนอีกแล้ว เพราะที่นี่ไม่ได้ดังแค่เรื่องไหมและพรม แต่ยังเป็นแหล่งปลูกกุหลาบชั้นดีอีกด้วย แน่นอนว่าลองเป็นแหล่งกุหลาบแบบนี้ เขาไม่ได้ขายแค่ชากุหลาบ แต่นำกุหลาบไปทำหัวน้ำหอม และไวน์กุหลาบด้วย ดูแล้วเหอเถียนคงเป็นเมืองประเภท one city many products คนที่ลองชิมน้ำทับทิมมาแล้วติดใจในรสชาติ จะลองเหล้าทับทิมในตลาดนี้ก็มีขายด้วย หรือใครจะลองเหล้าองุ่นก็มีเหมือนกันเป็นตลาดที่อุดมไปด้วยสีสัน เขาถึงบอกว่าคนมาอูรุมฉีถ้าไม่ได้เห็น ตลาดนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง ส่วนใครอยากรู้ว่าสายไหมสีอะไร ตอบไม่ได้ ต้องมาป้วนเปี้ยนในตลาดต้าปาจาแห่งเออร์เต้าเฉียวด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าสีสันแห่งสายไหมฉูดฉาดแค่ไหน
Tips!!!
- การสัญจรบนเส้นทางสายไหม ต้องไปเริ่มต้นกันที่เมืองอูรุมฉีจากกรุงเทพฯ สายการบินไชน่าเซาท์เทอร์นแอร์ไลน์ มีเที่ยวบินไปกลับอูรุมฉีทุกวัน แต่ต้องบินไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองกวางโจว เพราะศูนย์กลางการบินของเขาอยู่ที่นั่น คลิกไปดูรายละเอียดของเที่ยวบินได้ที่ www.flychinasouthern.com หรือโทร 02-677-7388 ไชน่าเซาท์เทอร์นแอร์ไลน์ถูกยกให้เป็นสายการบินใหญ่ที่สุดในจีนติดต่อกันเป็นปีที่ 28 โดยจัดอันดับจากปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารในแต่ละปี และได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยทางการบินด้วย
- ถึงจะเป็นเมืองที่อยู่ไกล แต่เรื่องห้องหับก็แทบไม่เป็นปัญหาคลิกเข้าไปเลือกได้ที่เว็บไซต์จองที่พักอย่าง www.agoda.co.th มีให้เลือกหลายทำเลและหลายราคา จองแล้วยังใช้แต้มสะสมไว้เป็นส่วนลดสำหรับการจองครั้งถัดไปได้ด้วย
- วีซ่าจีนใช้เวลาทำประมาณ 3-4 วัน ค่าธรรมเนียม 1 พันบาท หรือกรณีเร่งด่วนต้องจ่ายเพิ่ม โทรถามที่ 02-245-7043-4
- ฤดูท่องเที่ยวของมณฑลซินเจียงอยู่ในช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค.พ้นจากช่วงนี้อากาศจะค่อนข้างหนาวจัด เช็กอุณหภูมิก่อนเดินทางที่www.weather.com
-จีนใช้เงินสกุลหยวน 1 หยวนประมาณ 4.8-5 บาท
- ผู้หญิงเดินทางท่องเที่ยวไม่มีปัญหาเรื่องอันตราย จะมีก็แต่เรื่องภาษา ถ้าพูดภาษาจีนกลางพอได้ก็จะทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้น
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!