ต่อผมยาว....เรื่องใกล้ตัวน่ากลัว ที่ผู้หญิงต้องอ่าน!

ต่อผมยาว....เรื่องใกล้ตัวน่ากลัว ที่ผู้หญิงต้องอ่าน!

ต่อผมยาว....เรื่องใกล้ตัวน่ากลัว ที่ผู้หญิงต้องอ่าน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ประสบการณ์จริง100% จากการต่อผมจริง แล้วเค้ามาทวงคืน

เอามาเป็นอุทธาหรณ์นะค่ะสำหรับคนชอบต่อผมจริง ซึ่งเราไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตัวเองเลย เรื่องที่นำมาเล่ารับรองเป็นจริงล้านเปอร์เซ็นต์ไม่มีการแต่งเติมเพื่ออรรถรสใด ใดค่ะ เรื่องนี้เกิดมาเกือบปีแล้วไม่เคยเล่าให้ที่ไหนฟังเลย ห้องแป้งเป็นที่แรกค่ะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า....

เราตัดผมออกประมาณไหล่ได้ เราเป็นคนหน้ากลมตัดมาแล้วไม่เข้ากับหน้าตัวเองเลย เลยอยากต่อผมเห็นคนอื่นต่อแล้วสวยอยากสวยเหมือนคนอื่นเค้าด้วย มีคนเตือนแล้วไม่ฟังว่าอย่าต่อผมจริง เราไม่รู้ว่าเจ้าของเค้าเป็นใคร เดี๋ยวเค้าตามมาเอาคืน คือคนเตือนเค้าชอบฟังเรื่องทำนองนี้ เราไม่ค่อยเชื่อกับเรื่องพวกนี้เลยเพราะไม่เคยเห็นจะจะ และที่สำคัญเพื่อนร่วมห้องเราต่อมาเป็นสิบครั้งผมจริงทุกครั้งไม่เห็นจะมีไรเลย พอเราต่อมาได้อาทิตย์ก็ปกติดี เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไร แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนั้นแหละ

กลางคืนเราเริ่มได้ยินเสียงขูดเพดานดัง"แครก แครก"รอบห้องก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเช่าห้องที่ตึกแถว ก็ตึกแถวมันติดๆกัน ก็เป็นธรรมดาที่มันจะเสียงดัง เราคิดว่าคงดังมาจากห้องข้างๆ แต่ที่น่าแปลกคือมันดังตอนตีสองพอดีทุกคืนประมาณ15นาที แล้วก็เริ่มขูดใหม่อีกครั้งทุกคืน แต่เราไม่กลัวเพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องแบบนั้น เพื่อนเราก็ไม่ค่อยเชื่อเพราะอย่างที่บอกมันต่อมาเป็นสิบไม่เคยเจอ จนปลายอาทิตย์ ตอนเช้าเรานั่งปลดทุกข์อยู่ เพื่อนเราไม่อยู่วันนั้นเราเลยเปิดประตูห้องน้ำไว้ เราก้มหน้าแล้วเหลือบเห็นเท้าหนึ่งคู่เดินเข้ามาหาเรา ใจหายแวบบ รีบเงยหน้าขึ้นดูแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร ในใจพยายามคิดว่า คิดไปเอง

ปล.เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะค่ะ

ตอนสองทุ่มจำได้เป๊ะเลย นั่งสระผมอยู่บนโถส้วมแล้วเปิดประตูห้องน้ำไว้ คราวนี้มาแบบให้มั่นใจว่า ไม่ได้คิดไปเองนะยะ เห็นเท้าสีดำเดินเข้ามาแต่เราไม่ได้เงยหน้าอยู่เพราะกำลังสระผมเท้าคู่นั้น เดินมาหยุดหน้าเรา เราหลับตาแล้วเงยหน้าพร้อมกับลืมตา อ้าวไม่เห็นมีไรเลย ตอนนั้นห้าสิบห้าสิบแล้ว ใจตุ้มๆต่อมๆรีบอาบน้ำโทรเรียกเพื่อนกลับมาแต่ไม่ได้เล่าให้มันฟังเพราะ เดี๋ยวคุณเธอไม่ยอมกลับมาหา555+ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนตีสองเวลาเดิม เสียงก็เริ่มขูดอีกจากนอกห้องเข้ามาในห้องดังขึ้นเรื่อยๆ จากรอบห้องก็มาตรงเพดานที่เรานอนขูดดังมากจนเพื่อนถามว่า "เมิง(ขอหยาบนึดนึงตามสถานการณ์ ช่วงเวลานั้น)กุว่าเสียงเหมือนคนเล็บยาวๆขูดห้องเลยหวะ" "อิบ้าอย่าทักสิเงียบๆ"เราด่าเพื่อน แต่เราหลับตาไม่กล้าลืมตา ความจริงเรานอนตั้งแต่เที่ยงคืนแต่นอนไม่หลับตั้งแต่ได้ยินเสียง มาผล๊อยหลับอีกตอนรุ่งเช้า เข้าเรื่องต่อ ครางนี้เสียงขูดนั้นดังมาเรื่อยๆจนมาถึงข้างๆกำแพง จนทนไม่ไหวลืมตาขึ้นอยากรู้ว่ามันคืออะไร

หน้าคนดำๆไม่มีผมลอยอยู่บนเพดาน (ขนลุกเลยตอนพิมพ์ยังอินไม่หาย) เรากระเด้งตัวเปิดไฟ แล้วบอกเพื่อนว่าไม่อยากนอนแล้ว มันเหมือจะรู้ลางๆแต่ไม่ได้ถามไร เราเล่นคอมเพื่อนเราดูทีวีจนเช้า ลืมบอกอย่างนึงก่อนหน้านี้เราถอดผมออกแล้วเพราะหนักหัวไม่ไหวแต่ไม่ได้เอาไปคืนที่ร้านเพราะงกแพงนี่นาที่ต่อมาเลยเก็บไว้ค่อยเอาไปต่อที่หลังหรือขายไป พอประมาณหกโมงเช้าเรากับเพื่อนเลยตัดสินใจไปตักบาตรเพื่อความสบายใจค่ะ

**ประมาณแปดโมงเพื่อนเราไปเรียน อยู่คนเดียวอีกรอบแต่ยังไงก็นอนไม่หลับเลยโทรไปหาพ่อ ร้องไห้บอกว่ากลัวมากอยากกลับบ้านแล้ว พ่อบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาหลายสิบปีไม่เคยเจอผีไม่มีหรอกไม่ต้องกลัวถ้ามีอย่าลืมขอเลข สองตัวให้ด้วยนะ หรือให้มันมาหาพ่อหน่อย ปลอบจนรู้สึกดีขึ้นวางสายนอนดูทีวีตอนนั้นเสียงขูดดังขึ้นอีก แต่ไม่ดังมากเท่าไหร่เหมือนขูดจากด้านนอก แต่ไม่สนใจอ่ะเหนื่อยแล้วทำบุญยังมารังควาญในใจนอกจากความกลัวคือความหงุดหงิดไรหนักหนาวะเนี่ย คราวนี้หลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนแฟนโทรเข้ามาหาเราเล่าให้เค้าฟัง เค้าบอกเดี๋ยวมารับเอาผมไปคืนซะ เราบอกเผาเลย เค้าบอกจะบ้าหรอเผาถ้าเค้ามาทวงจะเอาที่ไหนคืนเค้าละ เอาไปคืนที่ร้าน แล้วแฟนเราก็มารับเอาผมไปคืนที่ร้าน คืนนั้นก็หลับเป็นปกติไม่เกิดอะไรขึ้น แล้วอีกวันเราก็กลับบ้านคราวนี้ทุกคนในบ้านรู้เรื่องหมด แต่ไม่ค่อยมีคนเชื่อแม่ทำงานที่โรงพยาบาลมายี่สิบห้าปีไม่เคยเจอ ที่บ้านไม่มีใครเจอจะจะคาตาแบบนี้อย่างดีก็แค่ได้ยินเสียง ขนลุก ไม่มาตามรังควานหรือให้เห็นเพื่อความแน่ใจ สรุปตอนนั้นแม่เชื่อครึงนึง น้องเงียบเราคิดว่ามันกลัว ส่วนพ่อไม่เชื่อเลย แต่เราไม่คิดมากเพราะคิดว่าคงไม่มีไร

แต่คุณพระ สวรรค์ไม่เข้าข้างเราเลยสักนิดพระก็เต็มบ้าน เวลาเดิมตีสอง เสียงโทรศพท์บ้านดังขึ้น(มีแค่ในห้องเรากับข้างล่าง) เรารับสายแบบงงๆว่าใครโทรมาวะเนี่ย "สวัสดีค่ะ" ปลายทาง เงียบ ไม่มีใครตอบรับเราเงี่ยหูฟังเป็นเสียงลมครืด ครืด เราเลยวางคิดว่าโทรผิดเลยวางสายไป เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นอีกเรารับทุกอย่างเหมือนเดิมสองสามครั้งแล้ววาง ครั้งที่สี่ไม่กล้ารับยกหูวาง แล้วก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนหยุดแล้วเงียบแล้วดังขึ้นอีกเราไม่ไหวแล้วอยาก ร้องไห้ พอคราวนี้ดังขึ้นอีกเลยวิ่งไปเคาะห้องพ่อแม่ แม่เดินมาจะรับแล้วมันก็เงียบ แม่เลยบอกว่าปิดแอร์แล้วไปนอนในห้องพ่อแม่คืนนี้ พอกำลังขนหมอนผ้าห่มจะเข้าห้อง เสียงก็ดังขึ้นอีก แม่เดินอย่างมาดมั่นมารับโทรศัพท์"สวัสดีค่ะ ต้องการพูดสายกับใครค่ะ ครืด ครืดเป็นเสียงลมตอบกลับมาในความเงียบ สวัสดีค่ะ ถ้าคุณว่างมากนักมาพบกันที่โรงพยาบายxxxแผนกจิตเวชได้นะค่ะ เงียบแล้วเป็นเสียงลมอีก"แม่บอกว่าสงสัยเพื่อนพ่อคงโทรมาชวนพ่อกินเหล้าพอ ได้ยินเสียงผู้หญิงรับเลยไม่กล้าคุยคิดว่าแม่รับกลัวโดนว่า เลยเข้าไปนอน ในห้องพ่อบอกเหมือนที่แม่บอกว่าสงสัยเพื่อนโทรมา แล้วบอกต่อว่าพอดีปิดเครื่องแล้ว นอนๆถ้ามีจริงมาหาหน่อย แม่ร้องแหกปากจะบ้าหรอไม่เอา อย่าท้าทาย คราวนี้เราหลับสนิทเพราะนอนกับพระในบ้านไม่มีใครทำอะไรเราได้

 

 

 

ปล.ไม่เชื่อไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะเราไม่ค่อยเชื่อเหมือนกัน ขนาดตอนแรกคนในบ้านยังไม่ค่อยเชื่อเลยค่ะ ถ้าไม่มาเจอเองจะจะ กับตามมาที่บ้านก็คงไม่มีใครเชื่อ ถ้าไม่โดนกับตัวเอง

ตอนแรกคิกว่าจะจบเหมือนกันค่ะ T_T

ต่อๆ ตอนเช้าเราตื่นสายสุด ลงมาข้างล่างคำถามแรกที่ถามแม่คือ พ่อดูมือถือยังว่าเพื่อนมิสคอลมามั้ย แม่บอกว่าถามพ่อเองแล้วกัน เราเลยหันไปถามพ่อ พ่อบอกว่าไม่มีใครโทรมา ทั้งเครื่องพ่อ แม่ ความหวังสุดท้ายถามน้อง น้องก็บอกว่าไม่มีใครโทรมา พ่อบอกแต่งตัวไปหาพลวงพ่อที่นับถือมาหลายสิบปีที่วัดโพธิ์

ทำสังฆทานเสร็จ เล่าให้หลวงพ่อฟัง แต่ท่านจบดร.เป็นสายนักวิชาการ เค้าบอกว่า สิ่งเหล่านี้มาให้ได้แค่เห็น ถ้าเราคิดดี ทำดี เค้าจะทำอะไรเราไม่ได้ ท่านให้พระมาหนึ่งองค์ปลอบขวัญ แล้วบอกว่าต่อไปนี้จะโชคดี แคล้วคลาดปลอดภัย แล้วพ่อเรากับท่านก็สนทนาธรรมสักพักแล้วกลับบ้าน หลังจากนั้นเรากลับมาอยู่ที่หอเดิมก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเลย จนย้ายหอมานี่แหละ

จบแล้วค่ะ ครั้งเดียวในชีวิตและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อีก

เคยได้ยินมาว่าถ้าเราไม่ยุ่งกับพวกอวิชชาทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้จะทำอะไรเราไม่ได้


ลืมเล่าอีกอย่าง ก่อนเอาผมไปคืนที่ร้านคิดว่าเค้าจะรับหรอ หรือเค้าจะงงมั้ยที่เอามาคืน พอเอาไปคืนจริงพี่เค้ารับมาถามว่า ใช่น้องที่มาบอกเมื่อวานรึป่าวว่าจะมาเอาคืน

อ้าวบอกตอนไหน หรือคนอื่นมาบอก หรือจะเป็น... แต่เรารับสมอ้างไปเลยว่าใช่ค่ะ แล้วรีบยื่นให้ไปเลย

ตอนนี้ร้านนั้นเจ๊งไปตามระเบียบ เราว่าอย่าต่อผมจริงเลยนะค่ะ หนึ่งในล้านที่เจออาจเป็นเราก็ได้ ซึ่งเราเจอคนครั้งแรกครั้งเดียวพอจบเลย เค้าว่าผมที่ซื้อมาจะซื้อเป็นกิโลจากชาวเขมร พม่า แถวนี้นะ เค้านิยมไว้ผมยาวกัน

หลังจากนั้นแม่เพื่อนรู้เรื่องเค้ามีร่างซึ่งเราไม่เชื่อ เค้าบอกว่าผมที่เอามาเป็นคนพม่าเค้าไม่สบายแล้วเสีย คนเอามาไม่ขออนุญาตเลยจะมาเอาคืน แต่อันนี้ไม่คอนเฟริมว่าจริงมั้ย เพราะไม่รู้และไม่ค่อยเชื่อด้วย

 

ที่เราคิดว่ามาจากผมเพราะว่าไม่เคยเจอจะจะ ส่วนมากก็ออกแนวเสียงไรเทือกนี้ เราเลยสรุปเข้าข้างตัวเองไปว่าคิดเอง จนมาต่อผมนี่แหละถึงเกิดเรื่องขึ้น แล้วที่สำคัญที่สุดในห้องมีพระค่ะ แต่ไม่ช่วยอะไรเลย เห็นมีคนบอกว่า แกเอาผมเค้ามานิ พระจะช่วยอะไร แล้วอีกอย่างที่สำคัญคือ เรามีความเชื่ออย่างนึงว่าถ้าเราไม่เคยยุ่งกับอวิชชา สิ่งพวกนี้จะไม่มาทำอะไรเราได้เด็ดขาด และที่สำคัญเราถือศีลห้าอาจขาดบ้างไรบ้างเช่นตบยุง ตีมด แต่คงไม่ถึงขนาดชั่วช้าจนมีใครมาทำอะไร

และที่สำคัญพอเราถวายสังฆทานก็ไม่มีอะไรจนถึงตอนนี้ สงบ

ทำไมถึงไม่สวดมนต์ ณ วินาทีนั้น กลัวจนลืมทุกสิ่ง ช็อคค่ะ ไม่มีสติ

ทำไมไม่ลอยน้ำ คือเรากับแฟนคิดในกรณีเดียวกับว่าถ้าเค้าจะเอาคืนแล้วมาจังๆกว่านี้จะเอาที่ ไหนมาคืนให้ลอยไปแล้ว เอาไปให้ร้านดีกว่าเพราะเราเอามาจากตรงนี้ก็คืนตรงนี้

ที่ถามว่าเค้าจะมาให้ช่วยอะไรหรือป่าว ไม่ช่วยค่ะเพราะกลัวมากถึงมากที่สุด ไม่ใช่แล้งน้ำใจหรืออะไรนะค่ะ ถ้ามาในฝันสวยๆยังพอพิจารณาแต่คุณเธอมาแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ แล้วที่สำคัญแม้เราไม่เชื่อ แต่เราเป็นโรคประจำตัวชนิดนึงค่ะ โรคปอดแหก ตาขาว ใจป๊อด ตอบได้อย่างไม่อายและไม่มีฟอร์มเลยค่ะ เราทำให้ดีที่สุดแค่ทำบุญทำสังฆทานให้

 

อนุญาตทุกคนจะโพสจะแปะยังไงก็ได้ค่ะ ไม่ใส่เครดิตก็ได้ เพราะตั้งใจจะนำมาให้เป็นการตัดสินใจกับเรื่องการต่อผม

 


ขอบคุณข้อมูลจาก : ท่านมินท์ (โต๊ะเครื่องแป้ง pantip.com)
ขอบคุณภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook