โครงสร้างความสุข ความรัก ของ คริส หอวัง
Cover Story
เรื่อง : กิตติพจน์ อรรถวิเชียร / ภาพ : ธีรพร จันทรา / สไตล์ลิส : ธนฤทธิ์ เเสงสิน / ประสานงานปก : ฉัตรฤดี แก้วกระแส
Social Construction
โครงสร้างความสุข ความรัก / คริส หอวัง
สังคมของเราที่เต็มไปด้วยวัยหนุ่มสาว ทุกคนต่างปรารถนาที่จะเดินตามเส้นทางที่เราขีดเขียนขึ้นมาเอง บางคนมีโอกาสที่ดีกว่าก็ได้เดินตามเส้นทางของตัวเอง บางคนโอกาสมีน้อยกว่าก็ต้องดิ้นรนหาหนทาง "คริส หอวัง" ตัวตนของหญิงสาวที่มากความสามารถในยุคที่สาวๆ มีแต่ความสวย คริสทั้งเต้น แสดง ร้อง พูดในฐานะดีเจ นางแบบ พรีเซ็นเตอร์ และได้รางวัลจากการเป็นนักแสดงนำหญิง ในความเก่งที่หลากหลายนี้ ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจชายหนุ่มและยังเป็นไอดอลให้วัยรุ่นไทย นอกจากความสามารถของเธอ เรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ก็เป็นประเด็นคลาสสิคที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจ ผมได้เรียนรู้จากเธอว่าเราไม่สามารถเข้าใจใครได้จากเพียงการคาดเดา เราไม่สามารถรู้จักตัวตนผู้หญิงคนหนึ่งได้จากละครหรืออาชีพนักแสดง แต่เรารู้ว่าเธอคือ ‘คนที่มั่นใจ' มั่นใจและเรียนรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำ ความรักของเธอจะเป็นอย่างไรก็คงแล้วแต่เธอ แต่เธอจะอยู่ในสายงานอาชีพนี้ในรูปแบบไหน ยืนระยะต่อเนื่องไหม ทัศนะต่อจากนี้ไปคืออะไร มันคือสิทธิ์ของเธอ
งานของคริส หลากหลายขนาดไหน
คริสไม่ได้เล่นละคร ร้องเพลงก็ไม่ได้ร้อง จึงมี Limit มาแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำในสิ่งที่เราชอบทำเท่านั้น ถ่ายแบบ เป็นดีเจ สอนเต้น แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สอน เพราะนักเรียนปิดเทอมอยู่ และเล่นหนัง
คริสคิดไหมว่าตัวเองเป็นดารา เป็นนักแสดง หรือเป็นอะไรกันแน่
คริ สเป็นนักเรียนค่ะ คริสไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนเลยรู้สึกว่าทุกครั้งที่มีใครให้แสดง ไม่ว่าจะเป็นแค่โฆษณา ซึ่งถ้าไปถามคนที่เป็นนักแสดง ตอนที่เล่นโฆษณาเท่ากับเขาไม่ได้แสดง เหมือนแค่หันมาโพสต์ แต่สำหรับคริสทุกอย่างเป็นแบบการเรียนรู้
ในมุมของคริส ตัวเองยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ใช่ค่ะ ขนาดคริสเรียนเต้นมาตั้งแต่ 5 ขวบ ไม่มีคำว่าเก่งที่สุด ดีที่สุด ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ
คริสมองตัวเองเป็นนักเต้นขนาดไหน
คริสไม่เคยมองตัวเองเป็นนัก เต้นเลย ขนาดไปเรียน Dance Major ที่อเมริกา ยังคิดว่าไม่ไป Audition เพราะว่ารู้สึกว่าร่างกายมีแค่ขา แขนคู่เดียว ไม่อยากให้ร่างกายต้องพังตอนอายุ 30 แล้วใช้อะไรไม่ได้อีก เลยคิดว่าเรียนเพราะเรารัก แต่ไม่ได้เรียนเอามาทำเป็นอาชีพ แต่พอกลับมาเมืองไทยแล้ว ตอนนั้นไม่มี Plan ที่จะไปทางไหน แม่ก็บอกว่าอุตส่าห์ส่งไปเรียน โรงเรียนเก่าของแม่ มีรับสมัครครู แล้วตอนนั้นอายุเพิ่ง 20-21 ปี เพิ่งจบมาใหม่มากๆ เด็ก High School ที่ไหนจะมาฟังคริส แล้วอาชีพครูรู้สึกว่าแก่ ให้เป็นครูแก่ เป็นอาชีพสำหรับคนอายุ 40 ปี แต่เออ...ได้ไปก็ได้ คงไม่ได้ชัวร์ กลับกลายเป็นว่าไปสมัครแล้วได้ พอได้ก็ต้องทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เรียนรู้ว่าทำยังไงให้ดี ปีนี้แย่ตรงไหน ปีนั้นพลาดตรงนี้ สรุปสอนไปสอนมาจะ 10 ปีแล้ว
คริสคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแบบไหน
คริสกับพลอยเคยคุยกันนะ เรื่องนี้ พวกผู้หญิงที่กล้าแต่งตัวเปรี้ยวๆ ความจริงติ๋ม เพราะว่าคนที่เขามั่นใจมากจะไม่ดูกระจกหลายทีก่อนออกจากบ้านหรอก จะไม่มานั่งลองแล้วลองอีกกางเกงตัวนี้ใส่แล้วดูโอเคหรือเปล่า พวกที่ลองแล้วลองอีกว่าฉันสวยไหม ฉันอย่างนั้นอย่างนี้ไหม ใส่แล้วต้องเปรี้ยว อันนี้ตอนนี้กำลังอินอยู่ต้องใส่ เพราะว่าแบบ Security ของตัวเองไม่เยอะพอไง ถ้าคนที่เขาเจ๋งจริง อย่างพี่ปาล์มมี่ ฉันจะแต่งตัวแบบนี้ ไม่ต้องตามเทรนด์ พี่เขาสวย เปรี้ยว และทุกคนยอมรับ แต่คนอย่างพวกคริส คือทำเป็นฉันมั่นใจข้างในแต่พอใส่ออกมาแล้วทุกคนก็ต้องเป็นแบบฉันสวยแล้ว จริงๆ ไม่หรอก แต่ว่าคริสเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
คริสมองเรื่องความคิดมากกว่าเรื่องการแต่งตัว
อันนี้ไม่ได้พูด ถึงเรื่องความมั่นใจแล้ว พูดถึงเรื่อง Ex space ความคิดของตัวเองที่จะพูดออกมาหรือถ่ายถอดออกมา เหมือนเรื่องความมั่นใจว่าฉันดี ฉันเก่ง ฉันอะไรแบบนี้ เออ...อันนั้นคริสว่าไม่มีใครกล้าหรอก แต่ว่าเรื่องที่จะบอกว่าฉันรู้สึกอย่างไร หรือเออ...อะไรแบบนี้ น่าจะบอกได้
คริสชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง
ใช่ค่ะ แต่บางครั้งเราอยู่ในประเทศไทย เวลาพูดอะไรที่ตรงมาก คนจะรับไม่ได้แล้วจะบอกว่า โหย...แรงอ่ะ ซึ่งประเทศเราเลยเป็นอยู่อย่างนี้หรือเปล่า เพราะไม่มีใครยอมรับความจริงได้
คริสพูดตรงๆ กับคุณพ่อคุณแม่ไหม
เราพูดกันตรง ทะเลาะตลอดเลย
คุณพ่อคุณแม่เคยห้ามไหมว่าอย่าพูดตรงๆ แบบนี้ได้ไหม
คริสไม่ได้พูดตรงจนทำร้ายจิตใจใคร แต่หมายความว่า ถ้าเขาถามความคิดเห็นของคริส ก็จะตอบ แต่ว่าถ้าอยู่ดีๆ เดินไปด่าเขา ก็เกินไป
คริสมองวัยรุ่นไทยอย่างไรบ้าง สาวๆ เอาคริสเป็นไอดอลของผู้หญิงไทย
คริสไม่ได้เป็นไอดอลหรอก อย่าเอาคริสเป็นไอดอลเลย
ถ้าสาวๆ อยากเรียนแบบพี่คริส คริสว่าเขาควรเอาแบบอย่างตรงไหนของคริส
ส่วน มากเป็นเรื่องตื้นๆ เรื่องพี่แต่งตัวน่ารักจัง หนูชอบการแต่งตัวพี่ เพราะว่าเขาไม่รู้จักคริส พอเขารู้ว่าความคิดของเราเป็นยังไง เขาอาจจะไม่ชอบเราก็ได้ ไม่รู้ว่าคนที่ชอบเราควรจะนำไปใช้หรือเปล่า แต่เพียงแค่คริสบอกตัวเองเสมอว่า โชคดีเนอะ คริสไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำงานอยู่ในวงการนี้ หรือเป็นดารา เล่นหนัง หรืออะไรก็ตาม ตอนที่ยังไม่ได้ทำงานพวกนี้ คริสดูทีวีแล้วรู้สึกว่า อ้าว...เป็นแฟนกันแล้วทำไมต้องบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทด้วย คือคริสไม่เข้าใจ แต่โชคดีจังเลยที่ตั้งแต่วันแรกที่คริสเข้ามา เราเคยพูดความจริงตลอด เป็นตัวเองตลอด แล้วยังมีคนที่ชอบคริส แน่นอนว่าต้องมีคนเกลียด แต่ก็ยังมีคนที่ชอบคริส คริสเลยรู้สึกว่าโชคดีจังเลยที่เราเป็นเราได้ โดยที่ยังมีคนชื่นชอบอยู่ เหมือนพี่เท่ง พี่โหน่ง คือเขาเป็นเขา พี่โก๊ะตี๋ คือเขา 5 4 3 2 1 เหมือนเขานั่งอยู่ตรงนี้ ผิดกับดาราบางคน คือไม่ได้แอ๊บ แต่เป็นอย่างงั้นมาตั้งแต่แรก เวลาเขาคุยกับใครจะต้องเป็นอยู่ในสภาพนั้น ซึ่งมันเหนื่อยนะ คือกลายเป็น Auto แล้ว
ผมมีความรู้สึกว่าดารานักแสดงสมัยนี้ เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
ก็ดีสิค่ะ ทำไมล่ะพี่ ก็น้อง พี่ ญาติเราก็มีแฟนหมด ไม่เห็นเป็นไรเลย
อะไรที่เป็นตัวกำหนดว่าดาราต้องเป็นแฟนกับคนนี้ไม่ได้
พอคริ สเข้ามาแล้วเริ่มศึกษาคิดว่า บางทีคริสเจอคำถามแบบเป็นแฟนกันหรือเปล่า เราก็รู้สึกกระตุกกระตักแล้ว ทำไมกูต้องไม่บอกด้วยว่าเป็นแฟน คือหนูรู้สึกกระตุกกระตัก รู้สึกไม่อยากบอก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คริสก็อืม...ก็เป็นอ่ะค่ะ ถ้าเกิดเป็นคนธรรมดาถามคริสก็ตอบว่าเป็นเลย แต่ถ้าเป็นนักข่าวถามคริส ตอนแรกๆ จะตอบแบบกระตุกกระตัก แล้วหนูก็ถามตัวเองว่าทำไมว่ะ เลยคิดว่าดาราหลายคนไม่อยากบอกว่ามีแฟน คนนี้เป็นแฟน เพราะว่าเวลาตอนเลิกจะต้องมานั่งบอกอีกว่าเลิกทำไม เขามีคนอื่นหรือเปล่า เขาอย่างนั้นอย่างนี้ เขาทะเลาะกับแม่เราหรือเปล่า มีชู้หรือเปล่า มีนู่นมีนี่ขึ้นมา แต่ถ้าบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทลดระดับความสัมพันธ์แล้ว จบใช่ป่ะ เออว่ะ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เพราะคริสไม่เคยมีประสบการณ์เลิกกับแฟน แล้วมีแฟนใหม่ คือเพิ่งเรียนรู้
เข้ามาในวงการ มีอะไรที่ไม่ชอบในวงการบ้าง
โชคดีคริสเจอแต่คน ดีๆ ยังไม่มีใครโกงสตางค์ หรือหลอกไปทำอะไรไม่ดี คือมีแต่คนน่ารักๆ ทั้งนั้นเลย หนูรู้ว่ามีคนหลายประเภทเหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่าโชคดีที่หนู Surround goodbye prefer
มีมุมตัวตนของคริสมุมไหนบ้างไหมที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเจอ
เวลา คริสโมโหหิว คือไม่ได้โมโหแบบเขวี้ยงของอะไร แต่ว่าหงุดหงิดไปหมดเหมือนเด็กง่วงนอน หิวๆๆ พอกินข้าวเสร็จชีวิตดีขึ้น แต่ว่าถ้าเป็นคนที่สนิทมาก เช่น น้องหรือว่าพี่ผู้จัดการจะรู้แล้วล่ะ สมมุติถ้าทำงานยาวแล้วอยู่ในรถ หิว แวะปั๊มน้ำมันซื้อขนม 10 นาทีไม่เป็นไรหรอก เขารอได้
คริสมองมุมนี้ยังไง อุดมการณ์กับเงิน
คงต้องแบ่งออกเป็น 2 ข้อ ได้แก่ อุดมการณ์ คนที่มีอุดมการณ์ก็คือคนที่มี คนที่ไม่มีก็คือคนที่ไม่มี เราใส่ Chip เข้าไปในหัวเขาไม่ได้ ถ้าเราว่ายน้ำเป็น แล้วมีคนตกน้ำ เรายืนอยู่ข้างๆ แม่น้ำ เราจะไม่กระโดดลงไปช่วยเขาเพราะไม่ได้มั่นใจว่าจะพาเขากลับมาได้ ก็ไม่โดด คนเป็นหมอก็เหมือนกัน เหมือนกับคนว่ายน้ำเป็น เขามีวิชาอยู่ในตัวเห็นคนกำลังจะตาย ต่างจังหวัดจะรู้ว่ามีคนกำลังจะตายอยู่ตลอด ถ้าหมอมีอุดมการณ์ เขาก็ยอมไป ยอมในที่นี้หมายความว่าทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ว่าตังค์น้อย หมอทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต่างจังหวัดมีคนตายอยู่ตลอดเวลา ตายเพราะไม่มีหมอที่ดีพอหรือว่าบุคลากร พยาบาล ไม่พอ แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็เข้าใจว่าทุกคนมีพ่อแม่ พี่น้องที่ต้องเลี้ยงดู
ถ้าเปรียบเทียบกับคริส หากต้องเลือกระหว่างอุดมการณ์กับอาชีพที่คริสอาจจะมองว่าได้เงินเยอะ
เทียบ กับหนูไม่ได้ เพราะตอนนี้คริสไม่ได้ร้อนเงิน มีเงินพอ เขาติดต่อมาให้คริสใส่ชุดว่ายน้ำล้างรถให้เงินล้านหนึ่งทำงาน 20 นาที ติดต่อมาตอนนี้คริสก็ไม่ทำ แต่คริสพูดไม่ได้ เพราะถ้าเกิดกลืนน้ำลายตัวเอง อีก 4 ปี ข้างหน้าไม่มีตังค์แล้ว เขามาติดต่อคริสคงทำ (ความจำเป็นมันไม่เหมือนกัน) ใช่ค่ะ แต่ถามว่าถ้าทำแล้วสูญเสีย หรือต้องเสียใจไปตลอดชีวิต คงไม่ทำ ถึงจะไม่มีเงิน หรือจะได้เงินเยอะขนาดไหน แล้วต้องทำเพื่อสูญเสียความเป็นตัวเองอย่างมาก งานก็จะออกมาไม่ดีอยู่ดี แล้วคริสก็จะเซ็งไปตลอดชีวิต จะจำได้ว่าไม่น่าเลยๆ นอยด์คิดมาก
คริสคิดเห็นอย่างไรกับงานอาสาสมัคร
เจ๋งค่ะ คนพวกนี้ คือสุดยอดของประเทศ วันนั้นคริสยังพูดกับคนขับรถอยู่เลย ขับรถเข้าซอยบ้าน ซอยมันเล็กมาก แล้วมีรถขยะ พี่ๆ ที่เขาเก็บขยะ คริสมองแล้วแบบ คริสคิดมาตั้งนานแล้ว แต่พึ่งพูดกับคนขับรถว่า นิกร คริสอยากแบบเปิดกระจกเอาตังค์ไปให้เขาสักคนละร้อยสองร้อย แต่เขาคงด่าคริสกลับ เพราะว่าพี่ๆ พวกนี้เขาก็มีศักดิ์ศรีของเขา เขาไม่ใช่ขอทานอยู่ดีๆ เอาตังค์ให้เขาได้ยังไง แต่คนพวกนี้โคตรน่านับถือ ถ้าไม่มีเขาใครจะเก็บขยะให้เรา ให้พี่เก็บเองทำไหม เราไม่ทำ เหม็นจะตาย แค่เราเปิดกระจกรถนิดเดียว รถขยะวิ่งผ่านไปตั้งร้อยเมตรแล้วยังได้กลิ่นอยู่เลย แล้วตัวเขาอยู่บนนั้นเลย โห...เท่มาก
ถ้าวันหนึ่งคริสไม่ได้เกิดอยู่บนกองเงินกองทอง
คริสไม่เคยเกิดอยู่บนกองเงินกองทองเลย
สมมุติว่าคริสไม่มีเงิน คริสต้องไปทำงานแบบนี้คริสจะทำได้ไหม ไม่ได้เข้าวงการ
ถ้า ต้องทำ เพราะไม่มีทางเลือกแล้วจะทำ ถ้าคริสเป็นคริสที่ไม่ต้องทำอาชีพนี้ก็ได้ แต่คริสเป็นคริสที่ยังมีสมองอยู่ คริสอาจจะทำอาชีพอื่น
ถ้าคริสไม่ได้ทำงานอาชีพนี้ คริสจะทำอาชีพอะไร
ตอนนี้คงทำร้านกระเป๋าเหมือนเดิม ยังคงสอนเต้นเหมือนเดิม และก็เป็นดีเจเหมือนเดิม
อาชีพดีเจให้อะไรกับคริสบ้าง
อย่างแรกไม่เคยนึกเลยว่าจะมาทำ อาชีพนี้ ตอนแรกพอไปทำมันอยู่กับตัวเองก่อน แบบนอยด์จะพูดว่าไร เปิดไมค์ไปเหมือนคนบ้าเลยพูดอยู่คนเดียว จะมีใครฟังเราไหม สองเดือนสามเดือนแรกอยู่กับตัวเองก่อน พอหลังจากสองสามเดือนแรก เริ่มเปิดไมค์แบบไม่ต้องคิดแล้วว่าจะพูดอะไร เริ่มเป็นไปตามธรรมชาติ พอเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว เริ่มจะนึกถึงคนอื่นว่าอยากเปิดเพลงตามใจคนฟังไม่ได้เหรอ คลื่นวิทยุจะมีล็อกไว้ว่าชั่วโมงหนึ่งเปิด 10 เพลง เขาอาจจะล็อกไว้สัก 4 เพลง เพื่อที่ว่าเพลงใหม่ที่เข้ามาในคลื่นที่ต้องเปิด เพื่อที่จะแนะนำ หูย...อยากเปิดไม่มีเวลาแล้ว อยากเปิดให้คนฟัง ทำไมคริสถึง love งานนี้มาก มีอยู่วันหนึ่งที่ความรู้สึกเป็นแบบนี้ คืออยากเอาใจคนฟัง มีน้องคนหนึ่งโทร.เข้ามาหา "พี่คริสค่ะ วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนหนู หนูอยาก surprise เขา พี่ช่วยเปิดเพลงนี้ให้หน่อยได้ไหม" คริสบอกว่าได้พอดีมี Slot ว่างอยู่ เปิดให้เขา พอเปิดให้เสร็จเขาโทร.กลับมาร้องไห้ดีใจ แล้วข้างหลังเป็นเสียงแบบ พี่ดีใจมากเลย ขอบคุณมากเลย คือดีใจเว่อร์มากกับแค่คลิกเดียวของหนู หนูเลยคิดว่าทุก Message ที่เขาส่งมา ทุกอย่างที่คนโทร.เข้ามา หรือคนที่ฟังอยู่ แม้กระทั่งคริสเองฟังวิทยุ บางทีเราก็ยิ้มหัวเราะไปกับดีเจ แต่ไม่เคยโทร.ไป ไม่เคยหยิบโทรศัพท์โทร.ไปเล่มเกมหรืออะไรแบบนี้ คนเป็นแบบคริสเยอะไง มีประชากรไม่ถึงครึ่งที่จะโทร. เพราะฉะนั้นคริสหวังว่าสิ่งที่เราเปิดเพลง สิ่งที่เราพูด ทำให้เขามีความสุข พอรู้อย่างนั้นแล้วตัวเองก็มีความสุข ว่าได้ฟังเพลงสนุก
คริสทำงานในวงการมากขึ้น งานดีเจก็ต้องลดลง คริสจัดสรรอย่างไร
ตอน นี้เปลี่ยนเป็นก้อย-รัชวิน คริส แล้วก็เปอร์อยู่ในชิปเดียวกัน คือให้สามคนนี้ใครก็ได้ขอให้ไปได้สักคน ดูแลชิปเป็นแบบสี่ทุ่มครึ่งถึงตีหนึ่ง วันจันทร์ถึงศุกร์ คือ ผู้หญิงสามคนคุยกันเอง จัดตารางกันเอง ใครก็ได้รักษาชิปไว้ จะมีวิทยุคลื่นที่ไหนใจดีแบบนี้ ไม่มีอีกแล้ว
คล้ายกับว่าคริสกับก้อยเป็นโลโก้ของ Fat ไปด้วย
ไม่รู้โลโก้หรือเปล่า แต่ดีเจทุกคนมีความสำคัญหมด เขาก็มีแฟนคลับของเขาทุกคน
ถ้าคริสเลือกที่จะงานอาสาสักอย่างคริสอยากจะทำอะไร
อันนี้คิด มานานมากแล้วคริสอยากช่วยสัตว์ คริสรักสัตว์มากกว่าคน เห็นสัตว์โดนทำร้ายคริสจะช่วยสัตว์ก่อน สัตว์ทุกอย่าง คริสกลัวงูมาก แต่ว่าถ้ามีคนตีงูตาย ฆ่างูตายต่อหน้าคริส คริสก็ร้องไห้เหมือนกันนะ
อะไรที่ทำให้คริสรักสัตว์ขนาดนั้น
ไม่รู้ค่ะ คริสอิน อินจนแม่ด่าว่าบางทีก็เว่อร์ลูก ลูกไม่ต้องแบบเสียใจขนาดนั้น บางทีก็เป็นเรื่องของโรค มันช่วยไม่ได้ คริสแค่รู้สึกว่าหมาข้างถนน คนหิวข้าว คนข้างถนนไม่มีบ้านเหมือนกัน เขาหิวข้าวเขาพูดได้ว่าเขาหิวข้าว แต่หมามีปากแต่พูดไม่ได้ ต้องไปคุ้ยขยะ ซึ่งวันนี้ได้กินของในขยะ อาจจะแบบลูกชิ้นครึ่งชิ้น พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวันก็ได้ น่าสงสาร คริสเคยเจอเหตุการณ์วินมอเตอร์ไซค์รุมกระทืบหมา คริสนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ คริสด่าวินมอเตอร์ไซค์ หมานอนอยู่ วินก็เดินไปเตะเหมือนเตะลูกฟุตบอล เตะเล่นๆ หมานอนหลับอยู่พอโดนแตะเล่น ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาโวยวาย เหมือนกับคน สมมุตินอนอยู่มีคนเอาน้ำราดแล้วก็ตื่นมาแบบ เฮ้ย...อะไรว่ะ หมาก็ตื่นมาโวยวายปกติ พอโวยวายปุ๊บกระทืบหมา สมองไร้ค่ามาก
คริสอยากบอกอะไรกับคนที่ลืมดูแลสัตว์เลี้ยงที่บ้านของตัวเอง หรือไม่ใส่ใจสัตว์ที่ตัวเองเลี้ยง
บาป กรรม แค่นั้นแหละ คริสไม่รู้จะพูดว่าอะไร คือไม่ต้องคิดอะไรเลยคิดว่าเขาเป็นคนๆ หนึ่งก็ได้ พี่วิลลี่ แมคอินทอช เพิ่งเล่าให้คริสฟัง ความเป็นโลกที่สามของประเทศเรานี่แบบ So under มาก วันนั้นคริสเล่าว่าเพิ่งได้หมาตัวเล็กมากเท่านาฬิกาปลุก จนคริสไม่กล้าเล่น พี่วิลลี่บอกเพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์มามีคนไปซื้อลูกหมาจากจตุจักรมาเหมือนกัน แล้วเลี้ยงมาสองสามอาทิตย์ หมาไม่ยอมกินอาหารเม็ด ไม่ยอมกินอาหารเพ็ดดีกรีกระป๋อง พาไปหาหมอ หมอก็ฉีดยาให้เรียบร้อย สองสามอาทิตย์ผ่านไปไม่ยอมกินข้าว พาไปหาหมอใหม่ หมอบอกว่านี่ไม่ใช่หมาแต่คือลูกหมี ลูกหมีตัวเล็กแค่นี้มันเพิ่งเกิดก็ไปเอามาจากแม่แล้ว บาปกรรม ตายไม่ดีอ่ะ หนูว่าถ้ามีญาติอยู่ในคุก เรายังรู้สึกชีวิตเขาน่าสงสารจังเลยอยู่ในคุก 10 ปี ขอโทษขอให้ไปสวนสัตว์ทุกที่แล้วให้ดูลิงห้อยแขนออกมาจากกรง ไม่มีกำหนดด้วยว่าจะอยู่กี่ปี เขาอยู่จนตาย
ถ้าคริสมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงคริสจะทำไหม
คริสไม่รู้ว่าเรา จะจับสัตว์มาดูเพื่ออะไร ไม่รู้จะเอาเสือมานั่งถ่ายรูปทำไม ไม่เข้าใจ ทุกคนรู้อยู่แล้ว พอเอารูปไปดูที่บ้านว่าไปถ่ายที่สวนสัตว์ คงไม่มีใครเข้าไปในป่าแล้วนั่งถ่ายรูปกับเสือ สิงโต แล้ว point คือหนูไม่เข้าใจ บาปกรรม ถ้ามีอำนาจหนูจะทำอะไร กฎหมายมีอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นมีค่าอะไรเลย กฎหมายช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าคริสมีอำนาจจะบอกไปว่าคุณจับสัตว์ป่ามาขังกรง เพราะฉะนั้นฉันก็จับคุณไปขังกรงบ้าง จะรู้สึกอย่างไร แอนตี้อยู่แล้วค่ะสวนสัตว์ โอเค เขาอาจจะบอกว่าสำหรับการศึกษา สำหรับเด็ก หรืออะไรก็แล้วแต่ ดู discovery เถอะ ขอร้อง ทำอะไรแบบท้องฟ้าจำลองแบบนี้ก็ได้นะ ฉายสารคดีใหญ่ๆ ให้เป็น 3D ก็ว่าไป เพราะสัตว์อยู่ในกรงเราก็จับไม่ได้อยู่แล้ว ห้ามเอามือให้อาหารสัตว์ คือต้องใช้ไม้จิ้มยื่นเข้าไป โคตรบาปกรรม แล้วสภาพประเทศโลกที่สามอย่างเราๆ นี่คือเลี้ยงสัตว์กันแบบเกิดมาชาติหน้าพิการชัวร์
ถ้าพูดเรื่องสัตว์ดูเหมือนว่าคริสอินมากๆ
อินมากค่ะ โกรธมากด้วย
มีใครชวนคริสไปออกงานอีเวนต์ที่สวนสัตว์หรือยัง
มีค่ะ สวนสัตว์ที่จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เปิดหมดเลย เป็นภูเขาทั้งลูก โคตรเจ๋งคริสเลยไป ไม่มีกรง ไม่ใช่ว่าเป็นสวนสัตว์แล้วคริสแอนตี้ แต่ขอทราบคอนเซ็ปต์ก่อน พอดีพ่อของพริตต้าเป็นผู้อำนวยการ แล้วพริตต้ารู้อยู่แล้วว่าคริสรักสัตว์ แล้วคริสรับได้กับซาฟารีด้านนอก คริสโอเค คือไม่ได้เป็นที่กว้างมากหรอกแต่อย่างน้อยก็เดินไปไหนมาไหนเปลี่ยนวิวบ้าง ไม่ใช่โดนขัง เหมือนถ้าเราโดนขังอยู่ในห้องน้ำตลอดเลย ก็ไม่ไหว อุตส่าห์เกิดมาเป็นนก โดนตัดปีกไม่พอแถมขอฉันกระดิ๊บก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในสี่เหลี่ยมแบบ 3X2 เมตร ก็ไม่ไหวอ่ะ
คริสชอบผู้ชายแบบไหน
คริสชอบผู้ชาย เกิดมาไม่เคยมีแฟนหล่อเลยจริงๆ คริสชอบผู้ชายที่มีความเป็นผู้ชาย ชอบผู้ชายที่มีเรื่องแล้วไม่วิ่งหนี ชอบผู้ชายแบบที่เดิร์นหน่อย ไม่ได้แปลว่าต้องเปิดประตูรถให้คริสนะ แต่คริสอธิบายไม่ได้ว่าเดิร์นคืออะไร แล้วส่วนมากผู้ชายหล่อไม่ค่อยมีเลยที่เป็นแบบนี้ หรือมีแล้วคริสขี้เกียจไปแย่งชิงกับคนที่เขาสวยๆ เพราะคริสจะรู้สึกว่าคนที่หล่อและดีขนาดนั้น เขาคงไม่รักคริสจริง แป๊บเดียวก็คงจะทิ้งคริส
ทำไมคริสถึงมองว่าเขาจะไม่จริงจังกับคริส
ไม่รู้เหมือนกัน ความรู้สึกเป็นอย่างนั้นเอง ไม่ใช่ว่าไม่หล่อคริสเป็นแฟนเขาดีกว่า ไม่ได้คิดแบบนั้นนะ เพียงแต่ว่าคริสไม่คิดว่าต้องหล่อ ต้องหน้าตาเป็นยังไง ผมสั้นผมยาว จมูกโด่ง ขาว ไม่เคยคิดเลย แต่ว่า lifestyle ต้องใกล้เคียงกันนิดหนึ่ง
Lifestyle ของคริสเป็นอย่างไร
ไม่รู้ค่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ผู้ชายที่มาชอบคริสก็ยากเหมือนกันนะ คือ ห้าวแต่ไม่ห้าว ทำเป็นห้าว บางเรื่องก็ห้าว บางเรื่องก็ Sensitive มาก เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวห้าวอย่างไม่แคร์ โมโหหิวอีก เข้าใจยาก เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่ คริสไม่ผู้หญิงมาก ไม่งี่เง้า ไม่โทร.ตาม ไม่มีการโทร.จิก ไม่กลับก็ไม่กลับ ถ้ารู้ว่ามีคนอื่นไม่มีการคุยกันแล้วว่าเราเลิกกันนะ ถ้ามีคนอื่นก็แปลว่าอยากจะเลิกกับคริสถึงมีคนอื่น
ไม่มีการให้อภัยสำหรับความรัก ถ้าแฟนมีกิ๊ก
สำหรับเรื่อง ผู้หญิงไม่มี เพราะคริสเชื่อว่าตัวผู้หญิงเอง ตัวคริส ถ้าคริสสามารถหลวมใจไปกิ๊กกับอีกคนหนึ่งได้ นั่นแปลว่าความรักที่คริสให้เขา คริสไม่อินกับเขาเท่าเดิมแล้ว คริสถึงไปอินกับอีกคนหนึ่งได้ คริสก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับคนนี้ไปทำไมถ้าคริสจะไปมีอีกคนหนึ่ง คริสจะเก็บเขาไว้เพราะอะไร เพราะเขารวย ดูแลเราได้ มีธุรกิจมั่นคงเหรอ ถ้าจะอยู่กับคนๆ หนึ่งก็ต้อง เพราะว่าเรารักเขา รักเขาแล้วเราอินกับเขาเราก็อยากอยู่กับเขาเอง แต่ถ้าหากคริสแบบ Slip ไปมีคนอื่น ไม่มีคำว่าไม่ตั้งใจ เพราะว่าไม่ได้เป็นแบบวันเดียวแล้วแบบป่ะเราเข้าบ้านกัน ไม่มี เอาให้เร็วที่สุดเลยก็ต้องสองวัน วันแรกไม่มีไปกินข้าวกัน ไปกลับบ้าน ไม่มี One Night Stand เหมือนกัน กว่าจะถอดกางเกง ถอดเสื้อกันได้ กว่าจะเดินเข้าห้องกันได้ ต้องมีการคิด ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บแล้วนอกใจได้เลยภายใน 1 นาที อาจจะต้อง 30 วินาที ต้องสมองช็อกจริงๆ ไม่ได้ ไม่สามารถจริงๆ คริสรับไม่ได้ ถ้าหนูคิดว่าเขานอกใจ หนูต้องเลิกกับเขาเลย ถึงแม้คริสจะเจ็บ เจ็บแค่ไหน เสียใจแค่ไหน ต้องเลิก คนแบบนี้เป็น Husband ไม่ได้ แล้วยังไงพอคริส อายุ 50 ปี คริสไม่มี search ที่จะไปหาคนที่เขารักคริสจริงๆ หรือว่าให้ความรักคริสจริงๆ ที่เขาจะรักคริสคนเดียว ตอนนั้นเขามีเมียน้อยประมาณ 30 คน คริสก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แล้วเรื่องไร คริสคิดว่าตัวเองที่ดีพอที่จะ Research คนที่รักคริสจริงๆ เพราะคริสไม่คิดจะนอกใจแฟน ถ้าวันไหนเห็นใครที่รู้สึกว่าเราอยากไปกับเขา แสดงว่าคริสรักเขาน้อยลง คริสต้อง Consider แล้วว่าควรจะลองไตร่ตรองว่าคุ้มไหม คริสชอบคนนี้จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าคริสเอ๊ะหรืออะไร
มีคนอย่างนั้นหรือยังที่ทำให้คริสเข้าใจได้แบบนี้
แฟนคริสทุก คนน่ารักมากทุกคนเลย มีแค่ 2 คน คนหนึ่งเลิกเพราะขี้เมาจัดไม่ไหว คริสรับไม่ได้เพราะโตแล้วไม่มีความรับผิดชอบ ส่วนอีกคนหนึ่งนอกใจ คริสจับได้ว่านอกใจ ก็ไปเลยเหมือนกัน
มีใครโทร.มาอ้อนวอนร้องไห้ไหม
มีค่ะ คริสก็เสียใจเหมือนกัน ก็ฟังนะ แต่รู้คำตอบอยู่แล้ว เราต้องทำเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง
อยากให้คริสพูดถึงคนที่มีอาชีพของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเขาท้อแท้กับอาชีพของเขา คริสคิดว่าเขาควรจะเติมเต็มแรงบันดาลใจตัวเองยังไง
ถ้า มีสตางค์เก็บนิดหน่อย คือไม่แนะนำให้ทุกคนทำนะ แต่ว่าคริสคุยกับเพื่อนหลายคนล่ะที่ทำ แล้วชีวิตเขามีความสุขมากขึ้น อาจจะไม่ได้เงินได้เท่าเดิม แต่มีความสุขมากขึ้น ก็ต้องลองวัดดู คือให้หาก่อนว่าตัวเองชอบอะไร เพราะว่าคนไทยรุ่นคริสส่วนมากจะโดนบังคับเรียน แต่รุ่นพลอยจะแห่ไปเรียนแฟชั่นเรียนอะไรกัน รุ่นคริสยังโดนบังคับเรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนธุรกิจ ซึ่งเข้าใจว่าหลายคนอาจจะไม่ได้อยากเรียน คือต้องตามใจพ่อแม่ ฉันต้องเข้าคณะนี้ จบมาแล้วต้องทำงานกับสิ่งที่ตัวเองเรียนมาเพราะจะไปสมัครทำอย่างอื่นได้ยัง ไง พอทำงานในสิ่งที่ตัวเองเรียนมาแล้วไม่ชอบ ก็ทำไปอย่างนั้น เหมือนต้องไปโรงเรียนตอนเด็กๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราชอบอะไรถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องติงต๊อง เช่น ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมาก คุณอาจจะเป็นคนเขียนการ์ตูนก็ได้ ให้คิดก่อนว่าถ้าเราจะทำสิ่งที่ชอบต้องเริ่มต้นจากตรงไหนบ้าง พอได้ Connection ทั้งหมด ลองดูสตางค์ของตัวเองว่าเรามีเงินเก็บพอไหม ถ้าเกิดเราไม่มีงานทำประมาณปี สองปี เรากินอยู่โอเคไหม ถ้ากินอยู่ยังไม่โอเคช่วยเก็บ เราจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่มีงานไหนหรอกที่เป็นงานติงต๊อง