6 ทริคลดน้ำหนัก ไม่ต้องอดอาหาร ก็มีหุ่นเพรียวได้ แถมไม่โยโย่เอฟเฟกต์
ใครบอกว่าการลดน้ำหนักที่ดีจำเป็นต้องอดอาหาร รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนั้นจะส่งผลให้ระบบเผาผลาญของร่างกายเกิดความเสียหาย และตามมาด้วยการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ที่ทำให้เราอ้วนมากขึ้นกว่าเดิม หากต้องการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพจริงๆ ก็อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้
1.ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
ในส่วนนี้ให้แบ่งการออกกำลังกายออกเป็น 2 รูปแบบ คือการคาร์ดิโอ (เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ กระโดดเชือก) เพื่อให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญไขมันออกไป อีกส่วนหนึ่งก็คือ การเล่นเวทเทรนนิ่งเพื่อเปลี่ยนไขมันส่วนเกินให้กลายเป็นกล้ามเนื้อแทน ลองหาตารางเล่นที่แจกกันในอินเตอร์เน็ต หรือจะลองจัดตารางขึ้นมาเองก็ได้ ในช่วงแรกๆ อาจจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อย แต่เมื่อคุณเริ่มชินกับมันแล้ว การออกกำลังกายจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิต
2.หยุดงานปาร์ตี้ทุกอย่างไว้ชั่วคราว
ถ้าต้องการลดน้ำหนักจริงๆ ต้องใจแข็ง จะปาร์ตี้หมูกระทะ ปาร์ตี้เหล้าเบียร์อะไรต้องหยุดให้หมด หรือถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ก็ให้เลี่ยงไปทานผัก หรือผลไม้แทน ส่วนแอลกอฮอล์ก็ให้จิบสัก 1-2 จิบพอเป็นพิธี แล้วก็อาศัยการนั่งคุยไปแทนจนจบงาน
3.เลี่ยงการทานขนมหวานไปก่อน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักขึ้น ก็คือเรื่องของการทานอาหาร โดยเฉพาะเค้ก และขนมชนิดต่างๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ในระหว่างที่มีการลดน้ำหนักอยู่ ควรลดอาหารเหล่านี้ไปก่อน หรือถ้าอดใจไม่ไหวจริงๆ ก็ให้แทนแค่ 1 คำในช่วงเช้าก็พอ แล้วไปชดใช้กรรมที่ทานเข้าไปด้วยการออกกำลังกายมากขึ้น ทำแบบนี้ทุกครั้ง สุดท้ายคุณก็จะหยุดขนมหวานได้ไปเอง
4.ดื่มน้ำให้เยอะ
การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกายได้ดี ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้คิดค้นสูตรที่เหมาะสมกับการดื่มน้ำคือ (น้ำหนัก)/2 x 2.2 x 30 = ? C.C. วิธีคิดก็เช่น ถ้าน้ำหนักตัว 55 ก็ให้แทนด้วย (55)/2 x 2.2 x 30 = 1815 C.C. หรือคิดเป็น 9 แก้วต่อวัน
5.แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 5 มื้อ
โดยจะต้องเฉลี่ยจากอาหารปกติ คือจาก 3 ให้กลายเป็น 5 ซึ่งก็จะทำให้ปริมาณอาหารน้อยลง การทำแบบนี้จะช่วยยืดระยะความอิ่มได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องไปหาของจุกจิกมาทานให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีก
6.ทำทุกอย่างให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน
ทั้งข้อ 1-5 นั้น ถ้าต้องการจะให้ผลที่ดีที่สุด ต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนขึ้นไป เพื่อที่ร่างกายจะได้มีการปรับตัว และช่วยให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ถ้าหากอยากมีกำลังใจในการลดน้ำหนัก ก็ลองถ่ายรูป และจดบันทึกน้ำหนัก สัดส่วนของตัวเองไว้ก่อนลดน้ำหนักดู แล้วลองเอามาเปรียบเทียบกันเรื่อยๆ จะทำให้คุณมีแรงฮึดสู้ที่จะลดได้มากกว่าเดิม