เสียงร้อง(ไห้)..บอกอะไรนะ

เสียงร้อง(ไห้)..บอกอะไรนะ

เสียงร้อง(ไห้)..บอกอะไรนะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

วิธีการสื่อสารสำหรับเด็กเล็กคือ การร้องไห้ สาเหตุที่เด็กร้องไห้ คือ

หิว : เด็กทารกจะหิวทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้าตื่นมาแล้วไม่ได้กิน เจ้าหนูอาจจะร้องโวยวายเพราะความหิวได้



แน่นท้อง : หากกินนมเสร็จแล้วนอนเลย อาจเป็นสาเหตุให้ปวดท้องเพราะท้องอืดท้องเฟ้อ และแหวะนมออกมา ควรอุ้มให้เรอก่อนที่จะพาเขาเข้านอน



ง่วงนอน : แม้ง่วงนอนแต่ก็ไม่ยอมนอน นั่นคงเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยกับการนอนเสียเลย เช่น แสงสว่างมากเกินไป เสียงดัง เป็นต้น คุณแม่จึงควรจัดบรรยากาศให้สบายๆ มีอากาศถ่ายเทและไม่มีแสง รบกวนการนอนของลูก



อากาศร้อนหรือหนาว : เด็กเล็กจะอ่อนไหวกับอุณหภูมิของอากาศ เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เช่น อยู่ห้องแอร์แล้วพาเขาเดินออกมาเจออากาศร้อนๆ ภายนอก เด็กปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ทันรู้สึกหนาวหรือร้อนก็ทำให้อดร้องไห้ไม่ได้ ผ้าอ้อมเปียกชื้น : ถ้าชื้นหรือจับดูแล้วหนักๆ ก็ให้เปลี่ยนเลยดีกว่าค่ะ อย่าประหยัดถึงขนาดรอจนเต็มแผ่นก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนนะคะ ไม่งั้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดผดผื่นได้ด้วย



ไม่สบายตัว : จะร้องเสียงขึ้นจมูก และร้องไห้อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยสาเหตุอาจจะมีแค่หนูร้อนไปหนาวไป ผ้าอ้อมเปียกก็เท่านั้นเอง
เช็คดูว่าเจ้าหนูรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวจากสิ่งไหนบ้างหรือเปล่าถึงร้องไห้ เช่น เสื้อ กางเกง ผ้าอ้อม รัดแน่นจนเกินไป



ป่วย : ลูกจะเอาแต่ร้องๆๆ ด้วยเสียงดังมากๆ แถมส่งเสียงโทนสูง และหวีดร้องเพื่อจะบอกเราว่า หนูกำลังเจ็บอยู่นะ!!อาการป่วยไม่ว่าจะเป็นไข้ ท้องเสีย ปวดท้อง ต้องรีบหาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขให้ทันท่วงที โดยทุกครั้งที่ลูกร้องไห้ต้องเช็คอุณหภูมิที่ตัวลูก ว่าไม่ร้อนหรือเย็นไป รวมทั้งเจ้าแมลงสัตว์กัดต่อยทั้งหลายด้วย



เหงา : โทนเสียงของลูกจะเปลี่ยนเป็นร้องไห้คร่ำครวญ กระซิกๆ เหมือนว่าเขากำลังจะอ้อนคุณอย่างนั้นแหละ หนูก็แค่ต้องการให้มากอด มาเล่นกับหนูบ้างเท่านั้นเอง
อาการเหงาหรือหวาดกลัวที่อยู่คนเดียว มองไม่เห็นใคร ดังนั้นการที่พ่อกับแม่อยู่กับเขาด้วย ฮัมเพลง เห่กล่อม เบาๆ แค่นี้น้องหนูก็อุ่นใจไม่ร้องแล้ว


ร้องโคลิก คืออาการร้องไห้ของเด็กคล้ายว่าจะปวดท้อง และยิ่งร้องไห้ท้องยิ่งแข็งเพราะลมเข้าไปเยอะ มักจะเกิดอาการนี้ช่วงเย็น ร้องครั้งละนานถึง 3-4 ชั่วโมงในเวลาเดิม และมักจะต่อเนื่องนาน 2-3 เดือนเลยทีเดียว พอหลังจากนั้นก็จะหยุดร้องไปได้เอง แต่อาการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนค่ะ และไม่มีอันตรายใดๆ

 

เมื่อไปปรึกษาคุณหมอให้แน่ใจว่าลูกร้องโคลิก ไม่ได้มาจากสาเหตุผิดปกติอื่นๆ และเมื่อลูกร้องโคลิกคุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกให้แนบตัว ลูบหลังเบาๆ พร้อมกับเห่กล่อมให้บรรยากาศที่สงบ นุ่มนวล เพื่อให้ลูกสงบเร็วขึ้น และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรจะไม่พยายามไม่กังวลและเครียดมากเกินไป


แค่อยากร้อง :
อย่าคิดว่าเจ้าหนูเขากวนเลยนะคะ ก็แค่อยากร้อง อยากทดสอบพลังเสียงดูเสียหน่อยว่าจะดังแค่ไหน ถ้าเป็นแบบนี้แค่ร้องพักเดียวเดี๋ยวก็หยุดแล้วค่ะ



อารมณ์ไม่ดี : มีเหมือนกันที่พื้นฐานอารมณ์ของเจ้าหนูจะเป็นคนที่ใจร้อน โมโหง่าย หรือมีลักษณะที่ชอบหรือไม่ชอบอะไรบางอย่าง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่คงต้องสังเกตให้ดี และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ลูกไม่ชอบ เช่น ลูกไม่ชอบเสียงเพลงเร็วๆ หรือชอบนอนแบบเปิดไฟมากกว่าปิดไฟ



ร้องกลั้น คือพฤติกรรมที่ร้องจนงอหายแล้วกลั้นไว้ไม่หายใจครู่ ซึ่งพอกลั้นหายใจก็เลยทำให้เด็กหน้าเขียวหน้าแดงจนพ่อแม่ที่เห็นตกใจได้
เมื่อลูกร้องกลั้น จากนั้นก็ใช้วิธีเขย่าตัวหรือเรียกเพื่อให้ลูกรู้สึกตัว หรือถ้ามีสัญญาณว่าลูกจะร้องกลั้นให้รีบอุ้มลูกขึ้นมากอดไว้แล้ว เบนความสนใจด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศก็จะช่วยได้



เทคนิค...สยบเสียงร้อง

 

- อุ้มให้ลูกแนบกับตัวเราที่สุด ลูบหลังเบาๆ พร้อมกับโยกตัวเป็นจังหวะไปมาเบาๆ

- คุณแม่จะนอนหงายแล้วพาลูกมานอนคว่ำบนตัวคุณ และนวดหลังให้ลูกเบาๆ ช้าๆ ลูกจะได้ยินเสียงหัวใจคุณเต้น ทำให้สงบสติอารมณ์ได้เร็ว

- พาเจ้าหนูไปอาบน้ำอุ่นๆ พร้อมกับใส่เสื้อผ้าสบายตัว

- หาสิ่งเบี่ยงเบน เพื่อให้เพลินลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ

- พาเจ้าหนูนั่งรถเข็น ออกไปรับลมและเปลี่ยนวิวทิวทัศน์ ช่วยได้ค่ะ

- คุยกับลูก เสียงที่คุ้นเคยจะทำให้เขาไว้ใจ และหยุดร้องโดยง่าย

- ห้ามเขย่าตัวลูกอย่างรุนแรงเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อวัยวะภายในรวมทั้งสมองได้รับผลกระทบรุนแรง เป็นสาเหตุของความพิการและเสียชีวิตได้

 

เรื่องโดย: หมูอ้วน
ขอบคุณข้อมูลจาก Modern Mom
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook